บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 576
บทที่ 576 เกินความคาดหมาย
ซูพ่านเอ๋อพยายามที่จะหนีอยู่หลายครั้งระหว่างเดินทาง สุดท้ายก็ถูกคนจับกลับมามัดไว้ในรถม้า
คืนสุดท้ายของการอยู่ในที่รกร้างทุรกันดาร ซ่านจินจื๋อพบว่ากู้อ้าวเวยไม่ได้อยู่ใกล้ๆในตอนกลางดึก หลังจากตามหาอย่างถี่ถ้วนก็ได้ถามพวกทหารและพวกทหารบอกว่า “ถุงน้ำขององค์หญิงแตกแล้ว ซึมไปทั้งตัว ไปเปลี่ยนชุดอยู่ทางนั้น”
ซ่านจินจื๋อพยักหน้าอย่างชัดเจน
และท่ามกลางป่าไม้ ครึ่งหนึ่งของร่างกายกู้อ้าวเวยอยู่ในสระน้ำ เสื้อสีขาวราวกับหิมะเปียกโชกไปทั้งชุด ปลดคอเสื้อออกเล็กน้อย อักษรตัวหยุนที่ดูคดเคี้ยวแผ่ขยายลุกลามนับไม่ถ้วน ดูแล้วน่ากลัวมาก แม้แต่บาดแผลบนหน้าอกก็เริ่มจะกลายเป็นสีดำ
นางขมวดคิ้วและหยิบกล่องไม้ที่มีวัตถุดิบยาขึ้นมา นั่งผ่อนลมหายใจหนักอยู่ริมตลิ่ง ความเจ็บปวดตรงหน้าอกและอาการปวดหัวล้วนทำให้นางเริ่มจะทนไม่ไหว
นางน่าจะพบมานานแล้ว พิษนี้ไม่ได้ส่งผลต่อหัวใจ แต่เป็นสมองของนาง
ไม่ได้มีเครื่องมือที่ซับซ้อนอะไร ถึงตอนนี้นางก็เพิ่งรู้ได้โดยตรงว่าพิษนี้มันยุ่งยากซับซ้อนมาก แม้ว่าไม่รู้ว่าเมี่ยวหารไปเอายามรณะปลอมแบบนี้มาจากไหน แต่มันได้ทำร้ายพื้นฐานร่างกายของนาง ถึงกับมีความกังวลเรื่องชีวิต
ขณะนี้นางกำลังคิดว่าเลือดมังกรจะช่วยให้ตัวเองสามารถมีชีวิตต่อไปได้อีกหรือไม่ ด้านหลังมีเสียงฝีเท้าของผู้ชายคนหนึ่งดังหนักขึ้น พร้อมกับเสียงของคำถาม “เปลี่ยนเสร็จหรือยัง”
“เปล่านะ น้ำในสระนี้สะอาด ข้าแค่มาล้างหน้าบ้วนปาก” กู้อ้าวเวยพูดแบบนี้ ได้แต่เลิกเสื้อที่เปียกลงอย่างรวดเร็ว รีบสวมใส่เสื้อผ้าสะอาดโดยหันหลังให้กับป่า มือข้างหนึ่งถือเสื้อผ้าที่เปียกโชกแล้วเดินออกมา ดวงตางดงามเปล่งประกาย “ข้าเพิ่งจะมาได้ครู่เดียวเอง เจ้าถึงกับตื่นเลยหรือ”
“เพียงแค่อยากรู้ว่าเจ้าจะทรมานซูพ่านเอ๋อได้อย่างไร” ซ่านจินจื๋อยื่นมือหยิบเสื้อผ้าที่เปียก
“กังวลหรือ” กู้อ้าวเวยมองไปยังสีหน้าที่ไม่พอใจของซ่านจินจื๋อ ทำให้คิดถึงบาดแผลที่หัวใจของตนเองขึ้นมา ร่องรอยแห่งความเศร้าผ่านออกมาทางดวงตา และพูดต่อไป “เจ้าเคยคิดหรือไม่ อาจจะเป็นการฆาตกรรมตั้งแต่ต้น ทั้งหมดนี้ทำโดยเมี่ยวหาร ไม่ใช่ซูพ่านเอ๋อ”
“เจ้ากำลังขอร้องแทนนางหรือ” ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้วแน่น
“มันไม่เป็นความจริง เพียงแค่แรงจูงใจของเมี่ยวหารมีมากกว่า บางครั้ง นางก็ยังเป็นศิษย์น้องของเจ้า ตอนนี้เจ้ากลับปฏิบัติต่อนางแบบนี้ เจ้าไม่กลัวว่านางจะเกลียดเจ้าเพราะตวามรักหรือ” กู้อ้าวเวยเบาๆ และเดินต่อไป
ซ่านจินจื๋อหยุดอยู่ข้างๆเขา “เจ้าเป็นอะไรไปหรือ”
