บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 606
บทที่ 606 ตัดรากถอนโคน
“ไม่ใช่แค่การจ่ายออก แต่เพื่อให้เกษตรกรในพื้นที่นี้ได้มีรายได้เพิ่มขึ้น พวกเขาจะพัฒนาที่นี่มากขึ้น ภายหน้าปัญหาความขาดแคลนก็จะลดน้อยลง และภาษีเหล่านี้ เพียงเสียงเดียวก็สามารถจะก่อให้เกิดรายได้จำนวนมาก ไม่กี่ปีมานี้เกิดความสูญเสียอย่างต่อเนื่อง สามปีให้หลังอาจจะเหลือเพียงสำหรับไว้กินใช้เท่านั้น และหากเกษตรกรพัฒนาขึ้นมาได้มาก ๆ ในอนาคตไม่ว่าจะเกิดสงคราม หรือภัยจากธรรมชาติหรือไม่ก็ตาม อาหารก็จะไม่ขาดแคลน” กู้อ้าวเวยเคาะถ้วยเปล่าในมือ แล้วพูดต่อไปอย่างเบาๆ “อันที่จริงไม่มีใครคิดถึงสิ่งเหล่านี้เลย ข้าเองก็เพิ่งจะได้เรียนรู้มาจากคนอื่น”
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ต้องการสถานะของอ๋องจิ้ง และความมั่งคั่งที่มากพอ
ฉีหรัวรู้ว่าสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถจะแก้ไขได้เพียงชั่วข้ามคืน แต่นางก็สงสัยเช่นเดียวกัน “หากข้าจำไม่ผิด เจ้าน่าจะเป็นคนของแคว้นเอ่อตาน”
“แคว้นเอ่อตานนั้นไม่ขาดแคลนอาหาร สิ่งที่จำเป็นต้องทำจึงไม่ใช่การค้า แต่เป็นกฎหมายของประเทศ กฎหมายของแคว้นชางหลานค่อนข้างสมบูรณ์ แต่กลับขาดแคลนพ่อค้าที่คำนึงถึงความเป็นไปในระยะยาวของประเทศ ในทางตรงข้าม พ่อค้าของแคว้นเอ่อตานนั้นเก่งในเรื่องนี้ ดังนั้นตอนนี้แคว้นเอ่อตานจึงแข็งแกร่ง” กู้อ้าวเวยรินน้ำเติมให้กับตนเอง “และ หากเจ้าเริ่มวางแผนให้กับประเทศชาติในระยะยาว หากทำเพียงเพื่อการค้า เจ้าก็ไม่ต้องเอาเงินตัวเองไปซ่อมถนน”
ทันใดนั้น ทั้งสองก็ตกอยู่ในความเงียบ และยิ้มให้กันและกัน
“ข้าเคยคิดว่าจะสืบทอดการค้าของครอบครัวต่อไปได้อย่างไร แต่หลังจากที่ออกมาจากเมืองเทียนเหยียน ได้เห็นเรื่องราวต่าง ๆมากมายกว่าเก่า ความคิดความอ่านก็แตกต่างจากเดิมโดยทันที” ฉีหรัวลูบผมของอันยาวของตัวเอง มองไปยังนาง “นับแล้วนับอีก ในมือของข้าก็มีเงินกว่าแสนตำลึงเหลืออยู่ เจ้ายินดีจะเปิดทางของแคว้นเจียงเยี่ยนให้ข้าหรือไม่”
“ไม่น่าล่ะที่เจ้ามานี่ก็เพื่อจะปรึกษาเรื่องนี้กับข้า” กู้อ้าวเวยดึงสติกลับมาที่ตัว
รอยยิ้มบนใบหน้าของฉีหรัวปรากฏเปล่งประกายมากขึ้น “ข้าเป็นพ่อค้า ยามศึกสงครามก็คงทำอะไรไม่ได้ แต่เงินนี้ยังต้องใช้บนใบมีด ทำกำไรได้”
