บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 461
บทที่461 วางแผน
“อ๋องจิ้งเป็นผู้สั่งการเด็ดขาด แค่ทำตามซะ”
กู้อ้าวเวยก้าวเข้ามาอย่างรวดเร็วแล้วฟังคนที่อ๋องจิ้งส่งมาพูดด้วยความเร็ว แล้วถามว่า “เจ้าไปแจ้งอ๋องจิ้งด้วยว่าพวกข้าจะรีบไล่ตามไปที่เมืองชี่อย่างเต็มกำลัง”
“ขอรับ” หลังจากคนนั้นได้รับการพยักหน้าจากซ่านเซิ่งก็ถึงจะรีบก้าวจากไป
เหล่าแม่ทัพมักจะไม่พอใจเธอนักแล้วการออกคำสั่งเกินหน้าที่เช่นนี้ก็ยิ่งทำให้พวกเขาไม่ชอบกู้อ้าวเวย
แล้วเหล่านี้ก็เป็นเพียงแค่แผนการหนึ่งของนางกับซ่านเซิ่งหาน
ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน เผด็จการไม่ใช่แผนที่ดี ทั้งสองคนคุมเชิงเพื่อคลี่คลายสถานการณ์ กลับทำให้ขวัญกำลังใจทหารมั่นคง สุดท้ายเป้าหมายเหมือนกันแต่ผลลัพธ์ไม่เหมือนกัน
พวกเขารู้อยู่แล้วว่าต้องมีคนไม่ยอมทำตามแต่กู้อ้าวเวยเอาพวกนี้รวมเข้าด้วยกัน “ถ้าขัดคำสั่งทหารของอ๋องจิ้ง กล้าถามแม่ทัพทุกท่านหน่อยว่ารับไหวไหม”
“แต่ถ้าออกศึกจริงทำให้แคว้นเจียงเยี่ยนตีเมืองไม่สำเร็จ แล้วแผนที่จัดวางกำลังป้องกันที่พวกเราทำทั้งหมดก่อนหน้านั้นคือเพื่ออะไร?”
“ถ้าเจ้าไม่ไป แคว้นเจียงเยี่ยนกลับจะคิดว่ามีกับดัก ถ้าไปฝั่งนั้นก็จะโดนบุกโจมตีจริงๆ” เมื่อกู้อ้าวเวยพบว่าเหล่าแม่ทัพไม่ยอมยืนเคียงข้างตนเองก็เอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยสองมือบีบขอบโต๊ะอย่างเอาเป็นเอาตาย “ไม่ว่าจะมีการสนับสนุนหรือไม่ เมืองชี่ก็ต้องหายไป”
“เพราะอะไร?”
“เพราะที่ข้าเอาให้แคว้นเจียงเยี่ยนก็คือแผนที่จัดวางกำลังป้องกันที่แท้จริง” กู้อ้าวเวยพูดเบาๆ
ประโยคนี้ไม่ต่างกับสร้างความโกลาหลให้กับบัญชีหล่อ ซ่านเซิ่งหานแสร้งทำเป็นโกรธ แล้วส่งคนไปจับเธอขังรวมกับเหล่าทาสนานนับเดือน ส่วนอีกด้านก็ยังส่งเหล่าแม่ทัพมือดีของตนเองไปสนับสนุนเมืองชี่”
เมื่อกลับมาถึงบ้านเล็กๆอีกครั้ง หลี่ซูก็จับลูกชายลูกสาวแยกห้องแล้ว
เมื่อเห็นกู้อ้าวเวยที่ถูกเหล่าทหารควบคุมตัวเข้ามาก็ตกใจ กุ่ยเม่ยก็ช่วยป้องกันประตูตามคำกำชับของซ่านเซิ่งหาน ตอนนี้ในค่ายทหารปนเปกันไปหมด ไม่พอใจกับการลงโทษแบบนี้ของซ่านเซิ่งหานแต่ก็ได้แต่ทำตามคำสั่งทหาร
ในค่ายทหารวุ่นวายไปหมด
