บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 577
บทที่ 577 ไม่เหมือนกัน
แม้ว่าจะต้องตาย นางก็ไม่ต้องการให้ใครรู้
กู้อ้าวเวยเดินถือม้วนหนังสือออกมา ซ่านจินจื๋อหยุดนางไว้ก่อนนางจะขึ้นไปบนรถม้า
“อ๋องจิ้งมีอะไรหรือ” กู้อ้าวเวยจัดผ้าคลุมหน้าให้เรียบร้อย สีหน้าปกติ
“พวกเราต้องคุยกัน” ซ่านจินจื๋อพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างหวาดกลัว เขายกมือขึ้นกดข้อมือของนางไว้
“ระหว่างพวกเราไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก” กู้อ้าวเวยพยายามหลบหลีกการกระทำของเขา แต่คนทั้งคนกลับแนบชิดกัน ร่างกายครึ่งหนึ่งเอนอยู่ในอ้อมแขนของเขา พูดเบาๆข้างหูของเขา “มิตรภาพระหว่างเจ้ากับซูพ่านเอ๋อมีมานานกว่าสิบปี ซึ่งข้าไม่อาจเทียบได้ เจ้าสามารถจะฆ่าข้าเพื่อนางได้ แต่ท้ายที่สุดเจ้าก็ไม่อาจจะฆ่านางเพื่อข้าได้”
“เรื่องพวกนี้อาจจะเป็นเจ้าที่เสนอขึ้นมา เจ้าก็รู้ว่าข้าต้องการความจริงเช่นกัน” ซ่านจินจื๋อได้กลิ่นยาสมุนไพรบนร่างกายนาง ก่อนที่นางจะจากไป มือข้างหนึ่งกดไปที่ท้ายทอยนางเบาๆ แล้วพูดต่อว่า “ข้าต้องการให้เจ้าให้เวลากับข้าสักหน่อย”
กู้อ้าวเวยรับรู้ทุกเรื่องเสมอ รับรู้และถอยไป
เขาคิด กู้อ้าวเวยคงจะให้เวลากับตนเองเพื่อสืบหาความจริงต่อไป รอให้สงครามเสร็จสิ้น แคว้นเจียงเยี่ยนสงบสุข เมื่อเรื่องทุกอย่างกลับมาเหมือนดังเดิม เขาจะพาซูพ่านเอ๋อไปอธิบายกับนางด้วยตนเอง
“เจ้าคิดว่าข้าจะให้เวลาเจ้าเพื่อจะให้อภัยเจ้างั้นเหรอ” กู้อ้าวเวยอดไม่ได้ที่จะพูดเยาะ กายท่อนบนกอดทำมือกอดอกแล้วหัวเราะขึ้นมา “ในตอนที่อยู่ตำหนักอ๋องจิ้ง เจ้าเคยให้โอกาสข้าได้หายใจหรือไม่”
ซ่านจินจื๋อรู้สึกได้ว่ากู้อ้าวเวยดูเปลี่ยนไปนิดหน่อย
แบบนี้แล้วเขาก็ยากที่จะทนได้ ได้แต่ดึงตัวมาไว้ในอ้อมแขน “สุดท้ายนางก็เป็นศิษย์น้องของข้า…..”
ร่องรอยของความผิดหวังในสายตาของกู้อ้าวเวย บัดนี้กลับถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่เอ่อล้น
ผละออกจากอ้อมกอดของซ่านจินจื๋อ นางได้แต่ถอยหลังไปเบาๆไม่กี่ก้าว “ข้ารู้สึกเสียใจที่บอกความจริงเหล่านี้เพื่อเตือนสติเจ้า ข้าควรจะเรียนรู้จากซูพ่านเอ๋อที่จะปกปิดเจ้า”
“เจ้ายังล้างแค้นได้….”