“เจ้าเป็นพ่อค้าจริง ๆ ไม่แปลกใจเลยที่เจ้าไม่แต่งงานกับองค์ชายสี่”
กู้อ้าวเวยส่ายหน้าช่วยช่วยไม่ได้ เมื่อเห็นฉีหรัวกะพริบตาแสร้งทำเป็นไร้เดียงสา ใบหน้าก็ขรึมขึ้น และถอนหายใจออกมา
เพียงแต่นางไม่ได้แต่งงานกับองค์ชายสี่ได้ในวันเดียว แม้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะเป็นอย่างไร นางก็ยังคงเป็นพ่อค้า ทำการค้ากับต่างชาติแม้จะเกิดเรื่องใหญ่อะไร นางก็ยังสามารถติดต่อกับชาวต่างชาติ ได้อย่างอิสระต่อไป
“เจ้ากลับอายที่จะบอกกับข้า มองดูตัวเจ้าเอง คิดจะมีลูกเพื่อให้ซ่านจินจื๋อเขาสบายใจ แต่ภายหน้า หากว่าเจ้าต้องสูญเสียความเป็นองค์หญิงเอ่อตาน จะสามารถแต่งกับเขาได้หรือ” ฉีหรัวส่ายหน้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่ได้แต่งงานกับเชื้อพระวงศ์ ภายหน้าก็จะมีความชอบธรรม ในการกำกับดูแลราษฎรและขุนนาง
“ข้าไม่มีทางเป็นแบบนั้น การแต่งงานเป็นเพียงพิธีการ ไม่สามารถมาตีกรอบข้าได้” กู้อ้าวเวยยกถ้วยที่มีน้ำเปล่าในมือขึ้น
ฉีหรัวก็ยกถ้วยขึ้นเช่นเดียวกัน แตะถ้วยของนางเบาๆ ราวกับกำลังดื่มสุรา “ศีลธรรมของโลก มันย่อมมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ดี สตรีไม่จำเป็นต้องใช้คำว่าภรรยามาเป็นเกราะกำบัง”
เวลาที่แปรเปลี่ยน เริ่มต้นจากคนเพียงคนเดียว
ทันใดนั้นกู้อ้าวเวยก็นึกขึ้นได้ว่าครั้งหนึ่งเคยได้พบกับฉีหรัวมาก่อน นางยังคงเป็นผู้หญิงที่ซึมเศร้านอนอยู่บนเตียงเป็นเวลานาน วิธีเดียวที่จะต่อต้านพ่อมีเพียงการป่วยต่อไป แต่ตอนนี้ ท่าทางที่ฮึกเหิมทำให้ผู้คนไม่อยากจะละสายตา แต่เบื้องหลังนี้อาจเป็นสิ่งที่คนทั้งหลายพูดถึง
แต่ก็ยังคงผ่านความยากลำบากนั้นมาโดยลำพัง
“เงินจำนวนนี้ เจ้าควรจะมอบให้ล่ายเสวียนไว้ใช้จ้างทหารซื้อม้า ในอนาคตอันใกล้ หากล่ายเสวียนเป็นแม่ทัพได้จริง หรือคนของเขาจำเจ้าได้ อย่างนั้นเส้นทางการค้าในแคว้นเจียงเยี่ยน ก็คงเป็นเจ้าที่เป็นผู้บุกเบิก” ในที่สุดกู้อ้าวเวยก็พูดถึงประเด็นนี้
“ยังต้องการให้เจ้าเป็นคนสร้างความสัมพันธ์ พาข้าเข้าเมืองไปพบ”
“ได้แน่นอน” กู้อ้าวเวยหัวเราะเบาๆ “ไม่กี่วันหลังจากนี้พวกเราสามารถออกเดินทางได้ เมื่อถึงเวลาข้าจะช่วยเจ้าจัดการเรื่องนี้”
“ทำไมต้องอีกสองสามวัน” ฉีหรัวไม่เข้าใจ
“ข้าได้เรียกคนให้มาพบ และข้าต้องพบเพื่ออธิบายอะไรบางอย่าง” กู้อ้าวเวยยิ้มเบาๆ
