บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 454
บทที่ 454 ทาสรับใช้
ในช่วงเวลาที่เตรียมตัวมาที่นี่ นางก็ให้ท่านแม่พลิกหนังสือหลายเล่ม ได้รู้ว่าควรจะลงมือจากที่ไหนก่อนกันแน่ หากแสร้งปลอมตัวเป็นพวกชาวบ้านมา ในช่วงเวลาสงครามเช่นนี้จะต้องถูกจับได้แน่ แต่เป็นพ่อค้าของแคว้นเล็กๆ สถานการณ์จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง
กู้อ้าวเวยได้เรียนรู้อะไรเล็กๆ น้อยจากฉีหรัว พูดอย่างทีเล่นทีจริงว่า “ไม่เพียงแค่อาวุธสงคราม หากยังมีอะไรอย่างอื่นอีก……”
“นี่ อย่างอื่นที่ว่ายังมีอะไร” เถ้าแก่เนี๊ยหัวเราะเสียงต่ำขึ้นมา “ข้าว่าน้องชายก็ดูยังอายุน้อยอยู่เลย กลัวว่าจะไม่ใช่เจ้าของตัวจริงน่ำสิ”
กู้อ้าวเวยคิดถึงร่างเล็กๆ ของตน ได้แต่ไอออกมาหนึ่งคำ “เถ้าแก่เนี๊ยคิดไม่ถึงว่าท่านก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นช่วงเวลาสงคราม เจ้านายของข้าก็คงจะไม่มาเสี่ยงอันตรายเอง ต้องรอจนทุกอย่างตกลงกันเรียบร้อยแล้วก่อน”
เถ้าแก่เนี๊ยเห็นนางไม่ยอมพูด ในใจมีความคิดบางอย่าง ก็เลยออกไปแล้ว
ผ่านไปชั่วครู่ จับเอาทาสสาวน้อยเมื่อครู่นี้ขึ้นมา กู้อ้าวเวยตกใจไปครู่หนึ่ง กุ่ยเม่ยก็ถูกตระกูลหยุนและชิงต้ายทำให้กลัวเช่นกัน รีบหลบไปอยู่ด้านหลังของกู้อ้าวเวย ไม่ยอมยืนอยู่กับทาสรับใช้สองนางด้วยกัน
อีกทั้งห้องนี้ทั้งหมดมีแค่สี่เตียงเอง ผิงชวนเอาทาสสาวน้อยสองนางลากไปที่มุมหนึ่ง ให้พวกนางยืนอยู่ เดินมาข้างกายกู้อ้าวเวยแล้วพูดอย่างเบาๆ ว่า “หากเอาทาสรับใช้ผลักออกไป งั้นทาสรับใช้พวกนี้จะต้องถูกขายต่อออกไปเป็นแน่ พวกเจ้าแอบอยู่เช่นนี้ ก็เท่ากับว่าทำร้ายพวกนาง”
บนมือเท้าของทาสสาวสองนางถูกโซ่ตรวนล็อกอยู่ สั่นไปมาไม่พูดแม้แต่คำเดียว
ทั้งสองฝั่งนิ่งเงียบอยู่ชั่วครู่ กู้อ้าวเวยเพิ่งคิดออกให้สองคนไปนอนพักบนเตียง แต่พูดแบบนี้ไปดูเหมือนว่าจะมีอะไรไม่ค่อยชัดเจน ก็เห็นทาสสาวที่อายุมากกว่าคนหนึ่งเดินขึ้นมาด้านหน้าอย่างระแวดระวัง “หากไม่ชอบ ข้าน้อยก็จะก็จะ……เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ท่าน…..”