ปลายนิ้วสั่นเทา กู้อ้าวเวยหันไปมองหน้าเขา “ข้าก็แค่อธิบายข้อเท็จจริง”
“เจ้าควรจำไว้ว่าซูพ่านเอ๋อทำการใส่ร้ายเจ้าเยี่ยงไร” ซ่านจินจื๋อก้าวออกไปข้างหน้า
“ข้าแค่ช่วยให้เจ้ารู้ความจริงให้ชัดเจน” กู้อ้าวเวยเริ่มร้อนใจอย่างอดกลั้นไม่ได้ “หากว่านางไม่ได้เป็นคนฆ่าอาจารย์และอาจารย์หญิงของเจ้า เจ้าจะฆ่านางไหม”
ทุกอย่างกลับกลายเป็นความเงียบ
กู้อ้าวเวยยิ้มเพียงเล็กน้อยให้กับเรื่องนี้ เดินมุ่งไปยังสถานที่พักโดยไม่หันกลับมามอง หาท่อนไม้เพื่อนั่งลง จากนั้นก็แกะสลักไม้ของตนเองต่อไป
นางก็น่าจะรู้อยู่แล้วเช่นกัน ซ่านจินจื๋อเกลียดซูพ่านเอ๋อมาก เพียงเพราะเรื่องของอาจารย์และอาจารย์หญิง
ไม่นานนักซ่านจินจื๋อก็กลับมา แต่ก็ไม่ได้สนใจมองนาง แต่กลับตามหาซูพ่านเอ๋อ
มีบางสิ่งบางอย่าง เมื่อคิดจะเริ่มแล้ว ก็ไม่อาจจะควบคุมได้อีก
ในคืนนั้น เสียงร้องไห้และขอโทษของซูพ่านเอ๋อดังออกมาจากป่า อ๋องจิ้งผู้มีสีหน้าเยือกเย็นได้ก้มลงตำหนินางในพฤติกรรมที่นางเคยทำตามอำเภอใจ แต่นางไม่เคยทำจริง ๆ และก็ยังไม่ถูกปลดออกจากสถานะของพระชายาจิ้ง
กู้อ้าวเวยไม่ได้นอนตลอดทั้งคืน รุ่งเช้าได้แต่เพียงเอาสิ่งของที่ตนแกระสลักไว้ใส่ไว้ในแขนเสื้อ สวมผ้าปิดหน้า ออกคำสั่งออกไปโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “ออกเดินทางเถอะ หากไม่จำเป็นไม่ต้องพบอ๋องจิ้ง”
ทหารแคว้นเอ่อตานส่วนหนึ่งรับคำสั่ง
ซ่านจินจื๋อยังต้องการจะไปด้วยกันกับนาง แต่กลับถูกทหารแคว้นเอ่อตานขวางไว้
กู้อ้าวเวยพูดเบาๆบนรถม้า “ในเมื่อเจ้าฆ่านางไม่ได้ ก็ไม่ต้องมาแสร้งทำเป็นอ่อนโยน”
“มิตรภาพระหว่างข้าและนางพังทลายไปแล้ว และไม่ใช่เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าทำการแก้แค้น” ซ่านจินจื๋อยืนอยู่ข้างรถม้า สายตาหม่นหมอง ทุกคนรอบกายถอยหลังไปอย่างไม่รู้ตัว เขาพูดต่อไป “เรื่องเมื่อตอนนั้น ข้ายังต้องการรอคำตอบจากเมี่ยวหาร”
กู้อ้าวเวยไม่ให้ความสนใจเขา ได้แต่สั่งให้คนออกเดินทาง
เดินทางจนถึงเมืองเทียนเหยียน ซูพ่านเอ๋อก็ไม่ได้คาดคิดว่าตัวเองยังมีวันที่พลิกฟื้นตัวได้ มิตรภาพระหว่างนางกับซ่านจินจื๋อยาวนานมากว่าสิบปี ตราบใดที่ความผิดบาปนั้นไม่ตายจากไป ซ่านจินจื๋อไม่มีทางผลักนางให้นางตกต่ำลงไปได้จริง ๆ
และกู้อ้าวเวย เคยหลอกลวงผู้ชายคนนี้ของท่านพี่จื๋อ ยังจะสามารถไว้วางใจได้อีกไหม
กู้อ้าวเวยก็รู้เรื่องนี้เช่นกัน หากแต่ซูพ่านเอ๋อไม่ใช่คนที่ร้ายที่สุด ไม่ว่าอย่างไรก็ตามก็ยังคงเป็นศิษย์น้องร่วมอาจารย์ของเขา อย่างไรก็ไม่ยอมฆ่าได้ง่ายแน่ แต่ก็เช่นเดียวกัน นางก็ยังเป็นคนที่มีส่วนในการจุดเชื้อไฟ
ก่อนเข้าเมือง นางก็ได้ตรวจดูรอยแผลตรงหัวใจอย่างละเอียด ตรวจดูชีพจรของตัวเองก็รู้ได้ว่ามีเวลาไม่มากนัก
