บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 604
บทที่ 604 มีชีวิตอยู่ต่อไป
กู้อ้าวเวยรู้ดีว่าทำจุดไหนจึงจะไม่ถึงตาย แต่กลับทำให้ซูพ่านเอ๋อต้องเสียใจจนไม่อยากมีชีวิตอยู่
หัวใจนั้นเจ็บปวดจนหน้าซีดแต่กลับไม่กล้าจะขยับแม้เพียงครึ่งนาที ซูพ่านเอ๋อจ้องมองนางด้วยความแค้นและไม่พอใจ มีเสียงที่ยากจะได้ยินออกมาจากปาก ขาทั้งสองข้างกระตุกอย่างไม่รู้ตัว
กู้อ้าวเวยก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวอย่างไร้ร่องรอย แขนข้างหนึ่งพิงรั้วไม้ไว้ มืออีกข้างหนึ่งที่จับดาบยาวนั้นแทงลึกลงไปเรื่อย ๆ ในที่สุดบุคคลที่อยู่ตรงหน้าดิ้นอย่างรุนแรง แต่ความเจ็บปวดใจยิ่งทิ่มแทงใจ หลังจากเสียงครวญครางหยุดลงครู่หนึ่งก็เหลือแต่เพียงน้ำตาไหลออกมาเท่านั้น
“จุ๊ ๆ” นิ้วชี้ของกู้อ้าวเวยแตะอยู่ตรงริมฝีปากของนาง ปากนั้นเริ่มแดงระบมจ้องตาของซูพ่านเอ๋อ ดาบแรกนั้นค่อยๆถูกดึงออกจากเลือดเนื้อของนาง มีเสียงดังเล็กน้อยออกจากผิวหนังที่ฉีกขาด
ซูพ่านเอ๋อหลอกสายตาตัวเองด้วยความคิดว่ากำลังกระชากเอาหัวใจของนางออกมา
ความเจ็บปวดทรมานนั้นทำให้ดวงตาของนางดูคล้ำลง ช่วงเวลาต่อมา ดาบยาวเปื้อนเลือดนั้นก็แทงลงไปยังขาของนาง และถูกดึงออกทันทีอีกครั้ง เลือดสาดกระเซ็นต้องร่างกายของทั้งสอง และกู้อ้าวเวยก็ได้ข่มรอยยิ้มบนใบหน้าของตนเองไว้ นำเอาใบหน้าเปื้อนเลือดนั้นเข้าไปสัมผัสลำคอของนาง
“ความเจ็บปวดที่ชิงต้ายต้องทนทุกข์ทรมาน มันเป็นร้อยเท่าที่เจ้าได้รับ”
“พรึ้บ—” ดาบยาวในมือแทงทะลุท้องน้อยเข้าไปอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่อมองไปยังดวงตาที่หวาดกลัวของผู้หญิงคนนั้น กู้อ้าวเวยก็ดึงดาบออกมาอย่างไร้ความปรานี เมื่อเห็นว่าผ้าที่ปิดปากซูพ่านเอ๋ออยู่นั้นเปื้อนเลือด จึงได้ดึงเอาผ้าผืนนั้นออกมา
ซูพ่านเอ๋ออาเจียนออกมาเป็นเลือด ฟุบอยู่ท่ามกลางเลือดอันอุ่นของตัวเอง มองไปยังดวงตาของกู้อ้าวเวยด้วยดวงตาแดงก่ำ “เจ้ามันสารเลว! แม้ว่าเจ้าจะสังหารข้า ชิงต้ายก็ตายไปแล้วเช่นกัน! ไม่ว่าเจ้าจะมีความสามารถขนาดไหน….ก็ไม่มีทางช่วย….โอ!”