พูดไปก็จะไปจับที่ผ้าคาดเอวของกู้อ้าวเวย เดิมทีกู้อ้าวเวยอยากจะถอยหลัง แต่คิดไปคิดมา ตัวเองก็เป็นร่างของผู้หญิงก็ไม่เห็นจะเป็นไรไป อีกทั้งนางยังกลัวว่าพวกทาสรับใช้พวกนี้จะมีความสัตย์ซื่อที่แก้ไม่หาย ได้เพียงยกมือขึ้นจับข้อมือของนาง “หากเจ้าจะมาเอาความลับล่ะก็ ก็ไม่ต้องเลย”
ทาสสาวถูกทำให้ตกใจไปชั่วครู่ กู้อ้าวเวยกลับลากพวกนางลงมาที่ชั้นล่าง ส่งมอบให้เถ้าแก่เนี๊ยอีกครั้ง พูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “แม้แต่ทาสรับใช้ยังส่งมาที่ห้องข้าอีก เถ้าแก่เนี๊ยไม่ใช่ว่าจะมาสืบเอาความลับจากข้าหรือ”
เถ้าแก่เนี๊ยรีบเก็บมือ เพ่งสายตาไปที่ทาสสาวทั้งสองคน พูดอย่างทำตัวไม่ถูกว่า “แถวถนนซ่องล้วนถูกพลทหารเอาไปหมดแล้ว เหลือเพียงทาสสาวใช้พวกนี้เท่านั้นแล้ว……”
“ข้าคนนี้ เห็นสิ่งที่ไม่สะอาดไม่ได้” กู้อ้าวเวยพูดถึงตรงนี้ ปล่อยมือเช็ดนิ้วมือไปมา “เอาพวกนางไปทำให้เรียบร้อยก่อนค่อยส่งขึ้นไป ยังมีโซ่ตรวนนี่อีก ก็ไม่รู้ว่าเคลือบด้วยอะไรมา แพร่เชื้ออะไรให้ข้าไปมันจะไม่ดีได้”
“ได้ๆๆ โทษข้าที่ทำอะไรไม่คิดให้รอบคอบก่อน” เถ้าแก่เนี๊ยพูดอย่างวุ่นวาย หลังส่งกู้อ้าวเวยขึ้นชั้นบนไปแล้ว จึงหลับตาลงชั่วครู่ เรียกผู้ช่วยมา “ยังไม่รีบจัดการกับนางสองคนให้เรียบร้อย แล้วส่งขึ้นไปชั้นบนอีก”
“แขกผู้นั้นอารมณ์ฉุนเฉียวนัก จะมีคุยเรื่องการค้าจริงหรือ” บนไหล่ของคนรับใช้เสี่ยวเอ้อมีผ้าพาดอยู่ ผลักทาสหญิงสองคนด้วยความขยะแขยง
“ฟ้าเท่านั้นที่รู้ แต่กล้าที่จะออกอารมณ์ขนาดนี้ คิดว่านายที่อยู่ด้านหลังนั้นน่าจะเอ็นดูพอควร อีกทั้งผ่าบาทตอนนี้ยังไม่พอใจกับแม่ทัพอ้ายหยินอย่างมาก อาจเป็นได้ว่าในเมืองจะมีใต้เท้าใหญ่โตท่านไหนสักคนที่มาเยือน” เถ้าแก่เนี๊ยพูดด้วยเสียงต่ำ สองอย่างนี้นางยั่วโมโหไม่ได้
คนรับใช้เสี่ยวเอ้อกลืนน้ำลาย รีบไปทำตาม เอาสองคนนั้นไปทำความสะอาดให้เรียบร้อย อีกทั้งยังเปลี่ยนชุดกระโปรงที่สะอาดสะอ้านทั้งร่างกาย แล้วค่อยส่งกลับไปที่ชั้นบนอีก
ครั้งนี้ พอเข้าประตู กู้อ้าวเวยก็ชี้ไปที่เตียงที่ลากมาชนกันสองเตียง “ขึ้นไปอยู่เฉยๆ อย่าก่อเรื่อง”
