บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 459
บทที่ 459 ฐานะ
ฉางอีฉินสามารถทนให้ซ่านเซิ่งหานปฏิบัติต่อเยว่อย่างไม่ทุกข์ร้อนอันใด แต่กลับทนไม่ได้ที่ซ่านเซิ่งหานรำลึกถึงกู้อ้าวเวย
ที่ชั้นสองของจวนองค์ชายสามดูเหมือนว่าจะไม่มีคนอยู่ แต่หลังจากที่ซ่านเซิ่งหานพาทหารออกรบ ก็ยังคงหลงเหลือไว้เพียงบ่าวไพร่ทำความสะอาดปัดกวาดอยู่ทุกวัน แม้นางจะมองเห็นชายคาของเรือนหลังเล็กในสวนของตนเอง ในใจก็ยังอิจฉาอยู่
แต่กู้จี้เหยาก็อยู่โดดเดี่ยวเช่นกัน ความรักอันบริสุทธิ์ที่มีต่อซ่านจินจื๋อกลายเป็นความกังวลและความแค้นมานานแล้วไม่มีที่ไหนจะให้ระบาย นางมักถูกเรียกว่าฉางอีฉินในฐานะบุตรสาวของขุนนางผู้มีความผิด ไปๆ มาๆ พวกนางก็รู้หมดทุกอย่างแล้ว
แต่ที่น่าแปลกก็คือ แม้ว่าเรื่องนี้จะถูกเปิดโปง แต่ก็ไม่เคยมีใครฉีกหน้าผู้ที่นามว่าหยูนเฉินได้เลย ปรากฏให้เห็นกู้อ้าวเวยที่แกล้งตายแล้วจากไป กลับเพียงแค่ต้องการยืมโอกาสนี้มาสร้างสัมพันธภาพกับแคว้นเอ่อตาน
ความจริงทั้งหมดอยู่ภายใต้อำนาจอันยิ่งใหญ่
กู้อ้าวเวยกลับมาถึงในค่ายทหารชายแดน ได้รับคำสั่งแรก เป็นคำสั่งลับของฮ่องเต้องค์ปัจจุบันต้วนโฉงและองครักษ์ยี่สิบกว่านาย
“คนยี่สิบสี่คนรักษาความปลอดภัยของเจ้า รอจบสิ้นเรื่องสงคราม ข้าจะส่งคนพาเจ้าส่งกลับมาที่แคว้นเอ่อตาน”
กลับไปที่แคว้นเอ่อตานหรือ
นางไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียวที่จะเหยียบย่ำ ณ ดินแดนแห่งนั้นอย่างจริงใจเต็มเท้า และตระกูลหยุนครอบครัวนางล้วนอยู่ที่แคว้นชางหลาน ลงหลักปักฐานที่นี่มายี่สิบกว่าปีแล้ว บัดนี้กลับเพราะว่าบนตัวนางมีเลือดเนื้อเชื้อไขไหลเวียนอยู่ จึงต้องส่งนางกลับไปในที่ที่ไม่คุ้นเคยในชีวิตมาก่อน
“ทำไมฮ่องเต้จึงรู้ว่าข้าเป็นใคร” กู้อ้าวเวยใจเย็นจนไม่ได้ฉีกจดหมายลับฉบับบนั้นออกเป็นชิ้นๆ ในใจก็รู้ว่า หากตัวเองเป็นบุตรสาวของฮ่องเต้แคว้นเอ่อตาน ต้วนโฉงก็จะไม่ส่งคำสั่งลับเช่นนี้มาเด็ดขาด แต่กลับจะยัดเยียดข้อหาปลอมแปลงหลอกลวงตัดหัวนางซะ
แต่นางก็จะไม่ซาบซึ้งที่ไม่ตัดศีรษะของนางเพียงอย่างเดียว
ซ่านเซิ่งหานก็ไม่รู้เช่นกันว่าใครกันแน่ที่พบความลับนี้ได้ เขายังอยากจะปลอบโยนสองสามคำพูด เยว่พุ่งเข้ามา ณ ตอนนั้นอย่างหัวทิ่มหัวตำ แล้วก็มองเห็นราชโองการลับในมือของกู้อ้าวเวย จึงชะงักไปชั่วครู่ เรียกซ่านเซิ่งหานออกไป
“เรื่องอันใดกัน” ซ่านเซิ่งหานถาม
“เป็นฮูหยินที่เอาฐานะของนางบอกกู้จี้เหยา แม้ว่าทิงเฟิงโหลจะส่งคนไปคอยจับตาดูกู้จี้เหยา กลับปิดกั้นฮูหยินที่มารับยาจากนางที่ชั้นสองไปไม่ได้ ลายมือไม่สามารถหลอกลวงผู้คนได้” เยว่พูดอย่างตื่นตกใจ
สีหน้าของซ่านเซิ่งหานสลดลงมาทันใด
ในห้องกู้อ้าวเวยก็เดินออกมาตอนนั้น ดูเหมือนกับว่าจะไม่ได้ยินคำพูดของเยว่ แต่กลับเอาราชโองการลับฉบับนั้นส่งมอบใส่ในมือของซ่านเซิ่งหานกลับไปใหม่ “ทาสรับใช้พวกนั้นพำนักกันอยู่ที่ใดกัน”
