บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 49
ตอนที่ 49 จำใจต้องขัดขวาง
ร่างกายของซูพ่านเอ๋อแข็งทื่อ ในใจของนางสับสนอลหม่าน
นางไม่มีทางเลือก นอกจากกลับไปที่ห้องของตนเองเพียงลำพัง อีกทั้งยังเรียกเมี่ยวหารเข้ามา เมี่ยวหารเห็นซูพ่านเอ๋อมีท่าทีที่กลับมาเป็นเยือกเย็น เขาจึงเอ่ยออกมา “เป็นเพราะคนของโหวเซ่อลงมือกับกู้อ้าวเวยอย่างฉับพลัน และอยู่ภายใต้สายตาของท่านอ๋อง เซียวไห่แนะนำท่านอ๋องว่าให้ดึงพระชายาเพื่อใช้งาน นี่จึงทำให้เขาปรับเปลี่ยนทัศนคติที่มีต่อพระชายาขอรับ”
“เจ้าเซียวไห่ โดยปกติแล้วเขามักจะมองข้าอย่างมีเข้าตา เขามักจะต่อต้านข้า ก่อนหน้านี้ที่ข้าแกล้งป่วย เขาก็แทบจะมองออกหลายต่อหลายครั้ง แม้กระทั่งวันนี้ก็ยังคิดที่จะจับคู่ท่านพี่ของข้าและนางหญิงแพศยานั่นต่อหน้าต่อตาของข้า” ซูพ่านเอ๋อกัดริมฝีปากล่างอย่างรุนแรง ในใจของนางไม่สงบ
แต่ไหนแต่ไรมา เซียวไห่จะซื่อตรงมาโดยตลอด และเขาเป็นสหายร่วมทุกข์สุขกับซ่านจินจื๋อ แต่กลับเป็นผู้เดียวที่วิจารณ์นาง คิดว่านางมิรู้ว่าเป็นคนดี และกลับมิให้ความสำคัญแก่นาง
“แต่ทว่าพระชายาจะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน ถ้าหากภายในสองปี พิษสองชนิดในร่างกายของนางไม่สามารถถอนออกไปได้ นางก็จะต้องตายขอรับ” เมี่ยวหารเอ่ยออกมา
“ถ้าเช่นนั้นภายในสองปีนี้ก็ไม่สามารถปล่อยให้นางผ่านไปได้ด้วยดี นางคือคนของตระกูลหยุน เป็นบุตรสาวของเฉิงเสี้ยง แต่ทว่าข้ามิมีอันใดเลย มิง่ายเลยที่จะสามารถปีนขึ้นมาบนหอคอยได้เช่นวันนี้ ข้าก็จะต้องดึงลงมา” สายตาของซูพ่านเอ๋อเย็นชา
ตราบใดที่นำยังมีพลังของตนเอง ถึงแม้ว่าวันหนึ่งนางจะมิเสแสร้งว่าตนเองป่วย นางก็จะสามารถยืนเคียงข้างซ่านจินจื๋ออย่างเปิดเผยได้ วันหนึ่งรอให้ซ่านจินจื๋อได้ครอบครองบัลลังก์ นางก็จะสามารถยืนหยัดอยู่ข้างกายเขาต่อไปอย่างเปิดเผย
“ฮ่องเต้ที่สี่จะต้องมีความสุข” เมี่ยวหารเห็นท่าทีของซูพ่านเอ๋อ เขาก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
“ถูกต้องแล้ว เพียงแค่ฮ่องเต้ที่สี่ ในเพลานี้อยู่ที่จวนของกู้อ้าวเวย…. ดูเหมือนว่าเรื่องราวของกุ้จี้เหยาก็เป็นเวลาที่ข้าควรจะเอ่ยกับท่านพี่จื๋อ สายตาของซูพ่านเอ๋อเย็นชาขึ้นอีกเท่าตัว นางมองผ่านหน้าต่างออกไปจ้องมองไปยังซ่านจินจื๋อที่หน้าประตู พลันดวงใจของนางก็อ่อนลง
ภายในร้านยาเหย้าที่ถูกซูพ่านเอ๋อจดจำเช่นซ่านจินจื๋อ กลับแค่นั่งอยู่ที่มุมเรือน ฉีหลินเข้าไปในร้านยาเหย้าเพื่อช่วยงานตั้งแต่ต้นแล้ว ก่อนหน้านี้ท่าทีของกู้อ้าวเวยยังเป็นสุขมิมีความทุกข์ใจ ราวกับว่าผู้ที่เพิ่งก้าวผ่านประตูผีมาเมื่อครู่ไม่ใช่นาง
องครักษ์ทั้งสองโรยตัวลงมาจากชายคาพลางเอ่ย “ซูพ่านเอ๋อกำลังตรวจสอบที่พำนักของพวกเจ้าต่อเนื่องมาเป็นเวลาหลายวัน”
ในใจของซ่านเชียนหยวนสบถออกมา เขากำกำปั้น แน่น หรือว่าเรื่องราวก่อนหน้านี้เป็นเพราะท่านลุงทำจริงๆ?”
