บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 591
บทที่ 591 ขอราชโองการพระราชทานสมรส
ในป่าเขาถึงแม้แมลงพิษจะมีไม่มาก แต่ขนาดเล็กมากและยากต่อการสัมผัสได้
องค์ชายเก้าเสนอให้รีบย้ายไปยังบ้านพักที่พวกเขาลี้ภัยขามาชั่วคราว เหลือเพียงแต่คนจำนวนน้อยและหมอหลวงที่จัดการแมลงพิษ
กู้อ้าวเวยอ้างว่าบาดเจ็บและหมกตัวอยู่ในห้องไม่ยอมออกมา แต่กลับสามารถอยู่ที่นี่กับซ่านจินจื๋อเป็นการชั่วคราวได้ ซ่านเซิ่งหานยังมาหาด้วยหวังว่าจะเยี่ยมเยียน กลับถูกซ่านจินจื๋อที่เพิ่งออกจากประตูมาขวางเอาไว้ก่อน “องค์ชายสาม ระหว่างหญิงชายได้มีข้อห้ามขีดไว้อยู่”
“ข้ายังมีธุระต้องคุยกับนาง” สายตาซ่านเซิ่งหานคมกริบ มองทางสีหน้าของซ่านจินจื๋อที่เริ่มขยายความดุดันขึ้นเรื่อย ๆ “ท่านเอาแต่พูดว่าจะปกป้องนาง แต่มันก็ได้เพียงเท่านี้เอง”
”นั่นยังไม่ถึงคราวที่เจ้าต้องปริปากพูด” ซ่านจินจื๋อมุ่นคิ้ว
“หากว่ามีสตรีที่มอบดวงใจให้ข้าปานนี้ ข้าต้องมอบความรู้สึกปลอดภัยแก่นางอย่างเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว” เป็นครั้งแรกที่ซ่านเซิ่งหานสลัดมือของซ่านจินจื๋อออก ปัจจุบันเขาสูงศักดิ์พอ ๆ กับซ่านจินจื๋อแล้ว แม้ว่าความอาจหาญจะยังไม่อาจเทียบซ่านจินจื๋อได้ ทว่าก็มีกลิ่นอายทรงพลังเช่นเดียวกัน “ท่านอา นอกเสียจากท่านจะสามารถทำให้นางเชื่อใจท่านโดยสมบูรณ์ มิเช่นนั้นคงต้องมีสักวัน นางต้องจากท่านไปในที่สุด”
ซ่านจินจื๋อไม่รู้ด้วยซ้ำว่าซ่านเซิ่งหานไปเอาความมั่นใจจากไหนมาเอ่ยกล่าวถ้อยคำเป็นวรรคเป็นเวรเช่นนี้ ในทรวงเริ่มมีความรู้สึกไม่ปลอดภัยแต่ยังไม่ได้คิดมาก “หากเจ้าชอบนางจริง ๆ ก็คงไม่อาจพูดถ้อยคำยั่วโมโหท่านอาอย่างข้าคนนี้แบบนี้ได้หรอกกระมัง”
“ถ้าว่าข้าไม่อยากเป็นจักรพรรดินี่แล้ว ก็คงไม่อาจประสานมือยกนางให้กับใครเด็ดขาด” ซ่านเซิ่งหานกำหมัดแน่น “นางไม่ยินดีมาเหยียบย่างในอุบายสมคบคิด หา กว่าให้นางอยู่ในวังหลวง ช้าเร็วก็ต้องมีสักวันที่กลายมาเป็นเบี้ยหาใช่ภรรยาของข้าไม่ คงไม่สู้เหลือทิ้งความทรงจำดี ๆ บางอย่างจะดีกว่า”
“เฮอะ” แค่นหัวเราะเย็นหนึ่งที ซ่านจินจื๋อยังไม่รู้เลยว่า รามือ สองคำนี้ควรเขียนอย่างไร
แต่ท้ายที่สุดเขาก็เดินผาดไหล่ข้างกายซ่านเซิ่งหานไป ไม่ได้ขัดขวางต่ออีก
`จะว่าไปแล้วองค์ชายสามผู้นี้ก็อ่อนว่าเขาแค่ไม่กี่ปีเท่านั้นเอง แต่เขาไม่ประสงค์จะอ้อมค้อมกับ ศัตรู คนนี้อย่างเขา เช่นนั้นเขาก็ย่อมต้องเชื่อมั่นฮ่องเต้ในอนาคตองค์นี้อยู่แล้ว แล้วไหนจะภรรยาของตนอีก