กู้อ้าวเวยฝังตนเองลงในเก้าอี้ ขนาดในมือยังกอบผลไม้ป่าที่โย่วหลีส่งมาแล้วก็พลางพูดว่า “สถานที่นี้อันตราย อ๋องจงผิงไม่ควรอยู่ที่นี่ ถ้าเป็นไปได้ขอให้อ๋องจงผิงไปดักซุ่มที่หลังเมืองชี่ เมื่อถึงเวลาก็โจมตี ทางที่ดีที่สุดคือคิดหาวิธีเอาพวกโจรมาตามถนนมาเป็นพวก เมื่อถึงเวลาก็ให้พวกเขาหาวิธีพูดคุยเกี่ยวกับธุรกิจเสบียงอาหารสำหรับม้ากับคนของแคว้นเจียงเยี่ยน แล้วก็จะได้รับข่าวกรองมาบ้าง”
“แต่ด้านหลังเมืองชี่จะเป็นหมู่บ้านเล็กๆซะมาก ไม่แน่ว่าแคว้นเจียงเยี่ยนจะรวบเอามารวมกับของตน”
“ดังนั้นต้องให้อ๋องจงผิงเปลี่ยนพลทหารและม้าโดยเร็ว ทางที่ดีให้เอาทหารไปอยู่แต่ละบ้านทำเกษตร แคว้นเจียงเยี่ยนไม่ได้โง่ คนเป็นแน่นอนว่าต้องจับไปเป็นทาส ชาวนาแน่นอนว่าฆ่าไม่ได้เพราะเมื่อโจมตีเมืองชี่เสบียงม้าก็จะถูกตัดได้ง่ายจึงต้องทำการเพาะปลูกเสบียงม้า” กู้อ้าวเวยพูดเสียงต่ำแล้วก็เอาจดหมายลับฉบับนึงส่งให้โย่วหลี “ถ้าเกิดอะไรขึ้น ไม่ต้องบอกข้า อ๋องจงผิงควรแก้ปัญหาด้วยตนเองได้”
“แต่ในทุกๆเรื่องท่านอ๋องล้วนให้ข้ามาถามท่าน…..”
กู้อ้าวเวยส่ายหัวอย่างจนใจ “ที่นี่เป็นอาณาเขตขององค์ชายสามเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าข้าต้องการให้อ๋องจงผิงทำความดีความชอบ ได้รับเกียรติยศ เมื่อถึงเวลานั้นเขาถึงจะมีสิทธิ์ถอนรากถอนโคนคนที่ซุ่มโจมตีของอินโจวได้หมด เข้าใจไหม?”
“โย่วหลีเข้าใจแล้ว ขอให้แม่นางโปรดระวัง”
โย่วหลีฟังอย่างตะลึงแต่ก็ทำได้เพียงทำตามคำสั่งเท่านั้น
กู้อ้าวเวยลดสายตาลง เอาอาหารที่อยู่ในมือแบ่งให้แก่เหล่าสาวๆ ส่วนตนเองก็อดใจลอยไม่ได้ “ซ่านจินจื๋อข้าไม่เชื่อว่าท่านจะเป็นฝ่ายถูกกระทำเช่นนี้”
……
“ทำไมพวกเราต้องรอจังหวะบุกโจมตี?”
ซูพ่านเอ๋อที่ตอนนี้อยู่ตรงกลางเมืองอดไม่ได้ที่จะกรีดร้องออกมา
เมี่ยวหารปิดปากนางอย่างรวดเร็ว กลัวว่ากำแพงนี้จะมีหูแล้วมีคนได้ยินจึงพูดเสียงต่ำว่า “เรื่องนี้ข้าได้ยินมาจากปากของผู้นำทุ้งโจวที่บาดเจ็บ ท่านอ๋องควรจะมีแผนอื่นด้วย เจ้าลองคิดอย่างละเอียดซิว่าท่านอ๋องอยากทำอะไร แล้วก็พูดให้ตรงประเด็น”
ซูพ่านเอ๋อพยักหน้าอย่างจริงจัง แต่นิ้วมือกลับตกลงมาอยู่ที่ข้อมือเมี่ยวหารอย่างมีนัยแล้วพูดยิ้มเบาๆว่า “เจ้าพูดสิ ว่าข้าเหมือนท่านแม่แค่ไหน?”