“ผู้ใต้บังคับบัญชามิอยากจะเชื่อ เพียงแต่ว่าผู้ที่แจ้งข่าวในจวนรายงานว่ากำลังพูดคุยกับท่านอ๋องเพื่อส่งตัวชายากลับตำหนักอ๋อง ราวกับว่าซูพ่านเอ๋อรู้สึกมิพอใจเป็นอย่างมาก กับการอยู่ที่นี่ของซูพ่านเอ๋อ องครักษ์เอ่ยต่อราวกับว่ามองเห็นกุ้กุ้อ้าวเวยจากที่ไกลๆกำลังเดินเข้ามา เขาจึงหุบปากลงได้
ซ่านเชียนหยวนมิอยากสงสัย แต่ทว่ากู้อ้าวเวยก็ถือกล่องอาหารและเดินมาที่ด้านหน้าของเขาพลางนั่งลง นางเหลือบมององครักษ์ที่คุกเข่าอยู่พื้นก่อนจะเอ่ย
“มีเรื่องอันใด?”
“มิมีเรื่องอันใดขอรับ เพียงแต่ว่าท่านพี่สามนัดหมายให้ข้ามาพบที่ร้านอาหารสักสองสามวัน ซ่านเชียนหยวนโบกมือไปมา ส่งสัญญาณให้ผู้คนออกไป เขาจงมองไปยังกุ้อ้าวเวยที่เบื้องหน้าลำคอของกู้อ้าวเวย มันยังคงสะดุดตา เขาขมวดคิ้วอย่างไม่หยุด “ในเมื่อท่านลุงปฏิบัติต่อท่านเช่นนั้น เหตุใดเจ้าจะต้องประเชิญหน้ากับเขา?”
“ ข้าเคยรับปากกับเขาว่าจะรักษาหน้าเขา และรักษาสัญญา ถ้าหากเขามิรักษาสัญญา เช่นนั้นก็คือปัญหาของเขา ข้ากลับมิสามารถทำอันใดที่ผู้คนมิสามารถเชื่อได้” กู้อ้าวเวยถอนหายใจออกมาและเปิดกล่องอาหาร ก่อนจะหยิบอาหารออกมา นางจนปัญญา “มิไช่ว่าสองปีต่อไปข้าจะต้องตายอย่างแน่นอน คิดไม่ถึงว่าจะกล้าไล่ข้าออกไป”
นี่มิใช่เพราะเป็นห่วงเจ้า เมื่อครู่นี้เจ้าถูกช่วยกลับมา เหตุใดจึงมีท่าทีราวกับคนที่ยุ่งเหยิง เข้ามาในห้องยาเหย้า แม้แต่ข้าจ้องมองก็ล้วนเป็นกังวล ซ่านเชียนหยวนช่วยวางอาหารให้นางอย่างจนปัญญา
อยู่ในร้านยาเหย้ามิเพียงไม่กี่วัน เขาก็ช่วยนางจัดวางอาหาร ช่างทำตามอำเภอใจเสียจริง
“เจ้าอยากฟังความจริงหรือไม่? กู้อ้าวเวยจ้องมองเขา “อันใดกัน? เจ้ามีความเท็จด้วยหรือ?”
“ ความจริงก็คือพิษของโหวเซ่อนี้ทำให้พิษในร่างกายก่อนหน้าของข้าเป็นกลาง ถึงแม้ว่าจะมีผลเพียงเล็กน้อย.แต่กลับเป็นความก้าวหน้า ส่วนความเท็จก็คือข้านั้นกลัวตาย อยากจะหาเวลาเร่งในการถอนพิษ กู้อ้าวเวยเอ่ยออกมาด้วยรอยยิ้ม
ซ่านเชียนหยวนขมวดคิ้วพลางจ้องมองนาง “แต่ทว่าเมื่อครู่นี้หมอหลวงไม่ได้เอ่ยเช่นนี้”
“เป็นเพราะข้าจงใจดื่มยาพิษเพื่อปกปิดเขา นางทิ้งยาเม็ดเล็กๆจากฝ่ามือของนางไว้ในกระเป๋าเสื้อและทิ้งมันลงไปในมือของซ่านเชียนหยวน ก่อนหน้านี้ยาพิษที่เหยียบโดนบนภูเขาและน้ำพิษได้ผสมปนเปกันแล้ว ภายในเวลา 6 ชั่วโมง หากมิถอนก็จะต้องตาย”
เขาจ้องมองอย่างมิเชื่อ เพลานี้ดวงตาของกู้อ้าวเวยเย็นชาขึ้นมา นางแสยะยิ้ม “เมี่ยวหารเป็นคนของเขา ขอเพียงแค่พวกเขารู้ว่าข้าจะต้องตาย ก็จะมิวางยาพิษแก่ข้า”
“ท่านลุงมิใช่คนเช่นนั้น” ซ่านเชียนหยวนไม่เชื่อ
“เดิมทีเขาไม่ใช่ผู้ที่ร้ายกาจ แต่ทว่าเขามักจะหาปัญหาให้ข้าเสมอ ทั้งแม่นางซูพ่านเอ๋อก็ยังมองข้าเป็นเข็มนัยน์ตา ขัดขวางอย่างช่วยไม่ได้ นางส่ายศีรษะไปมาอย่างจนปัญญา ก่อนจะหยิบผ้าผืนนึงออกมาเช็ดยาพิษในมือและเช็ดให้แก่ซ่านเชียนหยวนด้วย แล้วจึงหยิบตะเกียบและถ้วยออกมาทานอาหาร
ซูพ่านเอ๋ออีกแล้วหรือ?