………
ในเวลาเดียวกัน ทูตทั้งหมดได้เดินทางออกจากเมืองเทียนเหยียนแล้ว
ข่าวการชุมนุมของหารที่หนักหน่วงของซ่านจินจื๋อได้ไปถึงหูของซู๋ฮองเฮานานแล้ว และองค์ชายสามได้อธิบายเรื่องที่รับองค์หญิงเอ่อตานเข้าตำหนักแล้ว หญิงสาวที่ออกมาจากทิงเฟิงโหลได้มารออยู่ไม่ไกล ในความเป็นจริงจะเป็นการติดตามของเยว่
ซ่านต้วนเฟิงรู้เรื่องนี้ หัวเราะชอบใจอยู่ที่ตำหนักฮองเฮา “หากว่าข้าเป็นองค์ชายสาม คงไม่กล้าจะนำผู้หญิงที่ท่านอาไม่เอาแล้วมาไว้ข้างกายหรอก งี่เง่าโดยแท้”
ซู๋เซ่อถือถ้วยและหยุดอยู่ที่เดิม ออกคำสั่งให้ทุกคนออกไปด้วยความโกรธ เหลือไว้แต่คนสนิทที่ไว้ใจไม่กี่คนจึงเอ่ยปาก “เรื่องนี้จะพูดเหลวไหลไม่ได้ มาที่นี่วันนี้ ข้าก็ต้องการจะบอกกับเจ้าถึงที่มาขององค์หญิงเอ่อตานคนนี้ หากเจ้ารู้ เจ้าจะไม่งี่เง่าไปยั่วยุความสัมพันธ์ขององค์ชายสามกับอ๋องจิ้ง”
แน่นอนข้ารู้ว่าพระชายาจิ้งซูพ่านเอ๋อคนนี้เคยแอบอ้างชื่อขององค์หญิงเอ่อตาน” ซ่านต้วนเฟิงยังคงไม่รู้เรื่อง
แต่ซู๋ฮองเฮานั้นหากจะว่าไปแล้วเคยเป็นเพื่อนกับกู้อ้าวเวย เพียงแต่ตอนนั้นนางเข้าวังตั้งแต่อายุยังน้อยเพื่อรับใช้ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันซ่านต้วนโฉง จากนั้นก็แยกทางกัน แต่เพียงครึ่งนาทีกลับจำรูปลักษณ์ของกู้อ้าวเวยไม่ได้ และพูดว่า “พระชายาจิ้งองค์แรกที่อ๋องจิ้งแต่งเข้ามา คือกู้อ้าวเวย ยังเป็นองค์หญิงเอ่อตานด้วย”
“อะไรนะ” ซ่านต้วนเฟิงประหลาดใจ
ฮองเฮาเพียงกล่าวถึงเรื่องราวตอนนั้นที่กู้อ้าวเวยแกล้งตายออกมา และกู้อ้าวเวยก็ได้แปลงชื่อแฝงขึ้นไปบนศาล หลังจากถูกรู้ทันภายหลังก็ไปช่วยทำเรื่องสันติภาพให้กับทั้งสองประเทศ ก็ยังไม่ถูกจับได้ ตอนนั้นยังจับไม่ได้ ตอนนี้ซ่านต้วนโฉงก็ยังดูไม่ออก จนแทบจะปิดตาไว้ข้างเดียว”
“พี่สามไม่รู้หรือ” ซ่านต้วนเฟิงเริ่มไม่เข้าใจกู้อ้าวเวยมากขึ้นเรื่อย ๆ
“รู้สิ ตอนนั้นแม้ว่าข้าจะสูญเสียอำนาจไปแล้ว แต่ข่าวกลับยังชัดเจนอยู่ เมื่อตอนที่กู้อ้าวเวยอยู่ที่ตำหนักอ๋องจิ้ง ก็ได้สมรู้ร่วมคิดกันกับองค์ชายสามเพื่อต่อต้านอ๋องจิ้ง ต่อมาทั้งสองคนก็เข้ามาพัวพันกันด้วยเหตุผลบางอย่าง มีข่าวลือหนาหูในเมืองเทียนเหยียน อ๋องจิ้งกลับขอให้ฮ่องเต้แต่งตั้งชิงจือเป็นองค์ชายน้อย จึงไม่ต้องสงสัยเลย” ซู๋ฮองเฮารู้เรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกของคนไม่กี่คนไม่มาก