ซ่านเซิ่งหานก้าวเท้าเข้ามาในห้อง กลิ่นฉุนของยาทำให้เขามุ่นคิ้ว ส่วนหมอหลวงที่ถูกซื้อตัวคนนั้นได้ถูกไล่ออกไปพักจากห้องนี้ตั้งนานแล้ว กู้อ้าวเวยเห็นเขาเข้ามา จึงอดแปลกใจไม่ได้ “ยามนี้องค์ชายเก้ากำลังสมคบคิดกับคนจำนวนมากอย่างลับ ๆ เหตุใดองค์ชายสามจึงมาเสียเวลาอยู่ที่นี่อีก”
“ก็แค่มาพูดคุยเกี่ยวกับข้อเสนอก่อนหน้านี้” ปลายนิ้วของซ่านจินจื๋อโปรยลงบนผิวโต๊ะของนาง “คนของฮองเฮาเมื่อครู่ถูกข้าสกัดเอาไว้ เหลือแต่ดอกเหลียงจื่อบางส่วน หนึ่งในนั้นมีสายลับของข้า สดับฟังคำเจ้าคล้ายกับจะได้กลิ่นอะไรทะแม่ง ๆ อยู่มากทีเดียว”
ร่างของกู้อ้าวเวยพลันแข็งทื่อ “พระองค์ ข้าไม่ได้มีท่าทีจะขอโทษท่านเลยสักนิด กล่าวเช่นนี้ ท่านคงอยากข่มขู่ให้ข้าแต่งกับท่านเพื่อเป็นเกราะป้องกันชั่วคราว?”
“หากมีความช่วยเหลือเกื้อกูลจากเจ้า ตำแหน่งรัชทายาทนี้ของข้าย่อมมีอำนาจมั่นคงแน่นอน ต่อให้องค์ชายเก้าจะลอบลงมือลับๆ ข้าก็ไม่อาจพลิกล้มลงได้ ขณะเดียวกัน ครั้นข้านั่งบนตำแหน่งรัชทายาทแล้ว จะต้องไม่ไปราวีพวกพี่น้องเหล่านั้นของข้าแน่ แต่นี่ก็เป็นแค่การเล่นละคร ข้าไม่ให้เจ้าไปเป็นฮองเฮาหรือพระสนมอยู่วังหลังแน่” ซ่านจินจื๋อลอบถอยหลังหนึ่งก้าวแบบไม่เป็นที่สังเกต “ข้าเคยตรวจสอบถุงน้ำดีหงส์ ก็เพียงแค่ตอนแรกกู้เฉิงเอ่ยถึงมันตอนที่ทำมาใช้ประโยชน์เพื่อข้า ดังนั้น ข้าเองย่อมรู้อยู่แล้วว่าพิษที่เจ้าถูกวาง เป็นรากถุงน้ำดีหงส์ซึ่งเป็นวัตถุทำปฏิกิริยากับดอกเหลียงจื่อ การจดบันทึกของพิษนี้หายากนัก หลังจากต้องพิษแล้วก็แทบไร้การแก้พิษ แต่เจ้ากลับมีเวลากระชั้นชิด”
กู้อ้าวเวยลืมไปตั้งนานแล้วว่าเขาเคยใช้กู้เฉิงเป็นผู้ลงมือ และตอนนั้นกู้เฉิงตรวจสอบไปไม่น้อยเพียงเพราะยาอมตะตัวเดียว ปัจจุบันกลับถูกซ่านเซิ่งหานรู้เข้า ก็ไม่รู้ว่าเป็นสุขหรือทุกข์ “ท่านยังข่มขู่ข้าอยู่ดี”
“เป็นเจ้าเองที่ไม่เต็มใจปล่อยให้ซ่านจินจื๋อรู้ ความรู้สึกลึกซึ้งถึงจุดนี้ ถึงแม้ข้าไม่กล้ามีความรู้สึกซับซ้อนกับเจ้าอีก แต่ยังคงเต็มใจช่วยเจ้าสักหน เพียงแค่บรรลุข้อตกลงระหว่างเจ้ากับข้าเท่านั้น” ซ่านเซิ่งหานเหลือบเห็นสีหน้าของนางผุดแววหวาดระแวง จึงรีบร้อนเอ่ยคำ “ข้าจะช่วยเจ้าตบตาซ่านจินจื๋อและคนทั้งหมดไว้เอง และจะช่วยเจ้าแก้พิษอย่างลับ ๆ ด้วย เพียงแต่หวังว่าเจ้าจะคอยอยู่เคียงข้างกายข้า ช่วยข้ากำจัดองค์ชายเก้าก็พอ”
กู้อ้าวเวยอดมุ่นคิ้วไม่ได้ มองเขากึ่งแย้มยิ้ม “ท่านคิดจะฆ่าองค์ชายเก้าทิ้งเสีย?”