กู้อ้าวเวยหยิบตะเกียบขึ้นมา ในใจของซ่านเชียนหยวนก็มีความคิดของตนเอง ซูพ่านเอ๋อใช้ให้คนมาสะกดรอยตามเขา และมิรู้ว่าซ่านจินจื๋อรู้หรือไม่ แต่เขาว่ามีหนึ่งอย่างที่นางสามารถแน่ใจได้ คือมิได้มีใจเดียวกันกับซ่านจินจื๋ออย่างแน่นอน”
“เอาล่ะ เจ้าอย่าบอกเรื่องนี้กับท่านลุงของเจ้าเป็นอันขาด ถือว่าเขาช่วยชีวิตเจ้า เจ้าช่วยชีวิตเขา กู้อ้าวเวยจึงคิดถึงคนก่อนหน้า นับว่าเป็นหลานชายของซ่านจินจื๋อ
มองนางอย่างจนปัญญา ซ่านเชียนหยวนทำได้เพียงรับปาก จนเพลานี้รู้ว่าไม่เป็นอันใด เขาก็หวังใจ
เช้าตรู่ในวันรุ่งขึ้น กุ้อาวเวยกำลังนอนหลับใหลก็ได้ยินเสียงดังขึ้นที่ประตู นางจึงดิ้นรนพยายามลุกขึ้นจากเตียง เพราะว่าถูกวางยาพิษ เพลาที่นางตื่นขึ้นมาจึงรู้สึกมิสดชื่น แต่กลับหยิบเสื้อคลุมสองตัวเดินไปด้านนอก ผมของนางยุ่งเหยิง ปกติแล้วหากนางมินอนก็มีท่าทีเช่นนี้เช่นเดียวกัน
เพียงแค่ผู้คนในร้านยาเหย้าเพิ่มมากขึ้นสองคน ซ่านจินจื๋อและซูพ่านเอ๋อ
เมื่อมองเห็นซ่านจินจื๋อ นางก็รู้สึกเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ก่อนจะห่าวไปมาเช้าถึงเพียงนี้ ท่านอ๋องและแม่นางซูพ่านเอ๋อมาหามีอันใดหรือ?”
จ้องมองกุ้กุ้อ้าวเวยลูบหัวที่ยุ่งเหยิงของนางไปมา ซูพ่านเอ๋อก็แสดงสีหน้าที่รังเกียจ ซ่านจินจื๋อยังอยากที่จะอาละวาดแต่ทว่านึกถึงเรื่องราวเมื่อวานนี้ ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขามิชัดเจน กุ้อ้าวเวยก็จะมิสามารถมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นาน นางทำได้เพียงอดทน
“ท่านพี่กุ้ ร่างกายของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?” ซูพ่านเอ๋อกล่าวออกมาด้านหน้า ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม กู้อ้าวเวยรีบร้อนถอยหลังหนึ่งก้าว ก่อนจะโบกมือไปมา “แม่นางพ่านเอ๋ออย่าเข้ามา ข้าคือคนที่กำลังจะตาย ถ้าหากว่ายาพิษแพร่กระจายไปยังเจ้า ก็จะมิดี อย่างไรเสียข้าก็ยังจำได้ว่าข้าถูกขับไล่ออกมาเช่นไร”
ซูพ่านเอ๋อยังยืนอยู่ที่เดิม ใบหน้าของนางรู้สึกอับอาย นางกลับไปที่ข้างกายของซ่านจินจื๋อพร้อมกับเอ่ยออกมา “ก่อนหน้านี้ล้วนโทษทีร่างกายของข้าอ่อนแอ เพราะเกรงว่าท่านพี่กุ้จะย้ายออกไป วันนี้จึงมาเชิญท่านพี่และฮ่องเต้ที่สี่กลับจวนไปด้วยกัน ไปอยู่ในที่เดียวกัน ก็จะมิกลายเป็นร่างกายเดียวกันเพคะ