หลังจากที่ซ่านต้วนเฟิงได้ยิน กลับรู้สึกแปลกใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ “อย่างนี้ก็พูดได้ว่า พี่สามรู้สถานะของนางเป็นอย่างดี และยังต้องการจะแต่งงานกับนาง ก็เพื่อจะให้แคว้นเอ่อตานมาสนับสนุนเขา เพื่อทำให้เขาเป็นรัชทายาท”
ฮองเฮาเพียงกล่าวถึงเรื่องราวตอนนั้นที่กู้อ้าวเวยแกล้งตายออกมา และกู้อ้าวเวยก็ได้แปลงชื่อแฝงขึ้นไปบนศาล หลังจากถูกรู้ทันภายหลังก็ไปช่วยทำเรื่องสันติภาพให้กับทั้งสองประเทศ ก็ยังไม่ถูกจับได้ ตอนนั้นยังจับไม่ได้ ตอนนี้ซ่านต้วนโฉงก็ยังดูไม่ออก จนแทบจะปิดตาไว้ข้างเดียว”
“พี่สามไม่รู้หรือ” ซ่านต้วนเฟิงเริ่มไม่เข้าใจกู้อ้าวเวยมากขึ้นเรื่อย ๆ
“รู้สิ ตอนนั้นแม้ว่าข้าจะสูญเสียอำนาจไปแล้ว แต่ข่าวกลับยังชัดเจนอยู่ เมื่อตอนที่กู้อ้าวเวยอยู่ที่ตำหนักอ๋องจิ้ง ก็ได้สมรู้ร่วมคิดกันกับองค์ชายสามเพื่อต่อต้านอ๋องจิ้ง ต่อมาทั้งสองคนก็เข้ามาพัวพันกันด้วยเหตุผลบางอย่าง มีข่าวลือหนาหูในเมืองเทียนเหยียน อ๋องจิ้งกลับขอให้ฮ่องเต้แต่งตั้งชิงจือเป็นองค์ชายน้อย จึงไม่ต้องสงสัยเลย” ซู๋ฮองเฮารู้เรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกของคนไม่กี่คนไม่มาก
หลังจากที่ซ่านต้วนเฟิงได้ยิน กลับรู้สึกแปลกใจเกี่ยวกับเรื่องนี้ “อย่างนี้ก็พูดได้ว่า พี่สามรู้สถานะของนางเป็นอย่างดี และยังต้องการจะแต่งงานกับนาง ก็เพื่อจะให้แคว้นเอ่อตานมาสนับสนุนเขา เพื่อทำให้เขาเป็นรัชทายาท”
“แน่นอนเป็นอย่างนั้น” ซู๋ฮองเฮาถอนหายใจอย่างหนัก “อีกอย่างกู้อ้าวเวยเก่งกว่าที่เจ้าคิด แม้ว่าจะจนหนทาง แต่ปากนั้น สามารถทำให้คนน้ำท่วมปากได้ การหาข่าวก็ใช่ย่อย หากไม่คิดว่าจะชนะ ขอแนะนำว่าอย่าไปทำเป็นเล่นกับนาง จะต้องเริ่มลงมือจากที่อื่น”
“แต่พี่สามและท่านอาต่างก็เป็นพวกเหล็กแผ่นแสนเย็นชาทั้งคู่” ซ่านต้วนเฟิงลำบากใจอยู่ครู่หนึ่ง
ซู๋ฮองเฮาหัวเราะอย่างอดไม่ได้ “แต่จุดอ่อนของเหล็กแผ่นทั้งสองนี้ ล้วนรวมอยู่ที่จุดเดียวกัน ข้าจะให้เจ้าไปเล่นเกมกับนาง และก็ไม่ได้บอกว่าไม่ให้เจ้าลงมือ”
ซ่านต้วนเฟิงมองไปยังซู๋ฮองเฮา “ทำไมถึงไม่โน้มน้าวนาง”
“ผู้หญิงแบบนี้ ไม่มีใครเอาอยู่หรอก สู้ถอนรากถอนโคนไปยังดีกว่า” ดวงตาของซู๋ฮองเฮาเต็มไปด้วยความโหดร้าย