“อยู่ในห้องฝั่งตะวันตกของเมือง อีกทั้งในป้อมที่เพิ่งจะโจมตีสำเร็จ ยังเหลือทาสรับใช้อยู่อีกประมาณหลายพันคน แต่ดูเหมือนว่าอ๋องจิ้งจะมีประสงค์ให้ฆ่าพวกเขา ยังจำเป็นต้องหารือ” ซ่านเซิ่งหานพูดเช่นนี้ พลางโบกมือให้เยว่
“ข้าจะไปเอาคนมาตอนนี้” กู้อ้าวเวยพูด ขยับผ้าคลุมหน้าที่อยู่บนไหล่ “เรื่องนี้ยังต้องรบกวนให้ฝ่าบาทช่วยข้าปกปิดเอาไว้ ข้าไม่เคยเอาตัวเองไปเป็นคนของแคว้นเอ่อตานเลย”
“เรื่องนี้แน่นอน” ซ่านเซิ่งหานยิ้มขึ้นมาทันที “แค่กระดูกของทาสรับใช้พวกนี้จะไม่เป็นไปตามที่คาดหวังไว้ ข้าไม่วางใจให้เจ้าเพียงคนเดียวไปโน้มน้าวพวกเขา ข้าจะส่งคน……”
“ไม่จำเป็น แค่ส่งคนไปดูแลพวกเขาไปนอกเมืองที่ไม่มีคนก็พอแล้ว ผ่านไปอีกสองสามชั่วยาม แคว้นเจียงเยี่ยนด้านนั้นก็จะเป็นไปตามแผนที่พวกเราคาดการณ์ไว้ เข้าจู่โจมเมืองชี่ ถึงเวลาเจ้ายังต้องรับมือให้ดีๆ ตัดช่องทางหนีทีไล่ ไม่ต้องกังวลใจกับเรื่องนี้” กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นมา บนใบหน้าแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มที่เรียบเฉย
ความโมโหเมื่อครู่ไม่มีเหลืออย่างทันใด
กู้อ้าวเวยจากไปอย่างรวดเร็ว กุ่ยเม่ยรีบตามติดไปทันที กดเสียงต่ำลงแล้วพูดว่า “ถึงแม้ฮูหยินจะไม่รู้เรื่องนี้ แต่ยังไงเขาก็เป็นพ่อของเจ้า ตลอดทางที่เดินมา ข้ารู้ด้วยซ้ำว่าเขายากที่จะเอาชนะอุปสรรคทั้งหมด พี่ชายและลูกชายคนเล็กเป็นผู้สืบราชสมบัติ หลังวังว่างเปล่า แต่กลับเป็นห่วงเจ้าและฮูหยินเท่านั้น”
“เรื่องพวกนี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับข้า ข้าไม่เคยพบเขาด้วยซ้ำ ก็พูดอะไรถึงเขาไม่ได้ แต่ข้าอยู่ข้างกายแม่ข้า แน่นอนว่าต้องมองเห็นถึงความเสียใจและหมดหวังในดวงตาของนาง ตอนนั้นเข้าเป็นตัวประกัน ยั่วแม่ข้าที่เป็นหญิงที่มีสามีแล้วเช่นนี้ หรือว่าไม่เคยคิดเลยว่าแม่ข้าจะมีหน้าไปสู้หน้าใครอีก ตอนนี้มาพูดถึงความจริงใจ มันเทียบไม่ได้กับตอนนั้นที่หลงเหลือหนังหน้าให้แม่ข้าเช่นนั้นหรอก”
พูดถึงจุดนี้ สีหน้าของกู้อ้าวเวยยิ่งเย็นชาขึ้นอีก คำพูดที่พูดออกมาดูเชือดเฉือนทิ่มแทงนัก
กุ่ยเม่ยเงียบเสียง แค่รู้สึกว่าที่นางพูดก็ไม่ได้ผิดอันใด หากจะมองแค่ความรักจริงใจที่มีให้กัน แต่ไม่มองโลกความเป็นจริง หากมีวันหนึ่งโลกความเป็นจริงมาชนเข้ากับปลายจมูกของเจ้า ก็จะเจ็บปวดเศร้าโศกเสียใจนัก
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนั้นนางก็เหยียบเข้าไปในจวนเฉิงเสี้ยง (เฉิงเสี้ยงเป็นตำแหน่ง) ครึ่งหนึ่งแล้ว แต่เข้าเป็นเพียงตัวประกันที่ถูกส่งมา
กู้อ้าวเวยยังคงโมโห แล้วก็รู้ดีว่าตอนนี้เป็นช่วงเวลาสงคราม ศพที่อยู่นอกเมืองยังไม่ได้จัดการให้เรียบร้อย ซ่านเซิ่งหานก็จะหลบหลีกสายตาของซ่านจินจื๋อ ยอมยกป้อมหนึ่งแห่งให้ แล้วค่อยตัดหนทางหนีทีไล่ คิดหาวิธีที่จะจับกุมนายพลสองสามคน