ปลายดาบแตะลงบนปากของนาง กู้อ้าวเวยจ้องมองนางอย่างน่าหวาดกลัว “ความสามารถทั้งหมดของข้า ไม่เพียงแค่การใช้ปากพูดอะไรแบบนี้หรอกนะ เจ้ามันโง่ที่ไม่รู้ว่าข้าอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างไร”
ปลายดาบเปื้อนเลือดนั้นขยับไปยังมุมปากของนาง ทิ้งรอยบาดแผลที่น่ากลัวไว้บนใบหน้านั้น “ยังไม่มีใครฆ่าข้าได้ คราวหน้า ข้าหวังว่าข้ายังได้พบเจ้านะ”
ซูพ่านเอ๋อยังไม่ทันจะพูดอะไร ปากของนางก็ถูกปิดอีกครั้ง
การทรมานที่แสนจะยาวนานและสุดอันตรายนี้จะผ่านไปนานขนาดไหน แม้แต่เฉิงซานเองก็ยังไม่แน่ใจ
คนละฝากของรถม้า ผู้ที่ฝึกฝนวิทยายุทธ์จนชำนาญล้วนได้ยินเสียงที่เกิดขึ้นภายในได้อย่างชัดเจน เฉิงซานมีใบหน้าที่เย็นชา ยังไม่เคยเห็นกู้อ้าวโวยโหดร้ายกับใครขนาดนี้มาก่อน แต่กลับได้ยินเสียงของผิวหนังและเนื้อนั้นฉีกออกจากกัน ได้ยินแม้กระทั่งเสียงกระซิบเบาๆของกู้อ้าวเวย
“ข้าจะเป็นพี่สาวใครก็ได้ แต่มีเพียงชิงต้าย”
“นางเป็นพี่สาวคนเดียวของข้า”
“ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าตายหรอก” กู้อ้าวเวยยิ้มและป้อนยาที่ทำมาจากเลือดมังกรและถุงน้ำดีหงส์เข้าไปยังปากของนาง มืออีกข้างหนึ่งยังคงจับคอของนางไว้ พูดอย่างเสียงต่ำ “นี่คือยาช่วยชีวิตที่เจ้าใฝ่ฝันถึงมาตลอด ตอนนี้ ข้าใช้มันเพื่อต่ออายุของเจ้า”
ซูพ่านเอ๋อเบิกตากว้างและร้องไห้ เมื่อกู้อ้าวเวยปลดผ้าที่ปิดปากออกให้กลับไม่มีเรี่ยวแรงที่จะพูดอะไร ได้แต่อ้าปากออกอย่างโรยแรงราวกับวาระสุดท้ายของชีวิต “ให้ข้าตายเถอะ…..”
“แม้ว่าข้าต้องตาย เจ้าก็ควรจะอยู่เพื่อการให้อภัย” กู้อ้าวเวยบังคับให้นางกินยาที่สามารถทำให้คนตายกลับมามีชีวิตได้ มือข้างหนึ่งจับแก้มของนางดุจดั่งสิ่งมีค่า ลูบบาดแผลนั้น “ในเมื่อเจ้าเอาชีวิตของชิงต้ายไป ก็ต้องเอาอีกชีวิตกลับมา นี่ถึงจะยุติธรรม”
“การเกิดและการตายถูกกำหนดไว้แล้ว คนที่ไม่สมควรตายก็ได้จากไปแล้ว เจ้าจะต้องทนทุกทรมานไปตลอดชีวิตแทนนาง รอจนกว่าเจ้าจะไปสู่ปรโลก บาปกรรมขอชิงต้ายก็จะติดตัวเจ้าไป ชีวิตหลังความตายก็คงจะดีขึ้น”
กู้อ้าวเวยปล่อยมือ เมื่อเห็นว่านางกำลีงนอนอยู่บนรถม้าที่เต็มไปด้วยเลือด ได้แต่หันตัวเองไปและเปิดม่านออก ชายเสื้อและมุมชุดนั้นเปื้อนเลือด ค่อยๆใช้ผ้าเช็ดเลือดที่เปื้อนอยู่บนดาบ กลับไปที่เฉิงซาน และแหงนมองท้องฟ้า
เวลานี้ท้องฟ้ายังไม่ทันจะสว่าง ทิวทัศน์ที่ซับซ้อนของภูเขาที่อยู่ไกลออกไป และแสงอ่อนๆที่สาดส่องผ่านกิ่งก้านของต้นไม้
“สิ่งของต่าง ๆหลังจากที่ชิงต้ายเสียชีวิตไป ถูกเผาไปหมดแล้วหรือ”
“เผาไปแล้ว” เขาใส่ดาบกลับเข้าฝักอย่างระมัดระวัง เมื่อเห็นว่ากู้อ้าวเวยกำลังจ้องมองตนเอง ความหนาวเหน็บก็เริ่มแผ่ซ่านขึ้นมาจากฝ่าเท้า แต่ไม่สามารถพูดอะไรได้
“งั้นก็ดีแล้ว นางคงกำลังรอให้ซูพ่านเอ๋อได้รับผลกรรมในปรโลก และจะต้องมีความสุขสบายมากขึ้น” ยิ้ม ปิดผ้าคลุมหน้าอีกครั้ง ไม่มีสิ่งใดปนเปื้อนอยู่ในสายตา “ช่วยข้านำคำพูดไปบอกกับซ่านจินจื๋อ ครานี้ ต้องรีบต่อสู้อย่างรวดเร็วว่องไว”
