บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 579
บทที่ 579 ความประสงค์ขององค์ชายสาม
“ท่านพี่จื๋อ ข้า…..”
ซูพ่านเอ๋อรีบแต่งตัวใส่เสื้อผ้าให้ดี เมื่อเห็นสายตาของซ่านจินจื๋อที่แข็งกร้าวราวกับนกอินทรีย์ จึงรีบปีนลงจากเตียง เหยียบเท้าเปล่าลงบนพื้น ก้มหน้าหลบสายตา
“อยู่ในห้องของเจ้าแต่โดยดี” ซ่านจินจื๋อกลับหลังหันออกไป “ถ้าไม่อยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่ในคุกใต้ดิน”
ซูพ่านเอ๋อสั่นสะท้าน นึกถึงเมื่อครั้งที่ถูกขังไว้ในคุกใต้ดิน ก็ยิ่งกลัวมากขึ้น
เดินสวนร่างของซูพ่านเอ๋อออกไป ในดวงตาของซ่านจินจื๋อปราศจากความอบอุ่น มีเพียงความเยือกเย็นของความแตกหักเท่านั้นที่ยังคงอยู่ ดูเหมือนว่าการทนต่อความผิดพลาดนี้คือของขวัญที่เขามอบให้ซูพ่านเอ๋อไปแล้ว
รีบวิ่งออกจากห้องนอนของซ่านจินจื๋ออย่างรวดเร็ว หัวใจของซูพ่านเอ๋อแสนจะปวดร้าว เขาทิ้งตัวเองลงบนเตียงด้วยเท้าเปล่า ผ้าปูที่นอนทั้งหมดถูกฉีกออกจากกัน ผ้าปูที่นอนที่อยู่ใต้ตัวก็ถูกบิดและทุบตี มีความคิดมากมายผุดขึ้นมา
ตอนนี้ตกมาอยู่ที่นี่ มีวิธีการใดอีกบ้างที่นางจะได้รับความไว้วางใจจากซ่านจินจื๋อ
เดิมทีคืนนี้เป็นโอกาสที่เหมาะสม บางทีอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นอาจจะทำให้ท่านพี่จื๋อต้องใจอ่อน แต่ไม่คาดคิดว่ากู้อ้าวเวยจะตามเขากลับมาห้องอย่างไร้ยางอายแบบนี้!
อีกด้านหนึ่งซ่านจินจื๋อก็รู้สึกเสียใจกับเรื่องนี้เช่นเดียวกัน เฉิงซานส่งอาหารที่เรียบง่ายมาให้ “องค์ชาย องค์หญิงกลับถึงที่พักรับรองแล้ว”
“ข้าควรจะสังหารซูพ่านเอ๋อเลยหรือไม่” ซ่านจินจื๋อเครื่องใช้ทานอาหารบนโต๊ะ
“มีเพียงซูพ่านเอ๋อเท่านั้นที่รู้ความจริงของเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้น หากทั้งหมดนี้มีเมี่ยวหารแอบอ้างชื่อนางก่อการขึ้น ซูพ่านเอ๋อก็ไม่มีความผิดที่จะต้องตาย” เฉิงซานจัดวางอาหารเรียบร้อย ก็พูดต่อ “หากองค์ชายไม่พอใจสิ่งใดก็ตามที่เคยทำในอดีต แม้ว่าองค์ชายจะชดเชยมันได้ก็คือ ไว้ชีวิตของซูพ่านเอ๋อก่อน นอกจากนี้ยังเป็นการส่งให้วิญญาณของอาจารย์และอาจารย์หญิงสู่สุคติ”
หลังจากได้ยินเฉิงซานพูดแบบนั้น ซ่านจินจื๋อก็รู้สึกดีขึ้นเช่นกัน คิดแต่เรื่องขนมอบที่ต้องนำส่งในวันพรุ่งนี้
ไม่กี่วันหลังจากนั้นขนมอบทั้งหมดกลับถูกนำไปลอยน้ำ และส่วนที่ยังมิได้แตะต้องก็ถูกส่งกลับไปยังตำหนักอ๋องจิ้งเช่นเดิม ชิงจือก็อยากจะไปเยี่ยมนางอยู่หลายครั้ง แต่ก็ทำได้แค่รอให้ก็อ้าวเวยมารวมตัวกันรับประทานอาหารในตอนเที่ยงของทุกวัน และจะต้องรักษาระยะห่างกับอ๋องจิ้งไว้เสมอ
หนึ่งวันก่อนการล่าสัตว์ในฤดูใบไม้ร่วง ซ่านจินจื๋อได้พบกับกู้อ้าวเวยอีกครั้ง ช่วงระยะหลังนี้เปลี่ยนไปมาก
