บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 55
ตอนที่ 55 ความปรารถนาภายในใจ
“ข้าขอถามเจ้าหน่อย เจ้าตั้งใจที่จะร่วมมือกับสำนักเยียนหยู่เก๋อจริง ๆหรือ?”
ซ่านจินจื๋อถอนสายตากลับมาโดยไม่ทิ้งร่องรอย
เมื่อกี้นี้ เป็นครั้งแรกที่ความรู้สึกเขาถูกดึงดูดโดยผู้หญิงคนอื่นนอกจากซูพ่านเอ๋อ
“ใช่แล้ว และข้าก็ไม่คิดจะใช้เงินของท่านอ๋องด้วย เพียงแค่การค้าจากสำนักเยียนหยู่เก๋อข้าก็พอใจแล้ว” กู้อ้าวเวยยกขาลงจากเตียงช้อนตามองซ่านจินจื๋อตรงหน้า
“สำนักเยียนหยู่เก๋อส่งข่าวมาหาข้า ถ้าหากเจ้าอยากให้สำนักเยียนหยู่เก๋อเชื่อใจ ข้าช่วยเจ้าได้” ซ่านจินจื๋อนั่งเก้าอี้ข้างๆและมองนางตาไม่กระพริบ
“แล้วข้าต้องจ่ายเท่าไร?” กู้อ้าวเวย ลุกขึ้นยืน นางหยิบของที่แตกมาไว้รวมกันวางไว้ที่เดิมที่คนจะไม่เห็นและรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“เป็นความลับ” ซ่านจินจื๋อพยักหน้า
“ถ้าอย่างั้น ราตรีสวัสดิ์ท่านอ๋อง” กู้อ้าวเวยเปิดประตูออก
ซ่านจินจื๋อลุกขึ้นเขาสัมผัสได้ถึงกลิ่นของความขมฝาดของความลำบากที่อยู่ในห้องนี้หลงเหลืออยู่ในโพรงจมูก ฉับพลันก็นึกขึ้นได้ว่านางนั้นได้ให้สมุนไพรให้กับองค์ชายสามกับเซียวไห่เขารู้สึกแปลกใจแต่ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่องและเดินออกไป
วันรุ่งขึ้น ชิงต้ายผู้ติดตามของกู้อ้าวเวยหยิบกระดาษส่งยื่นให้เขาที่ห้องหนังสือ
กลุ่มสมุนไพรและกลิ่นของหมึกในห้องหนังสือนั้นช่างขัดแย้งกัน แต่เขียนไว้ว่า หญ้าเลือดมังกรและถุงน้ำดีหงส์นั้นมีสรรพคุณที่ตรงข้ามกัน เมื่อถึงฤดูคิมหันต์ต้องออกไปหญ้าไป่หยาด้วยตนเอง
“ทำไมนางไม่มาด้วยตนเอง?” ซ่านจินจื๋อลุกขึ้นยืนและนำกระดาษในมือมาโยนทิ้งไว้บนโต๊ะ
“เรียนท่านอ๋อง พระชายาทรงประชวร ทรงกลัวว่าจะนำไข้มาติดท่านหรือแม่นางซูพ่านเอ๋อ” ชิงต้ายตอบกลับไป แท้จริงแล้วนางนั้นต้องการถ่วงเวลาในการศึกษาและปรุงยาถอนพิษนางไม่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำแบบเมื่อคืนอีก
กู้อ้าวเวยไม่อยากเสียหน้าต่อหน้าซ่านจินจื๋อ
ซ่านจินจื๋อก็พอจะเดาได้พลางบอกเล่าชิงต้ายว่า “ถ้าอย่างนั้นก็ให้นางพักผ่อนไป ทว่าเรื่องนี้ข้าจะไปกับนางด้วย”
“เจ้าค่ะ ท่านอ๋อง” ชิงต้ายออกไปโดยไวพลางถอนหายใจออกมาเบาๆ
ดูแล้วท่านอ๋องยังคงไม่วางใจพระชายา
ในเวลาเดียวกัน ซ่านเซียนหยวนนั้นตั้งแต่ครั้งที่แล้วที่นัดพบเจอกับองค์ชายสามซ่านเชิ้งหานหลักจากนั้นก็เจอกับซ่านจินจื๋อน้อยครั้งได้ วันนี้เป็นวันที่เขากลับมายังตำหนัก เขานั้นมาถึงนอกวิหารเฟิ่งหมิงนานแล้วแต่กลับถูกหยินเชี่ยวขวางไว้ “พระชายายังทรงบรรทมอยู่ องค์ชายสี่ทรงมีเรื่องอะไร?”
