บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 575
บทที่ 575 ฉีกหน้า
ซ่านจินจื๋อต้องรักษาระยะห่าง
กู้อ้าวเวยใช้เวลาสักครู่หนึ่ง จึงพาคนขึ้นรถม้าไป
ซ่านจินจื๋อจ้องมองนางตลอดเวลาตั้งแต่ต้นจนจบ ซูพ่านเอ๋อที่อยู่ข้างกายสัมผัสได้ถึงสถานการณ์ที่แตกต่าง รอจนกระทั่งขึ้นรถม้า นางก็ทนไม่ไหวที่จะล้มตัวลงนอนลงบนตักของซ่านจินจื๋อ ร้องด้วยเสียงอ้อน “ท่านพี่จื๋อ…”
“เป็นอะไรหรือ” ซ่านจินจื๋อจับข้อมือของนาง เขาลูบเบาๆอย่างอ่อนโยนเหมือนอย่างที่เคยทำ
“เรื่องราวที่เกิดขึ้นที่แคว้นซิน เจ้ารู้ทุกอย่างแล้วใช่ไหม” ซูพ่านเอ๋อเงยหน้าขึ้นมา มองเขาด้วยความข้องใจ “ท่านพี่จื๋อโปรดอย่ารังเกียจข้าได้ไหม”
ซ่านจินจื๋อขยับตัวเพียง ฝ่ามือแข็งเกร็งขึ้นเล็กน้อย พยุงตัวคนขึ้นมา
“ข้ารู้มานานแล้ว” ซ่านจินจื๋อให้นางขึ้นนั่งข้างตนเอง “ข้าไม่โทษเจ้า”
“อย่างนั้นเจ้ารู้หรือไม่ว่าเรื่องทั้งหมดล้วนมาจากกู้อ้าวเวยเป็นตัวหลัก นางให้ส่งข้าไปยังแคว้นซิน และนางยังข่มขู่ข้าด้วยว่าจะให้ข้าช่วยกำจัดกู้เฉิง” ซูพ่านเอ๋อหลั่งน้ำตาร้องไห้ออกมา เพียงแต่คิดถึงวันที่ซ่านจินจื๋อจะต้องจากตนเองไป ความกลัวที่อยู่ภายในใจนางแทบจะอดไม่ได้ที่จะกลืนกินนาง “แม้แต่คำพูดที่ไร้สาระ กล่าวหาว่าข้าเป็นคนสังหารเจ้าหญิงหลิงเอ๋อร์ นางคิดจะสังหารข้า และแก้แค้นเจ้า!”
ซ่านจินจื๋อรู้สึกเหมือนสายใยของเหตุผลนั้นได้แตกสลาย
หลังจากมีสติกลับมา มือของเขาก็โอบคอของซูพ่านเอ๋อไว้อย่างแนบแน่น
อาจารย์ผู้ที่เคยให้คำหนึ่งคำไว้กับเขา และยังมีปากอันโหดร้ายนั่น แต่กลับกันก็ยังคงเอาผ้าห่มมาห่มให้เขายามกลางคืน ไหนจะภรรยาของอาจารย์ที่คอยเก็บขนมเอาไว้ให้เขา แม้ว่าเขาจะเป็นคนพาลที่น่าขยะแขยง แต่เขาก็จดจำทุกสิ่งได้ดี
ยังมีซ่านหลิงเอ๋อร์ที่คอยติดตามเขาไม่ห่าง
“ตอนนี้เจ้ายังคิดจะฆ่าเวยเอ๋อ!”
ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำ เขาสามารถจะอดทนเพื่อกู้อ้าวเวยได้ แต่ความโหดเหี้ยมในตัวเขานั้นกลับเหมือนหลุดพ้นจากพันธนาการ เขาแค่อยากได้ยินเสียงคอของซูพ่านเอ๋อที่ถูกบีบอยู่ในมือของตนเอง
“ปล่อยมือ” เสียงของกู้อ้าวเวยดังขึ้นกระตุ้นเขาดุจโดนมีดทิ่มแทง
ปลายนิ้วอันเย็นเฉียบนั้นจับปกคอเสื้อของเขาไว้แน่น ดวงตาที่เปล่งประกายนั้นปรากฏให้เห็นเด่นชัด “สุดท้ายเจ้าก็อดกลั้นไม่ได้ แต่อย่าลืมนะ นางยังตายไม่ได้!”