ได้กลิ่นแป้งบนร่างกายมากขึ้น สายตาที่อ่อนโยนในวันปกติ วันนี้กลับเยือกเย็นมากขึ้น สร้อยขอมือของหญิงชาวเอ่อตานที่ข้อมือส่งเสียงแหลมดัง มืออีกข้างถูกพันด้วยผ้ามัสลินที่สังเกตเห็นได้ง่าย ซึ่งเป็นของขวัญที่แคว้นเอ่อตานจะให้เมื่อได้เข้าพบฮ่องเต้
“ขอให้แคว้นชางหลานรุ่งเรืองหมื่นปี มีความสัมพันธ์อันงามกับแคว้นเอ่อตานไปชั่วลูกชั่วหลาน”
กู้อ้าวเวยยืนอยู่ล่างบัลลังก์ฮ่องเต้ และกล่าวแต่ละคำอย่างเสียงดังฟังชัด
ซ่านต้วนโฉงมีความสุขกับคำพูดนี้ หัวเราะชอบใจอยู่ครู่หนึ่งและให้คนมารับสิ่งของทั้งหมดที่แคว้นเอ่อตานส่งมาให้ จากนั้นก็ได้พบปะทูตอีกหลายคน ดวงตาของกู้อ้าวเวยมองไปยังเด็กวัยรุ่นสองคนที่อยู่ข้างกายองค์ชายสาม
หนึ่งในนั้นที่เป็นผู้ใหญ่กว่าน่าจะเป็นองค์ชายเก้า ท่ามกลางข่าวลือ องค์ชายเก้ามีความสามารถมากมายและชาญฉลาด ผ่านมาเพียงไม่กี่ปีก็โตเป็นผู้ใหญ่ขนาดนี้แล้ว หน้าเนื้อใจเสือ อย่างไรก็ตามเขากลับใช้ชื่อเสียงของตระกูลฝ่ายมารดาไปปราบปรามเมิ่งซู่และขุนนางอื่น ๆ ไม่กี่เดือนที่ผ่านมานี้เพิ่งจะสูญเสียมารดาผู้ให้กำเนิดไปเพราะอาการป่วย จากนั้นก็ได้ซู๋ฮองเฮามาทำหน้าที่มารดา
ในกรณีนี้ ตอนนี้อยู่บนศาล ยังจะกล้าปล้นบัลลังก์ มีเพียงองค์ชายหกและองค์ชายเก้าเท่านั้น
กำลังคิดเกี่ยวกับการกระทำผิด กงกงที่อยู่ข้างกายได้นำซุปไก่มาให้นาง พูดกระซิบ “นี่เป็นคำสั่งของอ๋องจิ้ง องค์หญิงมีสีหน้าไม่ค่อยดี และยังต้องการสิ่งใดอีกไหม”
“รบกวนกงกงกล่าวขอบคุณอ๋องจิ้งด้วย” กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นผลักซุปไก่ที่กำลังเยิ้มออกไป ตอนนี้กลิ่นฉุนของยา เพิ่มเติมคือมีกลิ่นแป้งมากขึ้น และยากที่จะมีกลิ่นเข้มข้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่นางไม่ได้แปดเปื้อนมาหลายวันแล้ว
ซ่านจินจื๋อกลับเห็นการกระทำอันเล็กน้อยนั้นได้อย่างชัดเจน กำมือแน่นอยู่ใต้โต๊ะ
“องค์หญิง องค์ชายสามแห่งแคว้นชางหลานให้มาเรียนเชิญไปเยี่ยมมชมพระตำหนักด้านข้าง” เสียงของผู้ติดตามดังมาจากด้านหลัง
กู้อ้าวเวยพยักหน้าตอบรับ หลังจากเสร็จภารกิจกับซ่านจ้วนโฉงแล้วเนื่องจากรู้สึกไม่สบายตัวจึงถือโอกาสไปยังพระตำหนักด้านข้างเพื่อพักผ่อน”
ในห้องโถงพระตำหนักด้านข้าง ซ่านเซิ่งหานยังคงอยู่ในชุดองค์ชาย เมื่อเห็นกู้อ้าวเวยยืนขึ้น จี้หยกที่แขวนไว้ตรงเอวส่งเสียงเล็กน้อย ในโถงข้างที่ไร้ผู้คนนี้ดูอึดอัดมาก
“องค์ชายสามเรียกข้ามาวันนี้ เป็นเพราะเรื่องขององค์ชายเก้าหรือเปล่า” กู้อ้าวเวยก้าวไปข้างหน้า ได้ยินเสียงดังของประตูจากด้านหลัง
“เจ้านี่เพียงคำเดียวก็เข้าใจทุกเรื่องชัดเจน” ซ่านเซิ่งหานยิ้มอ่อนบนใบหน้า