“สุดท้ายก็ไม่ต่างกัน ซ่านจินจื๋อ” กู้อ้าวเวยระงับรอยยิ้มบนใบหน้า เมื่อมองข้ามไหล่ของเขาไปก็เห็นซูพ่านเอ๋อกำลังกระโดดลงจากรถม้า รอยยิ้มจางๆ ก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก “ตอนนี้นางคือพระชายาจิ้ง ข้ายังไม่สามารถทำอะไรนางได้ แต่ในอีกไม่กี่วัน ข้าก็จะทำให้นางตายจากไป”
แม้ว่าชีวิตของนางยังอยู่ได้อีกปีสองปี นางก็ไม่สามารถจะปล่อยให้ซูพ่านเอ๋อมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ได้อย่างสงบสุข
ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้ว กู้อ้าวเวยกลับรีบเดินเข้าไปยังที่พักรับรองแห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว ทำให้ทหารแคว้นเอ่อตานรีบเร่งเดินตามไป ไม่ให้ห่างได้
ถึงที่พักรับรอง กู้อ้าวเวยแก้ตัวว่าเพราะเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางจึงไม่ได้พบใคร
ได้แต่นั่งอยู่ในห้องอ่านตำราโบราณเหล่านั้นอย่างละเอียด ก็รู้สึกตกใจมาก ในยาแกล้งตาย มีการเพิ่มเติมรากของถุงน้ำดีหงส์ แม้ว่าถุงน้ำดีหงส์ จะเป็นสิ่งที่หาได้ยากมากว่าร้อยปี แต่เหง้ารากนั้นหาได้ไม่ยาก ที่สุดแล้วก็ไม่ใช่ว่าจะเติบโตเป็นถุงน้ำดีหงส์ได้ทั้งหมด ส่วนมากมักจะกลายเป็นดอกหงส์
และวัตถุดิบตัวยานี้ กลับเป็นเหง้ารากที่ให้กำเนิดถุงน้ำดีหงส์ ซึ่งมีพิษสูง เมื่อผสมกับเข้ากับน้ำก็จะไร้สีไร้รส
นางไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน โดยธรรมชาติแล้วไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย แต่หลังจากลองคิดดูอีกครั้ง หากวันนั้นนางไปแสร้งตายออกมา ซูพ่านเอ๋อคงจะต้องให้มือสังหารคนนี้จัดการฆ่านางเป็นแน่
“ไม่มีวิธีแก้” กู้อ้าวเวยปิดตำราโบราณในมือด้วยความรู้สึกเจ็บปวดหัวใจ จิตใจสับสนวุ่นวาย
อันที่จริง ถุงน้ำดีหงส์ก็พบได้น้อย และเนื่องจากพิษของเหง้าถุงน้ำดีหงส์นั้นมีพิษสูงก็ไม่อาจจะให้ใครบนโลกล่วงรู้ได้ หากว่ารู้เข้าและนำมันมาใช้ ก็น้อยคนนักที่จะรู้วิธีการแก้พิษ
แต่จากการคำนวณของตัวนางเอง หากสามารถจะหาหนทางมีชีวิตต่อไปได้ บางทีเลือดมังกรผสมกับยาดองก็อาจจะมอบชีวิตต่อให้นางได้ หากไม่สามารถรักษาชีวิตต่อไปได้ อย่างน้อยเพียงแค่ระยะเวลาสองปีหัวใจของนางก็คงไม่อาจจะต้านทานต่อพิษของมันได้ หากมียาอื่น ๆอีกมากที่จะช่วยยื้อชีวิตไว้ได้ อย่างมากก็ไม่อาจเกินสามปี”
คิดๆดูแล้ว นางยังคงจดรายการ สั่งคนไปซื้อตัวยามาจำนวนมาก
“ข้ายังไม่อยากตาย” กู้อ้าวเวยพึมพำกับตนเอง
แทนที่จะนั่งรอเฉยๆ นางอยากจะพัฒนาตัวยาถอนพิษด้วยตนเองด้วยซ้ำไป
บททดสอบ เป็นเพียงแค่บททดสอบเส้นทางในชีวิตของนาง
……..
ซ่านจินจื๋อเมื่อรู้ว่ามีตัวยามากมายถูกส่งเข้ามายังหอส่งข่าว ก็ไม่ได้รู้สึกแปลกใจอะไร
กู้อ้าวเวยได้ช่วยเห้อจิ้นหล่างรักษาโรคที่แสนยากลำบากเสมอ จึงคุ้นเคยกับการตุนยาเป็นจำนวนมากมาเป็นเวลานานแล้ว
“เฉิงซาน ส่งคนไปตรวจสอบดูเรื่องราวในปีนั้น ตามหาสองพี่น้องตระกูลจู บางทีพวกเขาอาจจะมีอะไรเพิ่มเติม” เขาออกคำสั่งไป สายตาอันเย็นชานั้นได้มองไปยังศีรษะของซูพ่านเอ๋อ “หวังว่าเรื่องที่เจ้าพูดมาจะเป็นเรื่องจริง”
“อาจารย์และอาจารย์หญิงปฏิบัติกับข้าดีมาก พ่านเอ๋อจะไปฝืนใจลงมือทำแบบนั้นได้อย่างไร!”
น้ำตาของซูพ่านเอ๋อไหลพรั่งพรูออกมา ปลายนิ้วม้วนพันกับเสื้อบนกาย “ข้ายังยินดีจะขอโทษในความผิดทุกอย่างที่ได้ทำลงไป เพียงแค่ท่านพี่จื๋อ…..”