“ถ้าหากน้องเก้าไม่ร่วมมือกับซู๋ฮองเฮา ข้าย่อมไม่อาจลงมือ แต่ตอนนี้ เขาไม่แยกแยะดีชั่วถึงเพียงนี้ กระทั่งล้างมลทินร่วมกับซู๋ฮองเฮาเพื่อตำแหน่งฮ่องเต้ ข้าย่อมมิอาจปล่อยไปได้อยู่แล้ว” ซ่านเซิ่งหานแสดงความจริงใจ วางหนังสือเล่มเล็กลงบนโต๊ะ ไม่พูดมากความอีก รีบออกไปอย่างรวดเร็ว
กู้อ้าวเวยหยิบหนังสือม้วนนั้นขึ้นมาสำรวจอย่างถี่ถ้วน
บนม้วนหนังสือเล่มนี้บันทึกเรื่องที่ซู๋ซื่อแอบทำอย่างลับ ๆ ไว้ไม่น้อย ซื้อขายตำแหน่งทางการ ยักยอกค่าใช้จ่ายกองทัพ ไม่เพียงเท่านี้ ซู๋ซื่อเคยมีกบฏตระกูลย่อยหลบหนีจากแคว้นเจียงเยี่ยนจนป่านนี้ยังไม่ทันหวนคืน ระยะนี้กบฏตระกูลย่อยนั่นก็ปรากฏตัวอีกครั้ง ซ้ำถึงขั้นตลอนไปมาระหว่างเจียงเยี่ยนกับแคว้นซิน ใช้ชีวิตอย่างเอ้อระเหยลอยลม
ดูเหมือนว่าตระกูลซู๋อยากเป็นใหญ่เพียงลำพัง ต่อให้สนับสนุนองค์ชายเก้าขึ้นครองบัลลังก์จริง ๆ ก็คงไม่พ้นเป็นแค่ฮ่องเต้หุ่นเชิด แต่ไม่พูดไม่ได้ เรื่องเหล่านี้ล้วนเป็นซ่านเซิ่งหานตรวจสอบมาด้วยตนเอง มิได้มีพยานบุคคล คงทำได้เพียงจัดการองค์ชายเก้าอีกหนทางหนึ่งเท่านั้น ทำสงครามและกำจัดอย่างรวดเร็ว
“มิน่าเล่าเซียวไห่ถึงได้อยากร่วมมือกับซู๋ฮองเฮา หลังอ้ายจื่อแห่งเจียงเยี่ยนคนนั้นตายยังกล้ายั่วโมโหข้า” นางอดหัวเราะหยันไม่ได้ “ที่แท้ ก็แค่ถึงเวลานั้นต้องการให้ตระกูลซู๋ช่วยเหลือเจียงเยี่ยนนี่เอง ช่างน่าขันจริง ๆ แว่นแคว้นของตนยังมิทันตั้งหลักอย่างมั่นคง ก็อยากหยิบยืมมือจากประเทศมหาอำนาจมาโค่นแคว้นซินลงมาก่อน แน่นอนว่าเป็นวิธีการของแม่ทัพ ไม่ใช่จักรพรรดิผู้มีอำนาจ”
แต่เคราะห์ดีที่เรื่องราวทั้งสองนี้มีเพียงนางคนเดียวที่รับรู้ทั้งหมด
ปัจจุบันซ่านเซิ่งหานและซ่านจินจื๋อรู้เพียงแต่บางส่วนในนั้น กลัวว่าไม่ใช่ป้องกันอย่างลับ ๆ แต่กู่เซิงมีท่าทีจะก่อกบฏ น่าเสียดายก็แต่ตอนนี้อ้ายจือนั้นกายอยู่หลังลูกกรง หากต้องการยืมมือของล่ายเสวียนมาสร้างระคอกคลื่นจริง ๆ บางทีนางยังพอเริ่มจากแทรกมือที่ฝั่งของเซียวไห่ได้อยู่บ้าง