ทาสสาวสองนางแม้ว่าจะกลัว แต่ก็รีบปีนขึ้นไปบนเตียง ยังพลางถอดเสื้อผ้าอีก
ผิงชวนกุ่ยเม่ยรีบหันหน้าไปอีกทาง กู้อ้าวเวยเอาลูกดอกปาไปที่เสื้อผ้าของทั้งสองคน “ใครให้พวกเจ้าถอดเสื้อผ้า ทั้งหมดนอนอยู่บนนนั้นให้เรียบร้อย ปิดบังเนื้อหนังไว้ถึงจะเรียกว่าสวย เข้าใจไหม”
ทาสสาวสองคนรีบใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อยอย่างรีบร้อน
กู้อ้าวเวยมันช่างจัดการยากเสียจริง โชคดีที่ตนเองเป็นผู้หญิง แม้ว่าคืนนี้จะหลับนอนเตียงเดียวกับแม่นางสองคนนี้ก็ไม่เป็นไร แค่มองดูหญิงสาวที่เพิ่งเติบโต อีกทั้งท่าทางยังอ่อนเยาว์เสียด้วย ในใจมักจะรู้สึกทนไม่ได้
ไม่ง่ายเลยที่จะอดนอนตลอดทั้งคืนนี้ วันที่สองกู้อ้าวเวยเอาทาสสาวสองคนนั้นพาติดตามตัวไปด้วย แล้วก็ส่งผิงชวนให้ไปคิดวิธีที่จะติดต่อกับยู่จู ด้านนี้ให้กุ่ยเม่ยสืบดูก็พอ สองคนนั้นก็หลงทางอยู่ที่ไหนกัน อีกสองวัน กองทัพของซ่านเซิ่งหานก็ควรถึงแล้ว
ทาสสาวสองคนแม้แต่ชื่อก็ยังไม่มี กู้อ้าวเวยได้เพียงพาสองคนหาโรงเตี๊ยม กลับเห็นสองคนนั้นหดตัวอยู่ที่มุมกำแพง “ทำไมถึงไม่นั่งลง”
แขกที่อยู่ด้านข้างต่างพากันมองมา คนรับใช้เสี่ยวเอ้อรีบเข้ามาต้อนรับ “ใต้เท้า เดิมทีแล้วทาสรับใช้ไม่สามารถเข้ามาที่โรงเตี๊ยมได้”
“ข้าเอาโซ่ตรวนของพวกนางถอดออกแล้ว พวกเจ้ารู้ได้อย่างไรว่าพวกนางเป็นทาสรับใช้กัน” กู้อ้าวเวยดูปฏิกิริยาของสองคน อดสงสัยไม่ได้
คนรับใช้เสี่ยวเอ้อลังเลอยู่ชั่วครู่ พุ่งเข้ามาพูดเสียงเบาๆ ว่า ท่านมาจากต่างแคว้นแน่นอน เป็นไม่เป็นทาสรับใช้ แค่ดูที่ข้อมือก็รู้แล้ว ล้วนเป็นเนื้อหนังที่หยาบกล้าน ท่านเป็นคนจิตใจดี แต่โรงเตี๊ยมของพวกเราที่นี่ยังมีขุนนางอีกมาก เจอพวกนางไม่ได้ เทียบไม่ได้กับท่าน เปลี่ยนโรงเตี๊ยมเถอะ”
กู้อ้าวเวยกลับคิดไม่ถึงว่าคนรับใช้เสี่ยวเอ้อจะพูดเช่นนี้ คิดไปคิดมา ยัดทองใส่มือของเขา “เอาชั้นบนนั้นจองไว้ให้ข้า แล้วก็เรียกทาสรับใช้ที่อยู่ด้านหลังบ้านขึ้นมากินข้าวให้หมด ดีที่สุดเอาคนที่สามารถร้องเพลงได้ด้วย แล้วเจ้าก็คอยทักทายขึ้นอาหารก็พอ”