แต่นี้เป็นต้นไป ถึงจะมีคุณูปการ ก็จึงจะทำให้แคว้นเจียงเยี่ยนสยบลง มีอำนาจที่ทัดทานกันถึงจะเจรจาเงื่อนไขกันได้
มาถึงสถานที่ที่พวกทาสรับใช้พำนักอยู่แล้ว นางก็ได้แค่ยืนสูดหายใจเข้าลึกๆ อยู่หน้าประตู แล้วจึงสั่งให้คนเปิดประตูออก
ลานเล็กๆ แห่งหนึ่ง ห้องสองห้อง ห้องครัวหนึ่ง ห้องเก็บฟืนหนึ่ง กระท่อมเล็กๆ ไม่มีอื่นใดอีก
ซ่านเซิ่งหานไม่กล้าที่จะเอาโซ่ตรวนของพวกเขาออกจริงๆ ผิงชวนกำลังซักเสื้อผ้าอยู่ที่มุมหนึ่ง ในน้ำเต็มไปด้วยสีเลือด เห็นกู้อ้าวเวยเข้ามา หัวเราะเสียงทุ้มหนึ่งคำ “คิดไม่ถึงว่านายพลแคว้นเจียงเยี่ยนก็มีความสามารถอยู่นัก”
“บาดเจ็บหรือ” กู้อ้าวเวยมองเขาอย่างไม่รู้จะทำอะไร “เดิมทีไม่ควรให้เจ้าพาพวกเขากลับมาคนเดียว”
“นี่มันจะมีอะไร พวกเขาจะร้ายกาจเช่นไรอีก ก็ถูกข้าจัดการจนสะอาด” ผิงชวนยิ้มอย่างไม่ได้คิดอะไร บนไหล่ยังมีเศษผ้าหนาๆ พันอยู่
ผ่านไปสักครู่ ได้ยินเสียงของจางเหยียงซานที่พูดอยู่ด้านนอกเดินเข้ามา “ร่างกายของเด็กพวกนี้แย่มาก สติสตังก็ไม่ค่อยดี นอนสักหลายวันน่าจะดีขึ้น”
“งั้นก็ดี” กู้อ้าวเวยจึงถอนหายใจออกมาหนึ่งคำ พูดคุยถึงสถานการณ์ปัจจุบันกับจางเหยียงซานอยู่ชั่วครู่ คนที่อยู่ด้านหลังจึงดูบาดแผลให้ผิงชวน แต่กู้อ้าวเวยกลับเดินเข้าไปในห้อง
พวกทาสรับใช้ล้วนไม่ได้นอน ตอนที่กู้อ้าวเวยเข้ามา มีเด็กน้อยคนหนึ่งถามขึ้นว่า “ท่านเป็นนายใหม่ของพวกเราหรือ”
เด็กที่โตกว่าหน่อยด้านข้างรีบเอาเด็กคนนั้นมาอยู่ในอ้อมอก ปิดปากของนางแน่น
นับดูอย่างละเอียดหนึ่งรอบ คิดไม่ถึงทาสรับใช้ที่นางซื้อกลับมายังมีเยอะมากถึงหลายสิบคนขึ้นไปอีก หลายคนซุกตัวอยู่ในมุมของตนเอง คนที่เคยเจอนางก็ไม่หวาดกลัวเช่นไร แต่คนอื่นๆ ต่างพากันมองนางอย่างดุเดือด
“พวกเจ้าอาศัยจังหวะที่ชุลมุนหนีออกมาหรือ” กู้อ้าวเวยถามขึ้นอย่างเบาๆ เหลือบมองไปที่ขอบเตียงที่ว่างอย่างไม่แน่ใจ “ข้าสามารถนั่งลงได้หรือไม่”
ไม่มีใครไต่ถามทาสรับใช้หรอก พวกเด็กๆ ล้วนมองดูอย่างเหม่อๆ ไม่กล้าออกเสียง
มีเพียงคนรับใช้เสี่ยวเอ้อก่อนหน้านั้นที่รีบร้อนตามมา เด็กคนนั้นก็โผเข้าไปในอ้อมอกของเขา เอาหัวมุดเข้าไปอยู่ในปีกแข็งของเขา
“จะว่าไปก็รู้สึกไม่ดีเลย ให้ใต้เท้าคนนั้นอ้อมทาง เจ้าเด็กคนนี้เป็นน้องบุญธรรมของข้า อาศัยจังหวะที่ชุลมุนหนีออกมา ข้ากลัวพวกนางกลับไปจะโดนตีตาย ก็เลยขอร้องใต้เท้าท่านนั้นด้วยตัวเอง ยังทำให้ใต้เท้าท่านนั้นต้องได้รับบาดเจ็บอีกด้วย……”
“เขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรหนักหนา ข้ากลับหวังว่าพวกเจ้าจะสามารถช่วยเหลือข้าสักเล็กน้อย” กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นขัดจังหวะคำพูดของเขา แววตาดั่งคบเพลิง
บทที่ 459 ฐานะ