บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 493
บทที่ 493 แผลเก่า
ก็ไม่มีอะไรจะปิดบังกู้อ้าวเวย ซ่านจินจื๋อเชื่อใจนางในเรื่องนี้
ในกล่องเหล็กบอกชาติกำเนิดของซูพ่านเอ๋อ แล้วก็แม่ของนาง ส่วนเรื่องที่ทำให้เขาถึงบางอ้อทั้งหมดก็คือสิ่งของของอาจารย์ทั้งสอง ส่วนมากจะเกี่ยวข้องกับซูพ่านเอ๋อ เช่นเด็กที่นางเคยวางยาจนตาย
อาจารย์แม่หวังว่านางจะไปมอบตัวรับโทษ แต่อาจารย์กลับใจอ่อนปิดเรื่องนี้ไว้ ทำให้ทะเลาะกันหลายปี ซูพ่านเอ๋อก็เลยเกลียดอาจารย์แม่ มีของบางส่วนยังไม่ได้ใส่ลงกล่องนี้
บางจดหมายบอกว่าซ่านหลิงเอ๋อร์มาที่นี่ อาจารย์เอาเรื่องทั้งหมดบอกกับซ่านหลิงเอ๋อร์ หวังว่าถ้าซูพ่านเอ๋อทำเรื่องอะไรอีกก็ให้ซ่านหลิงเอ๋อร์เอาเรื่องนาง และดูแลนาง
เมื่อฟังจบ กู้อ้าวเวยก็สงสัยหนัก “ดังนั้นเจ้ารู้ว่าซูพ่านเอ๋อตอนเด็กเคยฆ่าเด็กคนหนึ่ง แต่ไม่ได้มีเพียงเท่านั้น ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าจะยอมละทิ้งนางเพราะนางเคยฆ่าเด็กคนหนึ่ง”
คำถามนั้นมันเสียดแทงใจ ซ่านจินจื๋อก็ฟังออก
“ตอนที่ซ่านหลิงเอ๋อร์ตาย ข้าไม่อยู่ด้วย แต่ข้ารู้นิดหน่อย ซูพ่านเอ๋อไม่รู้ว่ากุญแจของกล่องนี้อยู่ที่ไหน แต่ซ่านหลิงเอ๋อร์รู้” เขาพูดถึงจุดนี้แล้วก็กวาดสายตาโหดร้ายมาทางนาง ทำให้นางตกใจ
เหมือนทุกอย่างจะประจวบเหมาะ
การตายของซ่านหลิงเอ๋อร์ และของอาจารย์ทั้งสองน่าจะไม่ใช่เรื่องบังเอิญ
กู้อ้าวเวยก็อยากแบ่งปันข้อมูลตัวเอง “พี่น้องตระกูลจูเคยเป็นผู้ช่วยของนาง นางคงจะมีทางยืมมือคนอื่นไปฆ่าคน เช่นนั้น เจ้ารู้เรื่องของนางกับเมี่ยวหารไหม?”
“ตอนที่ออกมา ข้าให้เฉิงซานไปตรวจสอบ เมื่อวานข้าได้รับสารแล้ว” พูดถึงจุดนี้ ซ่านจินจื๋อก็ขำๆ “พ่อของเขาอยากจะซื้อตัวแม่ของซูพ่านเอ๋ออกมาจากหอนางโลม ต่อมีก็ไม่มีข่าวนี้อีก ต่อมาแม่ของซูพ่านเอ๋อก็ท้องกับเศรษฐีบ้านนอก”
“งั้นซูพ่านเอ๋อก็เป็นลูกของเศรษฐีบ้านนอกหรือ? นางรู้ไหม?” กู้อ้าวเวยสงสัย
“นางรู้แค่ว่าแม่ตนเองเป็นใคร แต่นางไม่รู้ว่านางเป็นพี่น้องคนละแม่กับเมี่ยวหาร” ซ่านจินจื๋อปวดหัวจนต้องกุมขมับ ของในถ้ำเมื่อครู่ทำให้เขาเครียด “แม่ของนางไม่คลอดลูกของเศรษฐีบ้านนอก แต่ตายระหว่างทางไปบ้านเศรษฐีบ้านนอก”
กู้อ้าวเวยฟังแล้วก็ไม่เข้าใจ แต่นางเห็นเส้นเลือดปูดขึ้นที่หัวของซ่านจินจื๋อแล้ว
“ตอนนั้น ตอนแม่ของนางจะจากไปเคยมาพบนาง ตอนนั้นข้าขึ้นเขามาเตรียมของใช้ในฤดูหนาว พอกลับมา ซูพ่านเอ๋อก็ส่งนางออกไปแล้ว” ซ่านจินจื๋อเจ็บปวดจนต้องนวดจุดผ่อนคลาย “ข้าน่าจะนึกออกแต่ที่แรก ว่าทำไมเมี่ยวหารถึงอยู่กับซูพ่านเอ๋อ”
“ขาไม่เข้าใจความหมายเจ้า”
“ของที่อยู่ในถ้ำเมื่อครู่ ก็คือเด็กที่เป็นตัวแล้ว ถึงแม้มันจะนาน…………”