“ตอนนี้องค์ชายเก้าและซู๋ฮองเฮายังคงต้องพึ่งพาอาศัยกัน บรรดาขุนนางที่อยู่ในมือกำลังถูกปราบปราม เกรงว่าฮ่องเต้จะต้องการแต่งตั้งให้เป็นรัชทายาท ก็กลัวว่าจะไม่ได้” กู้อ้าวเวยค่อยๆเงยหน้า ควรจะเว้นระยะกับซ่านจินจื๋อให้เหมาะสม
ซ่านเซิ่งหานสังเกตเห็นได้ เขาได้แต่ยกปากขึ้นเล็กน้อย “หากเจ้าแต่งงานกับข้า อย่างนั้นการที่ฮ่องเต้จะจั้งให้ข้าเป็นรัชทายาทก็มีเหตุมีผล”
“ช่างเป็นความคิดที่ดีจริง ๆ” กู้อ้าวเวยตอบรับประโยคนี้อย่างรวดเร็ว เมื่อพบกับสายตาที่ประหลาดใจของซ่านเซิ่งหาน ก็พูดต่อไป “เพียงแค่เจ้ายังไม่หมดใจจากข้า หากว่าตอบตกลง บางทีเจ้าอาจจะใช้เหตุผลเดียวนี้กับข้าไปตลอดชีวิต หนักแน่นมั่นคง”
ดวงตาของกู้อ้าวเวยสว่างไสวดั่งเปลวเทียน
ความสามารถในการมองทุกอย่างได้ทะลุปรุโปร่งแบบนี้เพียงพอที่จะทำให้ผู้ชายที่ดูจะมีความทะเยอทะยานมองนางต่างออกไป
ซ่านเซิ่งหานนั้นแตกต่าง เขาอดกลั้นได้อย่างน่าประหลาดใจ มองนางด้วยรอยยิ้มแบบเดิมและแสนจะเรียบง่าย “หากเจ้าไม่รักข้า ข้าเองก็คงจะไม่ทำแบบนี้”
“อย่างนั้นเจ้า…..”
“แค่ไปเล่นละครกับข้าสักฉาก อยู่กับข้าภายใต้ร่มเงาเดียวกัน ไม่รบกวนกันและกันแต่คอยสนับสนุนกัน” ซ่านเซิ่งหานเกือบจะร่ายพรรณนาด้วยความละโมบมองไปยังดวงตาและคิ้วเรียวของกู้อ้าวเวย แม้เสียงนั้นจะแฝงความวิงวอนอยู่บ้าน “ เพื่อบัลลังก์ฮ่องเต้ ข้าแทบจะไม่ได้อะไรเลย”
และการปรากฏตัวของกู้อ้าวเวยก็เป็นเหตุสุดวิสัย
นางเป็นคนที่อยู่นอกแผนการ แต่ด้วยพลังของความคับแค้นกลับทำให้แผนการทั้งหมดของเขาพังทลาย รวมถึงสิ่งที่เคยคิดไว้เรื่องความร่วมมือกับกู้เฉิงและแคว้นเจียงเยี่ยน หรือแม้แต่การลอบสังหารซ่านจินจื๋อ
นี่คือสิ่งที่เขาพบเจอได้ยากในชีวิต การกระตุ้น
กู้อ้าวเวยไม่ได้ต่อต้านระยะห่างระหว่างทั้งสองคน ดวงตาของซ่านเซิ่งหานปรากฏถึงความลุ่มหลงและเฉียบขาดออกมาอย่างชัดเจน หัวใจของนางปวดร้าวอย่างไม่มีเหตุผล แต่กลับมีรอยยิ้มปรากฏที่มุมปาก “เจ้าจะต้องเป็นฮ่องเต้ที่ดีได้ในภายหน้าแน่นอน”
“เจ้าสอนข้ามาหลายอย่าง” ซ่านเซิ่งหานหัวเราะเบาๆแบบเด็กน้อย “เป็นเพื่อนกันไปก่อน ตัดเรื่องความคิดเรื่องความรักครั้งสุดท้ายนั่นออกไปก่อน”
“ข้าจะลองไปพิจารณาดู” ขณะนั้นกู้อ้าวเวยก็ยังคงเข้าไปใกล้เขาเรื่อย ๆ ยกมือขึ้นพาดบ่าของเขา “คนตระกูลของพวกเจ้า มันเปลี่ยนแปลงง่ายขนาดนั้นเลยหรือ”
“สำหรับคนที่ตัวเองชอบเท่านั้น” ซ่านเซิ่งหานพูดอย่างตรงไปตรงมา
กู้อ้าวเวยอึ้งพูดไม่ออกไปชั่วขณะ ไม่ได้พูดอะไร ประตูทางด้านหลังถูกเปิดออก พร้อมเสียงหัวเราะเบาๆที่คุ้นเคย “ไม่ทราบว่าองค์ชายสามกับองค์หญิงเอ่อตานมาอยู่ด้วยกันที่นี่ มีเรื่องอะไรกันหรือ