บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 468
บทที่468 ท่านแม่ข่มขู่
ชาของสาวใช้นับได้ว่าเข้ามาอย่างทันเวลา ของว่าสองจาน ขนม1ชิ้นก็ทำให้สีหน้าของกู้อ้าวเวยผ่อนคลายขึ้นเยอะ เหมือนกับหญิงสาวทั่วไปที่กินของว่างอย่างช้าๆ
อ้ายหยินเห็นมือข้างนึงรองเอาไว้หน่อยเพื่อรับเศษผงน้ำตาลแล้วก็เอากลับไปใส่ไว้ในจาน ใบหน้านี้สวยงามคิ้วเรียงสวยมองไม่ออกถึงความแข็งกร้าวเมื่อครู่นี้เลย
อีกทั้งใบหน้านี้ก็ยังมีส่วนคล้ายกับฮ่องเต้เอ่อตานอยู่
ฮ่องเต้แคว้นเอ่อตานปัจจุบันนี้มีชื่อเสียงเรื่องการพูดที่เด็ดขาดและทหารไม่น้อยก็ต่างยอมรับว่านี่อาจจะเป็นองค์หญิงจริงๆ
“ข้าพูดว่าไม่ว่าจะมีความวุ่นวายจากสงครามหรือไม่ ขนมนี่ก็ควรมี”กู้อ้าวเวยกินขนมที่หวานๆมันๆแล้วก็ยังไม่ลืมหันไปยกคิ้วยิ้มให้กุ่ยเม่ยด้วยความพอใจ
“ถ้ายังกินต่อก็จะจำธุรกิจไม่ได้ละนะ จูเอ๋อเพิ่งตายได้ไม่นานนะ”กุ่ยเม่ยเตือนเบาๆแล้วก็แย่งขนมครึ่งก้อนนั้นมาจากมือกู้อ้าวเวยเอาวางกลับไปไว้ในจาน แล้วก็มองทหารไปรอบๆ
ส่งเสียงอื้มอย่างรีบร้อน กู้อ้าวเวยก็ยังหันกลับมามองกลุ่มคนนี้อย่างเชื่อฟังแต่ในใจนั้นมีแผนแล้วถึงแม้จะไม่รู้ว่าฮ่องเต้เอ่อตานนี้จะเล่นเกมอะไรแต่ในเมื่อปล่อยให้ตนเองเข้ามาเช่นนี้งั้นเธอก็ต้องทำเรื่องนี้ให้ดีๆ
“ข้าจะขายชุดเกราะดาบสองพันชุดนี้ให้พวกท่านหลังจากเจรจาเรื่องของม้า ราคามากกว่า20%ก็ได้แล้วนอกจากนั้นก็จับเอาหญิงชราบนตึกนั่นมาให้ข้าจัดการ นี่คือธุรกิจอันแรก จัดการเรียบร้อยค่อยเจรจา” กู้อ้าวเวยพูดสั้นๆแต่รัดกุมก็เห็นอ้ายหยินไม่ค่อยพอใจก็พูดต่อว่า “แคว้นเอ่อตานจะไม่ช่วยพวกท่าน อ๋องจิ้งนั้นตีสือฉวีได้แต่พวกท่านมิอาจตีเมืองชี่ได้”
“แต่เมืองชี่……”
“อะแฮ่ม”
อ้ายหยินตัดบทคนผู้นั้น กู้อ้าวเวยก็เลิกคิ้ว “ยกทัพทำสงครามเป็นเรื่องของพวกท่าน ข้ามาถึงที่นี่ก็เพียงแค่เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ”
“อาวุธสงครามนั้นพวกเราสามารถซื้อได้ แม่เล้านั้นก็สามารถให้ท่านจัดการได้แต่ด้านแคว้นเอ่อตาน…..”ล่ายเสวียนพูดด้วยน้ำเสียงลึก พอพูดถึงแคว้นเอ่อตานกลับหันไปมองกู้อ้าวเวยอย่างมีความหมาย
“ก็ยังประโยคเดิม ยกทัพทำสงครามเป็นเรื่องของพวกท่าน”กู้อ้าวเวยตั้งใจกัดคำว่าพวกท่านให้หนักขึ้นแล้วลุกขึ้นยืนอย่างสบายๆเดินไปยังด้านหน้าของล่ายเสวียนแล้วก็เงยหน้ามองเขา “ชื่อของเทพสงครามชางหลานมีชื่อเสียงไปไกล แต่แม่ทัพอ้ายหยินก็ไม่สามารถแบกมือในมือคนเดียวได้ถ้าทหารแต่ละนายค้ำเอาไว้ไม่อยู่ข้าก็จนปัญญา แต่ข้ารู้ กลยุทธ์คนทะเลต้องมีสักวันที่ร่างกายทรุด ถ้าพวกท่านอยากต้านทหารม้าที่แข็งแกร่งของชางหลานได้ต้องไม่ใช้ความรุนแรงปะทะความรุนแรง”
ในสายตาของล่ายเสวียนท่าทางของกู้อ้าวเวยในตอนนี้เหมือนกับงูพิษที่กำลังรอเหยื่อ