ซ่านจินจื๋อไม่พูดออกมา แต่สีหน้ากู้อ้าวเวยก็เปลี่ยนไป
เด็กที่เป็นตัวแล้ว
“นางไม่ควรมีชีวิตอยู่” กู้อ้าวเวยพูดหน้าซีด ตอนที่ซ่านจินจื๋อยังรับไม่ได้นั้น นางก็ลุกเดินออกไป ผ้าห่มผืนเดียวนางก็เอามีดมากรีดแล้วมัดแขนตัวเองไว้
ความเย็นแทรกเข้ากำแพงบ้านที่ผุพังเข้ามากระทบใบหน้าและเรือนร่างนาง
แต่นางกลับนั่งหน้าถ้ำ แล้วค่อยๆ เอาร่างเด็กที่เพิ่งเป็นตัวออกมา ซ่านจินจื๋อไม่อยากเปิดแผลนางออก แล้วก็พยายามหากล่องอะไรสักอันมา เอาหญ้าแห้งมารองไว้ แล้วเอาผ้าเช็ดหน้าตนเองมาห่อร่างนั้นใส่ลงไป
“หวังว่าชาติหน้าเจ้าจะเกิดในตระกูลดี”
แล้วก็ค่อยๆ เอากล่องนั้นฝังลงไปในดิน
ภาพเริ่มเลือนราง ตอนที่นางเอาผ้าที่พันมือออก ซ่านจินจื๋อก็มาจับมือนางไว้ แล้วนั่งลงเอามือมาลูบมือนาง
“ข้าผิดไปแล้ว ข้าผิดแต่แรก” เสียงซ่านจินจื๋อดังขึ้น และมีเสียงลมพัดแทรกเข้ามาด้วยพร้อมกัน แล้วทุกอย่างก็พร่ามัวไป มีแต่มือเย็นๆ ที่ค่อยๆ อุ่นขึ้น
นางเงยหน้าขึ้น แล้วรู้ว่าซ่านจินจื๋อนั่งอยู่ด้านหน้านาง มือเย็นๆ มาปาดน้ำตาบนหน้านาง ส่วนอีกมือก็จับมือนางเอาไปซุกไว้ในเสื้อ
“ข้าจะเอาครึ่งชีวิตที่เหลือชดใช้เจ้า”
มันช่างประชดประชัน พอกู้อ้าวเวยฟื้นก็รีบพูดว่า “แล้วลูกข้าจะเอาความเป็นธรรมที่ใคร?”
“เจ้าถูกนางหลอกแล้ว แต่เจ้ากลับแยกไม่ออก เจ้าไม่คู่ควรมาชดใช้ให้ลูกข้า”
กู้อ้าวเวยรีบลุกขึ้น ความเจ็บปวดของขาทำให้นางหน้ามืด แต่หน้านางกจับจ้องไปยังทางลงเขา
นางจะต้องกลับไปยังเมืองเทียนเหยียน นางต้องให้ซูพ่านเอ๋อชดใช้
ถึงแม้จะรู้ว่าซ่านจินจื๋อก็ถูกหลอก แต่เขาก็เคยปกป้องซูพ่านเอ๋อ เสียงของซูพ่านเอ๋อเกลี้ยกล่อมให้ซ่านจินจื๋อเชื่อ แต่เขากลับไม่เชื่อคำพูดของคนอื่นเลย
ซูพ่านเอ๋อเป็นทุกอย่างของเขา
คนแบบนี้ไม่น่าเชื่อถือ
นางไม่รู้ว่าตนเองเดินมาไกลแค่ไหน มีแต่ภาพเด็กคนนั้นที่ติดตามมาในหัวสมอง เหมือนว่าความรู้สึกที่เด็กคนนั้นหลุดออกมาจากท้องตนเองแล้วเลือดไหลนองมันยังชัดเจนในหัว
ก็คลำๆ ท้องตนเองแล้วรีบเดินลงเขาไป ขาที่เจ็บยังไม่เท่าตอนที่ถูกเอาลูกออก
ตอนที่สายตาตนเองพูดไป นางก็รู้สึกว่ามีความอบอุ่นมากอดไว้
อ้อมกอดนี้มันปลอม
นางคิดเช่นนี้
ซ่านจินจื๋อเอาตัวนางมากอดไว้แน่น เขายังไม่ลืมสิ่งที่ซูพ่านเอ๋อทำไว้ทั้งหมด แต่ในที่แห่งนี้เขาก็ไม่มีที่จะระบายอารมณ์
เขารู้แค่ว่า คนที่มีใจจะลงเขาอย่างเดียวนั้น ไม่ได้ยินเสียงเรียกใดๆ เขาไม่ใช่ทำแบบนี้เพียงครั้งเดียว แต่นางเหมือนกับไม่มีสติแล้วเดินลงเขา
คนในอ้อมกอดเหมือนจะเสียสติไป ในซ่านจินจื๋อก็เศร้าไปด้วย
“บ้าจริง บัดซบ” เขาอดไม่ได้ที่จะสบถออกมา แล้วก็ถอดเสื้อคลุมมาคลุมนางไว้ แล้วก็รีบลงมายังหมู่บ้าน หมอคนเดียวในหมู่บ้านถูกปลุกให้ตื่น “ถ้านางเป็นอะไรไป ข้าจะเอาชีวิตเจ้