รถม้าทั้งสองคันหยุดลงเพราะมีความเคลื่อนไหวที่มากมายด้านนอก
องค์หญิงที่มาจากแคว้นเอ่อตานถูกฉีกผ้าปิดหน้าออก ภายใต้สายตาที่ตกใจกลัวของทุกคน เขาจูบลงไปอย่างหนักเหมือนถูกขับไล่อย่างบ้าคลั่ง มืออีกข้างหนึ่งโอบคอชายคนนั้นไว้แน่น ดาบคู่นั้นหลุดออกไปด้วยความตกตะลึง เหลือแต่เพียงมืออีกค้างที่กดท้ายทอยของเขา และถูเบาๆ
“เชื่อฟังหน่อย ใจเย็นก่อน” เสียงของนางนั้นอ่อนโยน ริมฝีปากได้ถูกซ่านจินจื๋อกัดจนทิ้งแผลไว้ เลือดไหลสีแดงสดไหลออกมา นางดึงมือของเขาที่ยังคงจับคอซูพ่านเอ๋อลงก่อน เอามาไว้ที่เอวของตนเอง “ข้ายังไม่ไปไหน ยังมีชีวิตยืนอยู่ตรงหน้าเจ้า”
เกือบจะลากเอาชายคนนั้นลงจากรถม้า เมื่อลงจอดทั้งคู่แทบจะล้มลงกับพื้น
ซ่านจินจื๋อมีเหตุผลเล็กน้อยที่ทำให้เขายังหนักแน่น จากนั้นจับเอวของอีกฝั่งและยืนอย่างมั่นคง คิ้วทั้งสองข้างขมวดจนแทบจะพันกัน
“นำตัวซูพ่านเอ๋อมัดไว้ก่อน อย่าปล่อยให้นางพูดจาเหลวไหลยุ่งยากอะไรอีก” กู้อ้าวเวยปลอบซ่านจินจื๋อด้วยมือข้างเดียว แต่ปากกลับออกคำสั่งให้เฉิงซาน
เฉิงซานมัดซูพ่านเอ๋อที่กำลังไอไว้เป็นอย่างดี แม้แต่ปากก็ถูกยัดไว้ด้วยผ้า
เมื่อได้สติกลับมา ซ่านจินจื๋อและกู้อ้าวเวยก็หายไปนาน สามารถมองเห็นได้เพียงชายของเสื้อผ้าที่กระทบต้นไม้ในป่า
ซูพ่านเอ๋อถูกบังคับให้คุกเข่าลงกับพื้น มองไปยังชายเสื้อในป่าก็เต็มไปด้วยความรู้สึกไม่อาจจะเชื่อสายตาที่เห็น
ในเวลานี้กู้อ้าวเวยถูกกดทับไว้กับต้นไม้ ชายคนนั้นเอาศีรษะมาซุกไว้ยังลำคอของตน เขาพูดด้วยเสียงต่ำอย่างครึ่งรำคาญครึ่งทำอะไรไม่ถูก “เจ้ามีความสุขมาก แต่กลับทำให้แผนของข้าพังโดยสิ้นเชิง”
“ข้าคิดจะฆ่านาง” ซ่านจินจื๋อพูดด้วยเสียงหม่น
“ฆ่านางนั้นไม่อยากหรอก แต่เจ้าอย่าลืมสิ เจ้ายังต้องพานางไปขอขมาอาจารย์และอาจารย์หญิงของเจ้าที่หลุมศพ” กู้อ้าวเวยค่อยๆขยับปลายนิ้วเล็กน้อย “ตอนนี้ไม่มีประโยชน์จะใช้อะไรนางแล้ว เจ้าอยากทำอะไรก็ทำเถอะ หากให้ดีก็เป็นประโยชน์ต่อยาของข้า”
กู้อ้าวเวยไม่ได้สังเกตเห็นน้ำเสียงที่ออดอ้อนและปล่อยตัวของตนเองแม้แต่น้อย
ก็เหมือนกับซ่านจินจื๋อที่จากองค์ชายแสนเย็นชากลายมาเป็นผีร้ายที่แสนจะยึดติด นอกจากนี้นางยังอยู่สึกได้ว่านางปฏิบัติกับซ่านจินจื๋อเหมือนเด็กเล็กมากขึ้น
ตอนนี้เมื่อคิดอย่างรอบคอบแล้ว แต่ไหนแต่ไรมาซ่านจินจื๋อเป็นคนที่มักจะทำในสิ่งที่คิดเอาไว้ ยกเว้นความลับทางการทหารแล้ว เขาล้วนแต่ทำตามอำเภอใจ หากไม่ใช่เพราะสมองนี้สามารถแยกแยะหนักเบาได้ บางทีเขาอาจจะตายไปนานแล้วก็ได้
เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง ซ่านจินจื๋อเพิ่งจะค่อยเงยหน้าขึ้นมา “ไม่โกรธหรือ”
“เรื่องมาถึงขนาดนี้ โกรธไปก็ไร้ประโยชน์” กู้อ้าวเวยหันศีรษะไปมองซูพ่านเอ๋อที่ถูกมัดไว้ “ตอนนี้ยังไม่มีเบาะแสใด ๆของเซียวไห่ ตอนนี้คงจะเอาตัวนางให้เจ้าไม่ได้”
“การล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วงที่จะมาถึง เจ้าเตรียมการไว้อย่างไร”ซ่านจินจื๋อถามออกไป
“ทำไปตามแผน” กู้อ้าวเวยมองเขาอย่างทำอะไรไม่ได้ “เรื่องทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณเจ้า ข้ากลัวว่าจะหาเซียวไห่ไม่พบ และก็ยังไม่รู้เลยว่าเซียวไห่จะหาคนมาสนับสนุนได้หรือไม่”
พูดจบ กู้อ้าวเวยค่อยๆ ผลักซ่านจินจื๋อออกไป เดินอ้อมต้นไม้ใหย่ที่อยู่ด้านหลังออกไปเพื่อกลับไปยังด้านข้างรถม้า
นางก้มลงและมองไปยังซูพ่านเอ๋อ “เดิมที่เจ้าก็สามารถจะมีเวลาที่อยู่สบายได้”
ซูพ่านเอ๋อมองนางด้วยตาแดงก่ำ มีเสียงอู้อี้อยู่ในปากเล็กน้อย
และซ่านจินจื๋อก็ได้เดินออกมาจากในป่า มองนางด้วยสายตาเยือกเย็น “ข้ารู้ทุกอย่างที่เจ้าเคยทำไว้ ทั้งชีวิตนี้ เจ้าคงจะต้องชดใช้ทุกอย่างที่เจ้าเคยทำ”
ร่างกายของซูพ่านเอ๋อสั่นสะท้านอย่างไม่รู้ตัว ช่วงเวลาต่อมา กู้อ้าวเวยดึงผ้าที่อยู่ในปากของนางออกมา แล้วใส่ยาเม็ดหนึ่งเข้าไปในปากของนาง แทบจะง้างคางของนางเพื่อให้นางกินมันเข้าไป
“แค่กๆ….” ซูพ่านเอ๋อไอออกมาอย่างรุนแรง ยาเม็ดนั้นถูกกลืนลงไปแล้ว นางเงยหน้าขึ้นมองไปยังซ่านจินจื๋อ “ท่านพี่จื๋อ! เจ้าอย่าไปฟังคำพูดของนาง แต่ไหนแต่ไรข้าไม่เคยทำเรื่องพวกนั้นกับพวกเขาเลย นั้นเป็นอาจารย์และอาจารย์หญิงของพวกเรานะ”
“แม้แต่แม่ของตัวเองเจ้ายังกล้าลงมือ จะมีอะไรที่ไม่กล้าลงมืออีกหรือ” ซ่านจินจื๋อมองนางด้วยความรังเกียจ “เจ้าจะต้องทำการชดใช้ต่อหน้าหลุมศพของอาจารย์และอาจารย์หญิงไปตลอดชีวิต”
กู้อ้าวเวยลุกขึ้นยืน มองนางอย่างเฉยเมย “เมื่อกี้ไม่ใช่ยาพิษ เป็นแค่ยาบำรุงกำลัง นำยามาด้วยแค่เล็กน้อย ทั้งชีวิตนี้เจ้าคงไม่มีอีกต่อไป”
“เจ้า!” ซูพ่านเอ๋อดิ้นอย่างรุนแรง แทบจะตะโกนออกมาด้วยแรงทั้งหมดที่มีอยู่ “อาจารย์และอาจารย์หญิงถือว่าข้าเป็นเหมือนลูกสาวของตัวเอง! พวกเขาหวังว่าข้าจะอยู่ห่างกับเจ้า บอกได้เลยว่าข้ากลัวเป็นบ้า! ข้ารู้ดีว่าควรจะฆ่าแต่พวกอันธพาล!”
กู้อ้าวเวยมองไปที่นางด้วยความสงสาร
สักครู่ใหญ่ นางก็พูดขึ้นเบาๆ “เมี่ยวหารเป็นพี่ชายทางสายเลือดของเจ้า”
เมื่อเห็นว่าสีหน้าของซูพ่านเอ๋อเปลี่ยนไป กู้อ้าวยเวยจึงพูดต่อไป “เจ้าลองทายดูสิ ทำไมเจ้าถึงอยู่กับซ่านจินจื๋อได้นานขนาดนี้ แล้วยังไม่ตั้งครรภ์เลยสักครั้ง”