คำกล่าวนี้พูดชัดเจนมากในใจของทหารไม่กี่นายก็มีต่างออกไป ตอนนี้คนประมาณ30%ในแคว้นเจียงเยี่ยนนั้นเป็นทาส ฝั่งนึงก็ต้องการคนไปดูแลทาสพวกนี้ อีกด้านนึงทาสพวกนี้ทำได้เพียงขวางดาบนี้ด้วยชีวิต ไม่นับว่าเป็นทหารจริงๆ ยอดรวมกำลังทหารก็เทียบไม่ได้กับชางหลาน
“พูดไปพูดมา ถ้าไม่ใช่เพราะฮ่องเต้มองกู้เฉิงเป็นคนสนิทการสู้รบครั้งนี้ก็จะไม่กังวล”
คนที่อยู่ข้างๆพูดอย่างโมโห ทหารนายอื่นๆก็ต่างโมโห
กู้อ้าวเวยเลิกคิ้วข้างนึงแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ก้าวถอยหลัง “พูดมาถึงจุดนี้ เมื่อกี้ที่เดินเข้ามาเห็นเด็กน้อยน่ารักสองสามคน เอามาให้ข้าดูแลดีกว่าไหม?”
“ทาสพวกนั้นซุ่มซ่าม…..ร่างกายก็ไม่สะอาด……”แม่ทัพคนเมื่อกี้เปิดหัวข้ออย่างสั้นๆพอคิดว่าทาสหญิงพวกนั้นทำอะไรในค่ายทหาร ไม่ว่ายังไงก็ไม่กล้าให้พวกเขาไปสกปรกในลูกตาขององค์หญิงเอ่อตาน
เลวยิ่งกว่าสัตว์!
ในใจกู้อ้าวเวยก็เดือดดาล กำหมัดอยู่ใต้แขนเสื้อกว้างไว้แน่นแต่ใบหน้าเรียบสงบราวกับสายน้ำท่าทางไร้เดียงสา “ไม่สะอาดเยี่ยงไร? ข้าเห็นว่าพวกเขาเหมือนสะอาดกว่าพวกทาสที่ข้าเห็นบนถนนตั้งเยอะ”
คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคสีหน้าของทหารก็ไปไม่เป็น
กุ่ยเม่ยก็เดินขึ้นมาด้านหน้าดึงแขนกู้อ้าวเวยเบาๆ“แน่นอนว่าสะอาด ไม่รู้ว่าแม่ทัพอ้ายหยินจะตัดใจทิ้งได้หรือไม่?
ท่าทางนี้เห็นได้ชัดว่า เป็นท่าที่ไม่อยากให้นางรู้ อ้ายหยินก็ทำได้แต่ตามน้ำไปสั่งให้คนไปเอาทาสพวกนั้นมาทำความสะอาดแล้วค่อยส่งให้กู้อ้าวเวยเอาไป
เมื่อออกจากบ้านของอ้ายหยิน ล่ายเสวียนก็เดินออกมาส่งนางข้างนอกด้วยตนเอง ก็ฟังสิ่งที่ล่ายเสวียนพูดว่า “ได้ยินมาว่าฝ่าบาทคือลูกสาวของฝ่าบาทแคว้นเอ่อตานกับหญิงสาวชางหลานหรือ?”
ล่ายเสวียนผู้นี้ช่างตรงไปตรงไปมา
กู้อ้าวเวยพยักหน้าเบาๆแต่สุดท้ายก็แตะที่หัวตนเอง “แต่ว่าตอนที่ข้ากลับมาเมื่อสองสามปีก่อน หัวข้าได้รับความกระทบกระเทือน เรื่องราวของชางหลานก็จำไม่ได้แล้วก็ไม่รู้ว่าท่านแม่เป็นใคร เจ้าถามพวกนี้ทำไม?”
ล่ายเสวียนฟังหูไว้หู ส่งนางกลับในโรงเตี๊ยมทำหน้าที่ของตนเองให้เสร็จแล้วก็กลับมา
ที่ประตูโรงเตี๊ยมมีทหารแคว้นเจียงเยี่ยนสองนายเฝ้าอยู่ไม่ห่างแต่ก็ไม่มีใครแจ้งอะไรจริงๆว่าแขกผู้สูงศักดิ์ผู้นี้มีสถานะอะไร
ขณะนี้กู้อ้าวเวยนั่งอยู่ที่กลางห้อง ด้วยความคิดที่มากมาย
ตอนนี้เธออยู่ในลักษณะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกจริงๆ ตนเองอยากปกป้องแคว้นเจียงเยี่ยนเพื่อแผนในอนาคตแต่คิดไม่ถึงเลยว่ากู้เฉิงจะได้รับความสำคัญจากฮ่องเต้ พูดเช่นนี้ในตอนนั้นที่กู้เฉิงสามารถไปอยู่ในตำแหน่งสูงได้ในชางหลานหลังจากนั้นก็ใช้องค์ชายสามเล็ดลอดไป ต้องมีการคิดแผนไว้ล่วงหน้าแล้วแน่ไม่งั้นครึ่งทางมาถึงแคว้นเจียงเยี่ยนยังสามารถกลายเป็นคนสนิทได้แล้วหรือ?”
