บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 549
บทที่549 ล่ายเสวียนติดกับดัก
หมู่ตึกอยู่นอกระตูเมืองเมืองหลวงออกแหลายสิบลี้ และยังส่งคนไปดูแลเพิ่ม
หมู่ตึกของราชวงศ์ไม่ได้มีไว้สำหรับคนธรรมดาทั่วไป แต่เพื่อที่จะทำให้หยุนหว่านพอใจและแน่ใจว่าจะมีอิสระ มีความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ฉูห้าวยังได้ปลูกสมุนไพรหายากมากมายซึ่งถือว่าเป็นสถานที่ที่ต้องเก็บเป็นความลับ และถนนที่จะไปยังหมู่ตึกนั้นก็ถูกซ่อนไว้ด้วยป่าเขา
เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้อง กู้อ้าวเวยก็มองไปยังเสียงนั้นอย่างไม่รู้ตัว ส่วนซ่านจินจื๋อก้าวไปข้างหน้าตามเสียงนั้น โดยคิดว่าอาจจะมีใครบางคนต้องการจะเข้าเมืองหรืออาจจะเจอกับพวกอันธพาล
“ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่นข้าเรียนรู้มาจากเจ้า” ซ่านจินจื๋อเร่งความเร็ว
“นั่นเป็นการพิสูจน์ว่าเจ้าใกล้ชิดกับข้า” กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นจับแขนของเขาแล้วจ้องตรงไปข้างหน้า
ผ่านป่าเขามามากมาย นางเห็นชายคนหนึ่งนอนอยู่ที่พื้น มีกริชที่อยู่ในมือแทงทะลุงูพิษ
ก่อนที่ม้าจะหยุด กู้อ้าวเวยคิดหาวิธีลงจากหลังม้า แล้วซ่านจินจื๋อก็ลงจากม้าเป็นเพื่อนาง จากนั้นเดินไปหาชายคนนั้นอย่างรวดเร็ว ไม่คาดคิด กู้อ้าวเวยจำเครื่องแต่งกายของชายคนนั้นได้
“จี้เล่ย!” กู้อ้าวเวยเรียกชื่อของเขาออกมา เมื่อเห็นบาดแผลของเขา นางก็ฉีกผ้าออกเป็นชิ้นๆ จากนั้นก็บีบเลือดออก แล้วนางก็ก้มลง
ซ่านจินจื๋อแยกทั้งสองคนออกด้วยมือข้างเดียว จากนั้นก็คุกเข่าลงในโคลนเพื่อดูดพิษออกจากขาของจี้เล่ย
จี้เล่ยเป็นคนสนิทของล่ายเสวียน เขามาที่นี่ตอนนี้แสดงว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับล่ายเสวียน
“แผลของเจ้าจะขยายใหญ่ขึ้น มันจะทำให้เจ้าเจ็บ” กู้อ้าวเวยดึงซ่านจินจื๋อขึ้นมา จากนั้นก็โยนถังน้ำและยาที่มีดหมอได้ทำการตัดเรียบร้อยแล้วใส่อ้อมแขนเขา
บาดแผลของจี้เล่ยเปลี่ยนเป็นสีขาว ในเวลาต่อมา กู้อ้าวเวยช่วยเขาจัดการบาดแผล จากนั้นก็พูดว่า “ซ่านจินจื๋อถอดเสื้อผ้าของเจ้าออกให้หมดแล้วเอาเสื้อคลุมของเจ้าใส่ให้เขา พิษนี้อยู่ที่นี่ ผู้ควบคุ้มอยู่ในระยะ5ลี้ มันจะพุ่งเป้าไปที่เขา ”
ซ่านจินจื๋อถอดเสื้อคลุมออก แล้วก็ล้างเลือดในปาก จากนั้นก็หยิบยากินด้วยการใช้นิ้วจิ้มเบาๆเท่านั้น และเงาที่ตามมาอย่างกระชั้นชิดก็ได้หายไป
เมื่อจี้เล่ยใส่เสื้อผ้า กู้อ้าวเวยก็รักษาบาดแผลของเขา จากนั้นเฉิงซานก็โยนเขาขึ้นไปบนหลังม้า