“หากคิดจะขอโทษจริง ๆ เอามีดกรัดแทงลงไปที่หัวใจของเจ้าอีกครั้งยังจะดีกว่า”
ซ่านจินจื๋อพูดไปอย่างเย็นชา ซูพ่านเอ๋อสั่นเทาไปทั้งร่างสุดท้ายก็ไม่กล้าแบกรับปัญหานี้ ในหัวใจได้ต่อว่ากู้อ้าวเวยต่อว่ามาเหมือนกับนำเลือดสุนัขมารดศีรษะ จากนั้นก็เงยหน้าขึ้นอย่างสั่นเทา “ท่านพี่จื๋อ ข้าแสร้งทำเป็นป่วยก็เพื่อปกป้องตนเอง หลังจากทุกอย่างเสร็จสิ้น ก็แค่หวังว่าเจ้าจะขับไล่นางออกไป…..”
เป็นแบบนี้ก็เพื่อหวังว่าซ่านจินจื๋ฮจะทำดีต่อนางมากขึ้น
“ในอนาคต เจ้าจะเหลือเพียงชื่อเสียงอันจอมปลอมของพระชายาจิ้ง อย่าบังคับให้ข้าต้องฆ่าเจ้าเลย” ซ่านจินจื๋อพูดขัดจังหวะนาง สายตาอันเย็นชานั้นเริ่มก่อเป็นความอาฆาตแค้น “เจ้าเคยทำลงไปกี่เรื่อง รู้หรือไม่ว่าทำร้ายคนไปกี่คน”
ซูพ่านเอ๋อขบริมฝีปากล่างไว้แน่น เงยหน้าขึ้นอย่างไม่เต็มใจ “ท่านพี่จื๋อ พวกเราไม่เหมือนกันหรือ”
“เจ้าเคยบอกว่า ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อตัวข้าเอง ตอนนี้แค่เจ้าทำทุกอย่างเพื่อกู้อ้าวเวย เดิมทีเจ้าแทบจะไม่สนใจชีวิตของมนุษย์คนไหน เพียงเพราะเจ้าอยากจะทำให้นางพอใจ จึงได้กลับเป็นคนดี ทำไมต้องทนทำเพื่อผู้หญิงที่ไม่ได้รักเจ้า”
นางประทับใจที่ซ่านจินจื๋อเด็ดขาดในการสังหาร นำพาชีวิตผู้คนให้สมดุล
แต่ตอนนี้ ซ่านจินจื๋อกลับยอมสละราชบัลลังก์เพื่อนาง แม้จะต้องอดทน
กู้อ้าวเวยให้เจ้ากินยาแบบไหนกัน!
“พวกเราแตกต่างกัน” ซ่านจินจื๋อค่อยๆลุกขึ้นยืน มองไปยังนางอย่างเอื้อเฟื้อ “แม้ว่าข้านั้นจะโหดร้ายอำมหิต แต่ข้าก็เป็นเชื้อพระวงศ์ของแคว้นชางหลานมาเสมอ แม้ว่าข้าจะถือว่าชีวิตมนุษย์เหมือนผักเหมือนหญ้า ความรับผิดชอบของราชวงศ์ก็ยังคงถูกแบกไว้บนไหล่ของข้า”
สีหน้าของซูพ่านเอ๋อเริ่มเปลี่ยน มองเขาอย่างมีข้อสงสัย “ท่านพี่จื๋อ เจ้าคงจะลืมสิ่งที่ฮ่องเต้และไทเฮาได้ทำไว้แล้วสินะ พวกเขาก็พร้อมจะแย่งบัลลังก์จากเจ้า พรากอิสรภาพไปจากเจ้าอีกครั้ง โยนความรับผิดชอบทั้งหมดให้เจ้า เจ้าเต็มใจเหรอ!”
ชายที่อยู่ตรงหน้าหยุดลง มีรอยยิ้มกระหายเลือดปรากฏขึ้น
เฉิงซานนำศีรษะแนบชิดประตู ซูพ่านเอ๋อรู้สึกเหมือนจะเห็นเงาดำๆ ตรงหน้านาง มือของซ่านจินจื๋อบีบไปที่คางของนางอย่างรุนแรง จนเกือบจะแหลกเหลว
“เจ้าทำให้ข้าจำแต่ความเกลียดชัง แต่ไม่เหมือนกับเวยเอ๋อ”
“นางสอนให้ข้ารู้จักทำตามหน้าที่รับผิดชอบ จะให้ไปรักใครอื่นได้อย่างไร”