เมื่อมองย้อนกลับไปที่การกระทำทั้งหมดเหล่านี้ของเซียวไห่ สิ่งที่ต้องการ….ก็คงไม่พ้นตำแหน่งที่อยู่เหนือคนทั้งหล้า อยู่ใต้บัญชาเพียงคนเดียว
ก่อนหน้านี้ไล่ตามซ่านจินจื๋อก็เพราะซ่านจินจื๋อแข็งแกร่ง หลังจากนั้นถึงแม้จะไม่รู้ว่าทำไมต้องลากซูพ่านเอ๋อมาเอี่ยวด้วย แต่ปัจจุบันก็ได้สมคบคิดกับซู๋ฮองเฮา ซ้ำร้ายยังผูกสายพันธไมตรีกับเจียงเยี่ยนอีก ที่ทำไปก็คงไม่พ้นกาลภาคหน้าจะสามารถบรรลุถึงเกียรติยศเช่นตอนนี้ของซ่านจินจื๋อนั่นเอง
ในใจมีแผนการเอาไว้เรียบร้อยแล้ว กู้อ้าวเวยกลับใคร่รู้ว่าเวลานี้ควรจะแสดงละครอย่างไรดี
ดังที่ซ่านเซิ่งหานกล่าวมาทั้งหมด นางไม่อยากบอกเรื่องนี้ให้ซ่านจินจื๋อทราบ เพื่อเลี่ยงไม่ให้เขาก่อเรื่องใหญ่ในภายหน้า ทำให้ทุกคนตระหนักถึงเรื่องนี้ดี มีคนคอยขัดขวางทุกการกระทำคำพูดของนางอยู่ทุกแห่งหน แต่หากว่ารับปากซ่านเซิ่งหานจริง ๆ ก็จะเป็นการตบหูซ่านจินจื๋อดังก้อง ความรู้สึกนี้ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร
หลังจากเงียบมานาน กู้อ้าวเวยจึงตัดสินใจมาดมั่น ผลัดเปลี่ยนอาภรณ์หมดจด พลางกล่าวบัญชา “ตอนนี้ฮ่องเต้ทรงประทับอยู่ที่ไหน”
“ตอนนี้ฝ่าบาทไปที่บ้านพักภูเขา นี่พระองค์จะ…”
“เตรียมรถม้าให้ข้าลับ ๆ ข้าจะไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเป็นการส่วนตัวสักรอบ อย่าให้ผู้ใดรู้เป็นอันขาด ต่อให้เป็นอ๋องจิ้งก็ไม่ได้” กัดขบคำว่าอ๋องจิ้งอย่างหนักหน่วง กู้อ้าวเวยปีนขึ้นไปบนรถม้าที่เตรียมไว้พร้อมในชั่ววูบทันใด ก่อนมุ่งหน้าไปยังบ้านพักภูเขา
ส่วนซ่านต้วนโฉงปลอบขวัญฝูงชน เมื่อทราบข่าวว่ากู้อ้าวเวยขอพบเป็นการส่วนตัวก็ค่อนข้างแปลกใจ แต่ยังคงประทานอนุญาต
พบปะกันเป็นการส่วนตัว ขับฝูงชนให้ร่นออกไป
และจากนั้นกู้อ้าวเวยก็คุกเข่าลงต่อหน้าของซ่านต้วนโฉง ดวงตาสองข้างส่งประกายพราวระยับในห้องโถงใหญ่อันมืดสลัว “ข้ายินดีจะหมายหมั้นกับองค์รัชทายาทในภายหน้าแห่งชางหลาน