“คนที่อยู่ในระแวกนี้ได้ถอยออกไปแล้ว และคนที่ถูกจับได้ก็ฆ่าตัวตาย”
เฉิงซานล้มลงข้างกู้อ้าวเวย แล้วส่งเสื้อผ้าของตนให้ซ่านจินจื๋อ
“ดูเหมือนว่าจะมีบางอย่างเกิดขึ้นกับล่ายเสวียน” กู้อ้าวเวยพูดแล้วรีบไปที่หมู่ตึกอย่างรวดเร็ว
คงไม่ทันเวลาหากจะเข้าเมืองในตอนนี้ แต่หมู่ตึกก็อยู่ไม่ไกล
ผู้คุ้มกันของหมู่ตึกได้ทราบข่าวในป่าเขาแล้ว และเมื่อกู้อ้าวเวยมาถึง พวกเขายังคงติดต่อกับผู้คนในเมืองเมืองหลวงและยังส่งคนไปป้องกันกับสิ่งที่ไม่คาดคิด
“ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อสักครู่อยู่ในห้องพัก หมอยาของหมู่ตึกไปดูแลแล้ว แต่เขาก็ยังยืนกรานที่จะพบท่าน” คุ้มกันทำความเคารพกู้อ้าวเวยแล้วพูดอย่างฉะฉาน
“ข้าจะไปเดี๋ยวนี้” กู้อ้าวเวยเดินตามเขาไปอย่างรวดเร็ว
ซ่านจินจื๋อก้าวเพื่อให้ตามทันแต่กู้อ้าวเวยกลับโบกมือเบาๆ “ไปหาหมอยาเพื่อรักษาเขา หน้าอกยังไม่หายดี คงไม่ดีแน่หากจะได้รับพิษอีก”
“ครับ” คำตอบของผู้คุ้มกันทำให้ซ่านจินจื๋อหยุดเดินและเลิกตามกู้อ้าวเวย
ในห้องพักเวลานี้ จี้เล่ยนอนอยู่บนเตียงอย่างอ่อนแรง เมื่อเห็นกู้อ้าวเวยกลับรู้สึกตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนที่เป็นอัมพาตด้วยพิษงูเสียอีก “อย่าขยับ เจ้าต้องพักผ่อน บาดแผลของเจ้ายังไม่หายดี” กู้อ้าวเวยวางมือข้างหนึ่งไว้บนไหล่ของอีกฝ่าย ในขณะที่ตัวเองนั่งลงบนขอบเตียงเพื่อรอให้เขาหายใจคล่องกว่านี้ “หากไม่ใช่เรื่องร้ายแรง ล่ายเสวียนคงไม่ให้เจ้ามาที่นี่ด้วยตัวเอง”
“มีคนตามหาแม่ทัพเจอแล้ว ตอนนี้แคว้นเจียงเยี่ยนและแคว้นซินกำลังส่งคยตามล่าเขา ข้ามาที่นี่เพื่อรายงานหวังว่าเจ้าจะช่วยเขาได้” จี้เล่ยมองไปที่กู้อ้าวเวยอย่างตื่นเต้น
ตอนนี้เมืองของล่ายเสวียนอยู่อย่างโดดเดี่ยวและไร้หนทาง และเมื่อแคว้นชางหลานเต็มใจที่จะส่งคนออกไปคุ่มกัน จึงทำให้ทุกแคว้นรู้สึกไม่สบายใจ ในตอนนี้หากขอคววามช่วยเหลือจากแคว้นชางหลาน จะไม่ส่งผลดีต่อสถานการณ์โดยรวม
แต่ถ้าหากล่ายเสวียนได้รับการช่วยเหลือเป็นการส่วนตัว ทุกอย่างก็จะแตกต่างออกไป
ตอนนี้ล่ายเสวียนมองเห็นได้อย่างครอบคลุมมากขึ้น
“ข้าส่งคนไปช่วยแน่นอน แต่ข้าคิดว่าเหตุผลน่าจะมีมากว่านี้” กู้อ้าวเวยพยักหน้าให้คำสัญญา
เพียงแค่ให้ล่ายเสวียนปกป้องเมืองสุดท้ายแห่งอิสรภาพที่แคว้นเจียงเยี่ยนทิ้งไว้ ในภายภาคหน้าแคว้นเจียงเยี่ยนก็จะสามารถยืนหยัดได้อีกครั้ง และจะมีเพียงเมืองอิสรภาพแห่งนี้และล่ายเสวียนเท่านั้นที่จะสามารถเลิกทาสได้
กู้อ้าวเวยไม่คาดหวังว่าจะมีคนเห็นอกเห็นใจทาสแต่กลับเชื่อในล่ายเสวียนมากพอ เพราะเขามีจิตใจที่แจ่มใสและดวงตาที่เฉียบคม มีเพียงพวกเขาเท่านั้นที่จะเข้าใจพวกเขาด้วยกัน