จู่ๆก็ถูกถามขึ้นมา เมี่ยวหารแค่รู้สึกกระสับกระส่าย ส่ายหัวเบาๆ “ท่านแม่ของเจ้าเป็นหญิงที่งามที่สุดในตึกแต่มักจะมีกลิ่นดอกไม้”
ความเยือกเย็นในดวงตาซูพ่านเอ๋อก็คลายลงไปเยอะ นิ้วมือกลับล่วงลงไปอยู่ในกระบอกแขนเสื้อเมี่ยวหารแล้งพูดเสียงเย็นว่า “อ้ายจือนั่นรู้อดีตข้า ถ้ามีเวลาเจ้าควรจะหาบางอย่าง….”
“อ้ายจือเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการใช้ยาพิษ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าข้ามากับกองทัพ เก็บตัวมานานแม้หญ้าพิษสักต้นก็ยังไม่เคยเห็นเลย”เมี่ยวหารส่ายหัวอย่างไม่เห็นด้วย
ผ่านไปสักพัก ซูพ่านเอ๋อก็ยกมือขึ้นมาอย่างรวดเร็วแล้วบีบคางเขาไว้ “เมื่อเทียบกับยาพิษเเล้ว บนโลกนี้ยังมีสิ่งของที่จะผูกมัดใจคนอีกมาก”
แม้เมี่ยวหารจะดูธรรมดา แต่ปกติจะใช้ชีวิตสุขสบายมีบุคลิกดี ยิ่งไม่ต้องพูดถึงที่เขาเป็นผู้มีความรู้ทำให้มีมาดเล็กน้อย ถ้าไม่ใช่เพราะซูพ่านเอ๋อในตอนนี้ก็น่าจะมีสาวงามแล้ว
“แต่ว่าข้า…..”เมี่ยวหารกดมือของซูพ่านเอ๋อที่ยังคิดก่อเรื่องต่อเอาไว้
“ถ้ามีวันไหนที่เรื่องนี้สำเร็จ สถานะของอ้ายจือจะไม่ทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอน” ซูพ่านเอ๋อปล่อยมือ ดวงตาคู่งามมองไปยังบนตัวเมี่ยวหารอย่างเฝ้ารอ
แต่มีเพียงเมี่ยวหารเท่านั้นที่รู้ว่าที่ซูพ่านเอ๋อแสดงออกมาแบบนี้ก็คือไม่อนุญาตให้เขามีตัวเลือกอื่น
ตนเองก็ช่วยซูพ่านเอ๋อมาตั้งหลายครั้ง ช่วยอีกสักครั้งมันจะเป็นไร?
“ข้ารู้ ข้าจะพยายามที่สุด”เมี่ยวหารกำหมัดแน่น
ซูพ่านเอ๋อจึงถอนหายใจอย่างโล่งอกแล้วเดินไปยังห้องของซ่านจินจื๋อแล้วก็คิดว่าควรจะวางแผนให้เขาอย่างไร แม้ว่าอ้ายจือจะใช้ได้แต่ก็ไม่ควรจะใช้ตอนนี้ที่องค์ชายสามอยู่ชายแดน ทั้งหมดยังต้องประเมินแต่เธอก็คิดไม่ออกว่ายังมีวิธีไหนอีกที่ช่วยได้
แต่เมื่อถึงหน้าประตูก็ได้ยินซ่านจินจื๋อกำลังกำชับเฉิงซาน “ซ้อนกล คุณงามความดีจะตามพวกเขาไป”
“ผู้ใต้บังคับบัญชารู้แล้ว แต่เรื่องของเมืองกวงผิงยังไม่ได้ตรวจสอบชัดเจน ทหารที่เห็นก็แค่พูดว่าหิมะตกหนักในวันนั้นฆ่าคน ตอนนี้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจน นอกจากนั้นหยูนเฉินให้ยู่จูแกล้งตายแล้วแอบส่งคนกลับเทียนเหยียน ควรจะลงโทษอย่างไร?” เฉิงซานถามเสียงต่ำ
เมื่อพูดถึงหยูนเฉิน ซูพ่านเอ๋อก็อดคิดถึงวันนั้นที่มีคนคล้ายกู้อ้าวเวยไม่ได้ ทันใดนั้นก็ทำหน้านิ่งเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว “ท่านพี่จื๋อหยูนเฉินนี่ในเมื่อเก่งขนาดนี้ทำไมไม่ส่งคนไปลอบฆ่าเขาเสีย?”