คนรับใช้เสี่ยวเอ้อกำทองที่อยู่ในมือ พยักหน้ารับคำ
ถึงชั้นบน นับดูอย่างละเอียดแล้วในโรงเตี๊ยมแห่งนี้มีทาสรับใช้สิบกว่าคน บนข้อมือล้วนเป็นรอยแผลเป็น คนรับใช้เสี่ยวเอ้อขึ้นอาหารดีๆ ไว้เต็มโต๊ะ บนใบหน้ายิ้มแย้ม “พวกเจ้าทั้งหลายรีบกินหน่อย หากรอนายท่านกลับมา ก็กินไม่ได้แล้ว”
พวทาสรับใช้มองหน้ากันไปมา กู้อ้าวเวยก็ได้แต่พยักหน้า หลายคนรีบนั่งลง กลับกินคำเล็กๆ แม้แต่เสียงก็ไม่กล้าพูดออกมา คนที่เล็กสุดเพิ่งจะสิบเอ็ดสิบสองขวบ คนที่โตสุดเพิ่งจะอายุไม่เกินยี่สิบต้นๆ ผิวหนังดูสกปรกเป็นขุย บนตัวยังมีกลิ่นติดตัวอีก
คนรับใช้เสี่ยวเอ้อผู้นั้นนวดขมับไปมา “ท่านช่างเป็นคนดีจริงๆ”
“ดูไปแล้วเจ้าดูเห็นใจทาสรับใช้เหล่านี้พอสมควร” กู้อ้าวเวยพูดอย่างเบาๆ เรียกเขาไปนั่งลงที่มุมโต๊ะเล็กๆ ตัวเองคีบกับข้าวใส่ชามให้ทาสรับใช้สาวสองนางนั้น พลางกำชับว่า “วันหลังยังมีของกินอีก ครั้งนี้อย่างกินเยอะล่ะ เดี๋ยวจะท้องเสียเอา”
สองทาสสาวรีบพยักหน้า กู้อ้าวเวยเห็นสองคนได้แต่กินผักใบเขียว ก็เลยคีบเนื้อแดงย่างให้อีก เทซุปสองถ้วยให้ด้วยตนเอง ทาสรับใช้ที่อยู่โต๊ะใหญ่ด้านข้างมองมาสักครู่ ก็ล้วนมีใจกล้าที่จะไปคีบเนื้อกินแล้ว
“ไม่ปิดบังความจริงเลยละกัน ครอบครัวของข้าก็เป็นชนชั้นที่ต่ำต้อย หากไม่ใช่เพราะพี่ชายแรงเยอะได้เป็นทหาร ข้าก็จะโดนจับไปเป็นทาสรับใช้เช่นกัน” คนรับใช้เสี่ยวเอ้อพูดถึงตรงนี้ ก็ดึงหมั่นโถวแล้วพูดต่อ “แต่คนหนึ่งได้เป็นทหาร คนรุ่นราวคราวเดียวกันก็มีเพียงแค่คนเดียวที่ไม่ต้องเป็นทาสรับใช้ น้องชายสองคนกับน้องสาวของข้า……”
คำพูดที่จะพูดต่อด้านหลังไม่จำเป็นต้องพูดเลย กู้อ้าวเวยได้เพียงแต่มองดูท่าทางผ่ายผอมของคนกลุ่มนี้ พูดด้วยโทนเสียงต่ำว่า “ทำไมเจ้าถึงเอาเรื่องเหล่านี้บอกข้า”
“นี่ไม่ใช่ความลับอะไร พวกเราเป็นคนชั้นต่ำ ก็สามารถเฉพาะกับท่านที่เป็นแขกต่างแคว้นนี่แหละ ถึงจะปลดปล่อยความเป็นทาสรับใช้ได้ มิเช่นนั้นวันข้างหน้าลูกของพวกเราล้วนต้องเป็นทาสรับใช้” พอคนรับใช้เสี่ยวเอ้อพูดจบ ทาสสาวสองคนที่อยู่ตรงข้ามก็วางชามกับตะเกียบลง มองมาทางนางอย่างคาดหวัง