ถ้ากู้เฉิงอยู่ที่นี่ งั้นถ้าท่านแม่อยู่ที่นี่เพิ่มอีกก็จะเป็นอันตราย
แต่อีกด้านหนึ่งถ้าแคว้นเจียงเยี่ยนไม่มีคนที่ใช้งานได้จริงๆถูกชางหลานย่ำเรียบ ทาสที่นี่ก็จะลุกขึ้นไม่ได้อีกเป็นร้อยปี ส่วนด้านแคว้นเอ่อตานนั้นก็ไม่มีทางนั่งรอความตาย ตามธรรมชาติก็ควรจะเอาชนะประเทศเล็กๆด้วยทุกรูปแบบ เกรงว่ากี่สิบปีหลังจากนี้จะเป็นกลียุค
กงล้อประวัติศาสตร์มักจะไม่เหลือการไมตรีจิตให้กันเช่นนี้
กู้อ้าวเวยรู้สึกปวดหัวจนทนไม่ได้รอให้ฟ้ามืดขึ้นนางถึงจะแอบจากไปกับกุ่ยเม่ย ระหว่างทางก็พบทิงเฟิงโหลอยู่ในเมืองของบ้านชาวนา พอเข้าไป ก็ไม่รอคำตำหนิของหยุนหว่านนางก็บอกทั้งการกระทำและเรื่องที่กังวลทั้งหมดให้ทราบ
แสงเทียนสั่นไหว แม่ลูกที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะก็มีใบหน้าที่เศร้าหมอง
“พูดเช่นนี้ กลียุคคงยากที่จะเลี่ยง….”หยุนหว่านถอนหายใจเบาๆกุมมือกู้อ้าวเวยอย่างปวดใจ “ถ้ามีความวุ่นวายอันเกิดจากภัยสงครามเจ้าต้องกลับไปกับข้า ที่นี่อันตรายเกินไป”
“ข้าในฐานะนี้เดินไปที่ไหนก็ล้วนเป็นหายนะ แต่ท่านแม่”กู้อ้าวเวยพลิกมือจับหลังมือหยุนหว่านไว้ “ฮ่องเต้เอ่อตานไม่ควรรู้ว่าท่านยังมีชีวิตอยู่ ด้านชางหลานนั้นก็ไม่รู้ว่าท่านกับท่านปู่ยังมีชีวิตอยู่ ความวุ่นวายในตอนสงครามแคว้นเอ่อตานน่าจะสามารถซ่อนตัวได้”
สีหน้าของหยุนหว่านเปลี่ยนเป็นน่าเกลียดทันที “มันไม่ง่ายเลยที่ข้าจะได้มาพบเจ้าแล้วจะไม่ยอมให้ข้าปกป้องเจ้างั้นเหรอ?”
“แต่ตอนนี้ข้า……”
“ไม่มีแต่ ถ้าเจ้ายังทำเรื่องอันตรายอีกข้าจะจับเจ้าส่งกลับแคว้นเอ่อตาน เขาสุดท้ายก็นับว่าเป็นพ่อของเจ้าเขาต้องไม่ยอมให้เจ้าเจออันตรายแน่”ประโยคนี้ของหยุนหว่านมีความไม่พอใจและคุกคาม “ในเมื่อข้าจะควบคุมเจ้าไม่ได้ก็ให้ท่านพ่อเจ้ามาจัดการ ข้าจะคอยดู ในพระราชวังนั่นเจ้าจะยอมอยู่ไหม”
ถ้าให้นางไปอยู่ในที่ที่มีแต่แผนน่าเบื่อๆอีก เกรงว่าทุกวันจะฝันร้าย
กู้อ้าวเวยตัวแข็งทื่อหยุนหว่านรู้สึกแปลกใจ มือข้างนึงของกุ่ยเม่ยกดลงไปที่สันหลังนางเบาๆ กู้อ้าวเวยก็เหมือนรู้สึกตัวกลับมาแล้วก็ตอบอย่างจริงจังว่า “ข้าไม่อาจเพิกเฉยต่อชีวิตของตนเอง อีกทั้งท่านพ่อข้านั้นก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงส่งจดหมายมาแคว้นเจียงเยี่ยน แค่ว่าอยู่กับองค์ชายสามต้องระวังตัวบ้าง”