“ท่านอ๋องก็ให้ข้านำความมาแจ้งท่าน” เฉิงซานรีบเดินไปข้างหน้า คนข้างหลังกระโดดขึ้นไปบนรถม้าคว้าร่างของซูพ่านเอ๋อที่กำลังเหลือเพียงลมหายใจสุดท้ายลงมา
“อะไร” กู้อ้าวเวยได้ยินเสียงของเลือดที่ตกลงบนพื้น
“ท่านอ๋องบอกว่าในเมื่อท่านทำเพื่อตำบลเหยสุ่ย เต็มใจที่จะเชื่อฟังเขา อย่างนั้นการเดินทางครั้งนี้ ก็มีเพียงคำสั่งเดียว หวังว่าการเดินทางครั้งนี้จะเป็นไปตามที่เจ้าต้องการ” เฉิงซานคุกเข่าลงบนพื้นอย่างเคร่งขรึม ปฏิบัติเหมือนกับกู้อ้าวเวย
“ข้าทำได้” กู้อ้าวเวยหายใจเข้าลึก ๆ ยกมุมปากขึ้น เดินไปยังสถานที่ที่นัดกับกู่เซิงไว้เมื่อวานนี้ ไม่มีความคิดเรื่องอื่นอีกต่อไป
ในครั้งนี้ นางก็คงจะมีชีวิตที่สุขสบาย แม้ว่าต้องตาย ก็อาจจะเหลือไว้แต่เพียงลูก
เช่นเดียวกัน เพื่อเด็กคนนี้แล้ว แม้ว่าอาจจะโชคดีมีชีวิตรอดมาได้ ครึ่งหลังของชีวิตจะลงเอยอย่างไร นางก็มิอาจคาดเดาอะไรได้
เมื่อมาถึงเบื้องหน้าของกู่เซิง คนด้านหลังถึงกับผงะ กู้อ้าวเวยกลับไม่สนใจปล่อยให้คนไปหยิบชุดเสื้อผ้าสตรีมา ตัวเองได้หยุดลงรอ พูดกับกู่เซิง “ไม่กี่วันจากนี้ไป ข้าอาจจะกลับไปยังข้างกายของซ่านจินจื๋อ”
“ทำไมรึ” กู่เซิงขมวดคิ้ว ระยะทางไกล ไปมาอย่างน้อยก็สองสามเดือน
“ต้องได้เท่านั้น คิดจะทำก็ลงมือเลย” กู้อ้าวเวยขี้เกียจจะอธิบาย
อาจจะโชคดีในสองคืนนี้ แต่หากนางไม่ตั้งครรภ์ในสองสามเดือนนี้ นางจะต้องกลับมาหาซ่านจินจื๋ออย่างแน่นอน
กู่เซิงรู้สึกเหมือนว่านางจะไม่มีความอดทนต่อคนกลาง หงุดหงิดอยู่เล็กน้อย เป็นเหมือนอาวุธที่บริสุทธิ์ที่ดูเยือกเย็นเกินจะกล่าว จากนี้ไม่ควรจะติดต่ออะไรกันอีกหากไม่จำเป็น ควรจบลงแล้ว
เปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อยแล้วออกเดินทาง ทุกสิ่งจะต้องเสร็จสิ้นก่อนรุ่งสาง
ในตอนที่ออกไปกู้อ้าวเวยไม่ทันสังเกตเห็น ที่ชายเขามีผู้ชายคนหนึ่งกำลังเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของนาง เฉิงซานที่อยู่ด้านข้างกำลังค่อยๆพูดถึงอาการบาดเจ็บของซูพ่านเอ๋อที่ต้องทนทรมาน แต่กลับมีคำพูดลอยๆ เบาๆออกมาจากซ่านจินจื๋อ “ชิงต้าย นางสำคัญขนาดนั้นเชียวหรือ”
แม้แต่เวลาจะจากไปก็มิได้ปลุกเขาเพื่อพูดอะไรเลย
“ข้าน้อยไม่ทราบเรื่องนี้” เฉิงซานลำบากใจ
พวกเขาทั้งเจ้านายและผู้รับใช้ต่างจำได้ว่าตอนที่อยู่ในตำหนักอ๋องจิ้งนั้นกู้อ้าวเวยต้องผ่านอะไรมาบ้าง แม้หลังเกิดเรื่องระหว่างซีจือและชิงต้าย นางก็เฉยเมยเหมือนทุกครั้ง พูดถึงชิงต้ายทุกครั้งก็มีแต่เรื่องของสัญญา
มีเพียงวันนี้ที่ปล่อยตนเองไปเพื่อระบายความแค้น แถมยังจะเอาวัตถุดิบที่หายากไปให้กับซูพ่านเอ๋อ เพียงเพื่อให้นางทุกข์ทรมานเป็นเวลานานมากขึ้น
ซ่านจินจื๋อเท่านั้นที่รู้ เขาทำอะไรผิดไปหรือ
ในเวลานั้น เขายังไม่รู้เลยว่าจะไปรักกู้อ้าวเวยได้อย่างไร มีแต่ใส่ใจแต่เรื่องของชิงต้าย
กำปั้นทุบลงบนต้นไม้อย่างรุนแรง “ข้าต้องการที่จะชดเชยบางอย่าง ไม่มากก็น้อย”