“ไม่มีอะไร รอข้ากลับมาค่อยมาถามนาง” ซ่านเซียนหยวนมองดูเวลาและจากไปโดยไว
เมื่อมาถึงประตู ซ่านจินจื๋อก็ยืนอยู่ที่ข้างประตูแล้ว พร้อมกับเตรียมรถม้าและส่งของให้กับเสี่ยนเฟยพร้อมกำชับสั่งงาน “พระสนมเสี่ยนเฟย รอเจ้านานเสียทีเดียว เจ้าโตขึ้นมากเลยทีเดียว ก็อย่าได้ไปทำให้นางโมโหละ”
“รับทราบเจ้าค่ะ เสด็จอา” ซ่านเซียนหยวนหัวเราะพลางพยักหน้าไปด้วยและขึ้นรถม้าไปและขี่เข้าตำหนักอย่างช้า ๆ
เฉิงซานหล่นลงมาอยู่ข้าง ๆซ่านจินจื๋ออย่างไม่รู้สึกตัวพลางถามว่า “ท่านอ๋อง ถ้าหากองค์ชายสี่ต้องการตำแหน่งฮ่องเต้….”
“ไม่มีทาง หยวนเอ๋อไม่เหมือนกับองค์ชายคนอื่น สองสามวันนี้เจ้าจงจับตาดูความเคลื่อนไหวของจวนฉี โดยเฉพาะฉีหลิน” ซ่านจินจื๋อมองตามรถม้าที่หายไปในความมืดและหันหลังกลับไปยังตำหนักอ๋อง
กู้อ้าวเวย ข้าจะรอดูการตัดสินใจของเจ้าว่าฉีหลินคนนี้จะสามารถกลับเนื้อกลับตัวได้จริง ๆหรือไม่?
……………….
เสี่ยนเฟยกิริยาวาจาสุภาพอ่อนโยนและเชี่ยวชาญในด้านการวาดและบรรเลงพิณ
เมื่อซ่านเซียนหยวนเดินเข้ามาในตำหนัก เสี่ยนเฟยกำลังสวมชุดคลุมสีม่วงขลิบทองตรงไหล่ นิ้วมือเรียวยาวของนางกำลังบรรเลงพิณหางตามองต่ำลงอย่างอ่อนหวาน เมื่อเห็นซ่านเซียนหยวนดวงตาสีฝุ่นทั้งสองข้างเบิกกว้างพลางโบกมือทักทาย “ไหนมาให้แม่ดูสิ”
“ท่านแม่” ซ่านเซียนหยวนก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าว ก่อนที่จะกลับมาถึงเทียนเหยียนเขาก็เข้าไปผัวพันกับเรื่องในค่ายทหารและจักรพรรดิก็มีเจตนาเขามาเป็นพวกเดียวกันจึงได้กลับมาที่ตำหนักล่าช้า จากนั้นก็ยังมาล้มขาหักอีกก็ไม่สะดวกนักที่จะกระตุ้นเรื่องในตำหนัก เขาจึงได้มาที่นี่
“ลูกของข้าช่างสง่างามหล่อเหลาและสูงใหญ่จริง ๆ” เสี่ยนเฟยรีบสั่งให้คนนำของว่างและผลไม้มากมายมากราวกับเขาเป็นเด็กน้อย แม่ลูกทั้งสองไม่ได้เจอกันมานานจึงได้พูดคุยกับเรื่องสัพเพเหระต่าง ๆ
ดวงอาทิตย์ลอยเด่นกลางนภา มื้อกลางวันก็จัดวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อย
เสี่ยนเฟยสั่งให้คนออกไปให้หมดเหลือเพียงคนสนิทเพียงคนเดียวถึงได้พูดต่อ “เรื่องที่ฐานล่าสัตว์ก่อนหน้านี้ แม่ให้คนตรวจสอบแล้วเป็นฝีมือของคนหน่วยลับของท่านอ๋องจิ้ง เสียดายคนของแม่มีไม่มากพอเลยจับไม่ได้”
ซ่านเซียนหยวนขยับตัวใจของเขาสับสน “ท่านแม่ทรงตรวจสอบชัดเจนแล้วหรือ?”