จี้เล่ยยังคงเคารพผู้หญิงอย่างกู้อ้าวเวยและพูดอย่างตรงไปตรงมา “ซูพ่านเอ๋อเป็นคนส่งข่าวให้เมี่ยวหาร และเมี่ยวหารก็บอกอ้ายจือเกี่ยวกับเรื่องนี้ และรู้สึกชื่นชมอย่างมาก”
“แล้วแคว้นซิน……”
“ซูพ่านเอ๋อบอกตอนที่นางจากไป แต่ข้าไม่รู้ว่าใครทำให้เรื่องนี้รั่วไหล แต่ที่นั่นก็มีเพียงเจ้า……” จี้เล่ยไอออกมาอย่างรุนแรง
ดวงตาของกู้อ้าวเวยมืดลง “สถานที่แห่งนั้นข้าเป็นคนเลือกเอง เป็นไปไม่ได้ที่ซูพ่านเอ๋อจะรู้”
ทันทีที่สิ้นเสียง ผู้คุมกันที่อยู่ข้างนอกก็เข้ามาพร้อมกับจดหมายและกระซิบ “ฝ่าบาทมีจดหมายถึงท่าน เพิ่งมาถึงเมื่อสักครู่”
กู้อ้าวเวยรับจดหมาย แต่หลังจากที่อ่านอย่างละเอียดสีหน้าของนางก็เปลี่ยนไป
“ทิงเฟิงเก๋อถูกทำลายสองส่วน มีข่าวรั่วไหล” นี่คือลายมือของผิงชวน และยังมีอีกสองสามประโยคด้านหลังเป็นลายมือของ
หลิ่วเอ๋อ “สิ่งที่เซียวไห่ทำ ข้าแจ้งเรื่องนี้ให้อ๋องจงผิงทราบแล้ว และอ๋องจงผิงส่งคนไปติดตามผลแล้ว”
“ข้าคิดว่าเซียวไห่คือเพื่อนที่ดีที่สุดของเจ้า” กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นมองซ่านจินจื๋อที่อยู่ข้างประตู
ซ่านจินจื๋อก้าวเข้ามาในห้อง จากนั้นก็หยิบจดหมายแล้วชำเลืองมอง “ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าเขาจะทำเรื่องแบบนี้”
“อาจจะตั้งแต่ตอนนี้เจ้าพาซูพ่านเอ๋อกลับมาก็มีแต่เพื่อนที่มีค่าสำหรับเจ้า” กู้อ้าวเวยจงใจกัดคำว่าเพื่อน และซ่านจินจื๋อก็ไม่มีเหตุผลมาหักล้างได้
แต่เมื่อคิดอีกแง่หนึ่ง หากนางไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับทิงเฟิงเก๋อ เซียวไห่กับซูพ่านเอ๋อคงไม่ทำเรื่องนี้ แต่ถ้าหากพวกเขารู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังทิงเฟิงเก๋อคือหยุนหว่าน นางตัวสั่นอย่างช่วยไม่ได้
“ข้าไม่สามารถให้คนจากทิงเฟิงเก๋อไปช่วยได้อีกต่อไป” กู้อ้าวเวยกัดริมฝีปากล่าง
“ที่ไหน?” ซ่านจินจื๋อนั่งลงบนขอบเตียง
กู้อ้าวเวยรายงานชื่อสถานที่หลายแห่ง เฉิงซานที่อยู่ข้างนอกก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้นเพื่อดึงกู้อ้าวเวยมาไว้ในอ้อมแขนของเขา “เทพแห่งสงครามชื่อนี้มีมากว่าศิลปะการต่อสู้”
“ข้าควรจะยกย่องสิ่งที่เจ้าทำในวันนี้” กู้อ้าวเวยพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ แล้วดึกเขาให้ลุกขึ้น จากนั้นก็พูดเบาๆกับจี้เล่ย
“เจ้าสบายใจได้ พวกเราจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้”
“ขอบคุณ” จี้เล่ยถอนหายใจอย่างโล่งอ