จริงแล้วนางควรรักษาอย่างละเอียด แต่พิษมีอยู่สามส่วน หากสามารถรักษาโรคอื่นก่อนได้ ก็ไม่อาจจะมีอาการอื่นได้ แต่ตอนนี้ได้อดกลั้นเอาไว้ จนมาถึงจุดที่หมดหนทางการรักษาแล้ว”
“หยุดก่อน” กู้อ้าวเวยรวบเสื้อผ้าของนาง แล้วพูดแบบนี้ออกไป
รถม้าอันหรูหรางดงามจอดนิ่งอยู่บนถนน กูอ้าวเวยมองไปยังจี้ซื่อถางที่อยู่ไม่ไกล และลงจากรถเดินเข้าไป มุ่งตรงไปยังหลังจวนเพื่อพบกับเห้อจิ้นหล่าง ยื่นข้อมือของตัวเองเข้าไป “ผู้อาวุโส ท่านช่วยตรวจให้ข้าหน่อย”
ยังไม่ทันได้พูดคุยทักทาย ก็พูดออกมาโดยไม่อ้อมค้อม และน่าจะเป็นเรื่องร้ายแรง
เห้อจิ้นหล่างจับชีพจรของนางอย่างใจเย็น ฟังตัวยาที่นางใช้ไปอย่างระมัดระวัง และขมวดคิ้วทันที “หากเป็นเช่นนี้ พิษหลิงตังของพวกเจ้าตระกูลหยุน กลัวว่าจะต่อต้านกับพิษแกล้งตาย พิษมรณะในวันนั้น ถึงแม้จะเข้าสู่หัวใจ แต่หากกินยาเข้าไปติดต่อกันก็ไม่มีเรื่องใหญ่อะไร แต่พิษของพิษแกล้งตาย นี่สิแปลก ข้าจำได้ว่าเคยเห็นมีอยู่ในบันทึกโบราณ
เห้อจิ้นหล่างขมวดคิ้วและเข้าไปยังห้องหนังสือที่อยู่ด้านหลัง
ด้านของซ่านจินจื๋อในเวลานี้ แม้ว่าจะถูกทหารของแคว้นเอ่อตานขวางไหวเขาก็ยังเดินเข้าไป เมื่อเห็นท่าทางที่กระสับกระส่ายของกู้อ้าวเวย แปลกใจ “เวยเอ๋อ…..”
“ไปหาซูพ่านเอ๋อของเจ้าไป อย่ามายุ่งกับข้า”
กู้อ้าวเวยพูดอย่างไม่รู้ตัว หัวใจเริ่มเต้นเร็วขึ้น
หากว่ายาแกล้งตาย นี้มีบันทึกอยู่ในตำราโบราณจริง ก็อาจจะมียาถอนพิษ แต่นางกลับสงสัยเล็กน้อยว่าตนเองกินยาไปมากมาย หากมีการต่อต้านจริง ก็ต้องมีผลต่อชีวิตแล้วไม่ใช่หรือ”
นางไม่อยากตายเลยสักนิด
ซ่านจินจื๋อก็ได้แต่หน้าดำคร่ำเครียด “ข้าไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับซูพ่านเอ๋ออีกแล้ว รอจนกว่าความจริงในตอนนั้นจะปรากฏ ข้าก็จะส่งมอบนางให้กับเจ้า”
“อีกไม่นานนางก็จะต้องถูกฝังไปพร้อมกับข้า เจ้าจะให้หรือไม่ให้ข้ามันแตกต่างอะไรกันหรือ” กู้อ้าวเวยกังวลเกี่ยวกับชีวิตของตนเอง และยิ่งไม่อยากได้ยินชื่อของซูพ่านเอ๋อมากขึ้นเรื่อย ๆ
ซ่านจินจื๋อรู้สึกแต่เพียงว่ากู้อ้าวเวยดูจะกังวลมาก อยากจะพูดต่ออีกสักสองสามคำ แต่เมื่อเห็นเห้อจิ้นหล่างเดินเข้ามาอย่างเร่งรีบ เมื่อเห็นเขาก็ได้แต่ขมวดคิ้ว ไอเบาๆสองสามครั้ง “นี่…..”
“รบกวนท่านผู้อาวุโสแล้ว จากนี้ก็สามารถเขียนใบสั่งด้วยตัวเองได้แล้ว ส่งมายังจี้ซื่อถางแล้ว”
กู้อ้าวเวยยิ้มและรับตำราแพทย์จากมือของเห้อจิ้นหล่าง เดินผ่านซ่านจินจื๋อไปอย่างไม่สนใจใยดี
ซ่านจินจื๋อเดินตามไป เห้อจิ้นหลางกลับขมวดคิ้ว
เป็นเรื่องเกี่ยวข้องกับชีวิต แต่กู้อ้าวเวยดูเหมือนจะไม่ต้องการให้ผู้อื่นรับ