“ชัดเจน ท่านอ๋องจิ้งไม่เพียงแต่ให้ชุดเจ้าแม้แต่ม้าขององค์ชายสามก็เป็นกลอุบายเช่นกัน” เสี่ยนเฟยสีหน้าเคร่งขรึม “มีเพียงองค์ชายสามเท่านั้นที่ตอนนั้นไม่ได้ขึ้นมา เลยพลาดไปครั้งนึง เจ้าอยู่ที่ตำหนักอ๋องจิ้งก็จงระวังตัวด้วย”
“แต่ว่าเสด็จอาเขา…”
“ต่อหน้าตำแหน่งฮ่องเต้ไม่มีครอบครัวมาเกี่ยวข้อง ถ้าหากว่าแม่ไม่มีหลักฐานที่แน่นหนาก็ไม่เชื่ออย่างเด็ดขาด” สายตาของเสี่ยนเฟยนั้นเย็นชาพลางถอนหายใจออกมา “ยิ่งไม่ต้องพูดถึงซูพ่านเอ๋อที่อยู่ข้างกายอ๋องจิ่งผู้หญิงคนนั้นจัดการไม่ได้ง่าย ๆนางทำถึงกระทั่งติดต่อคนในยุทธภพเพื่อติดตามเจ้า แม่ก็ส่งคนไปจัดการก็ไม่ได้น้อยแต่ก็ยังตัดได้ไม่หมด”
ใจของซ่านเซียนหยวนเต้นรัว ตอนนี้ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้ว
เขานั้นอยากที่หากู้อ้าวเวยโดยไวถามนางว่านางคิดอย่างไรกับเสด็จอา ดูเหมือนตอนนี้ไม่จำเป็นอีกต้องไป
“หยวนเอ๋อดูความจริงให้ชัด แม่แค่หวังว่าเจ้าจะปลอดภัย” ทันใดนั้น หางตาของเสี่ยนปลอบประโลมเขา
“ลูกจะไม่ทำให้ท่านแม่ต้องกังวล” ซ่านเซียนหยวนคำนับและออกไปจากตำหนัก
เมื่อกลับมาถึงตำหนักอ๋อง ซ่านเซียนหยวนกระวนกระวายใจจึงเดินไปยังสวนด้านหลังแต่กลับเจอคนที่ไม่ควรจะเจอ
“ถวายบังคมองค์ชายสี่” ซูพ่านเอ๋อขึ้นยืนโค้งตัวทำความเคารพและยิ้มอย่างสวยงาม
“แม่นางซูมาที่นี่มีเรื่องอันใดหรือ?” ซ่านเซียนหยวนคิดไปถึงที่ซูพ่านเอ๋อได้ส่งคนมาติดตามตัวเองก็รู้สึกไม่พอใจและหมดความอดทนจึงแสดงออกมา
“ไม่มีอันใดเจ้าค่ะ เพียงแค่พี่อ้าวเวยนั้นขังตัวเองไม่ยอมพบเจอใคร ข้าอยู่คนเดียวในตำหนักอ๋องนี้ก็รู้สึกเหงา ก็เลยมาหาหวังว่าจะพูดคุยกับองค์ชายสี่” ซูพ่านเอ๋อรีบเทเติมน้ำชาให้แก่เขาพลางขมวดคิ้ว “ไม่กี่วันมานี้มักจะเห็นองค์ชายสี่กับพี่อ้าวเวยสนิทสนมกัน”
“นิสัยของพระชายากับข้านั้นเข้ากันได้ดี” ซ่านเซียนหยวนตอบแบบขอไปที
“องค์ชายสี่ท่านยังคงไม่ทราบ พี่อ้าวเวยปกติแล้วเป็นคนหยิ่งยโสใช้อำนาจบาตรใหญ่ ตอนอยู่ต่อหน้าท่านก็แสดงท่าทางน่ารักเฉลียวฉลาดออกมา ไม่ใช่ว่ามีเจตนาจะหาผลประโยชน์…” ซูพ่านเอ๋อยังไม่ทันพูดจบ ซ่านเซียนหยวนก็ลุกพรวดทำให้นางตกใจจนถอยหลัง
ไม่ทันคิดว่าจะสะดุดม้านั่งหินด้านหลังจนล้มลงกับพื้น ซ่านเซียนหยวนมองไปที่นางอย่างโหดเหี้ยม “ก็ยังดีกว่าเจ้าที่ส่งคนมาสอดแนมข้า! ซูพ่านเอ๋อ ตกลงแล้วเจ้ามีเจตนาจะทำอะไรกันแน่!