บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 624
บทที่ 624 แม่หญิงตู้
เถ้าแก่เนี้ยของตำบลเหยสุ่ยคาบท่อสูบฝิ่นของนางไว้เหมือนเคย
“คิดไม่ถึงว่าจะเจอท่านที่นี่ คุณหนู” เถ้าแก่เนี้ยยังคงยิ้มอยู่ คนรับใช้เสี่ยวเอ้อที่นั่งอยู่ข้างกายกลับอยู่ในอาการนั่งไม่สุข ก็ถูกเถ้าแก่เนี้ยตบไปที่ด้านหลังของหัวอย่างแรงจึงพยักหน้ารับ เรียกฝ่าบาทออกมาหนึ่งคำด้วยความนับถือ
“ข้ายังคิดว่าเจ้าจะวกกลับมาฆ่าข้า หรือไม่ก็หนีไปกบดานแล้ว” กู้อ้าวเวยดึงผ้าคลุมออกเล็กน้อย หลังจากเช็ดมือให้สะอาดสองข้างแล้วจึงหยิบชามและตะเกียบขึ้นมาไว้ในมือ ขยับตะเกียบเผชิญหน้ากับแป้งขนมแผ่นใหญ่และบะหมี่เนื้อวัว แต่ข้าก็ไม่ได้เตรียมที่จะเอาเรื่องไล่จับที่เจ้าหนีไป แค่บอกข้าว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเจ้าคือใคร วันข้างหน้าเจ้าก็จะได้สบายใจไม่ต้องเป็นกังวลอีกต่อไป
เถ้าแก่เนี้ยขมวดคิ้วไปมา เอาข้อมือของตัวเองส่งข้ามไป “ครั้งนี้ข้ามาหาคุณหนูท่านนี่แหละ”
กู้อ้าวเวยจับข้อมือของนางอย่างแปลกใจ ขมวดคิ้ว “เจ้าควรจะเป็นเจ้ายุทธภพที่มากประสบการณ์มาอย่างโชกโชน
“แต่พิษนี้มาจากกู้เฉิง เขาเคยเป็นสามีของฮูหยินท่านนั้น แน่นอนว่าต้องมีบันทึกอะไรไว้บ้างแหละ” เถ้าแก่เนี้ยหลบตาต่ำลง ให้คนรับใช้เสี่ยวเอ้อข้างกายควักตำราที่หนักและหนาหนึ่งเล่มออกมาจากในห่อเสื้อผ้า “ในนี้เป็นบันทึกการเดินทางของท่านในทุกที่ และพวกนี้คือสิ่งที่กู้เฉิงต้องการ”
กู้อ้าวเวยดูเรื่องราวทั้งหมดของตัวเองในสมุดเล่มนั้นอย่างละเอียดแบบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง
กุ่ยเม่ยก็ได้แค่มองอยู่ครู่หนึ่ง ในนั้นยังพูดถึงผู้หญิงผ้าคลุมสีดำท่านหนึ่งด้วย จึงถามขึ้นว่า “เจ้าเคยติดตามคนไปแคว้นเอ่อตานหรือ”
“ไม่ นั้นคือคนที่กู้เฉิงส่งเข้าไป” เถ้าแก่เนี้ยสูบฝิ่นเข้าไปหนึ่งคำ ปลายนิ้วเขี่ยอยู่บนโต๊ะ “ข้าเคยสืบดูคนเหล่านั้นโดยเฉพาะ ล้วนจำได้ทั้งหมด หากไม่ใช่ว่าเจอเจ้าที่นี่ ข้าอาจจะไปที่ชายแดนโดยตรง”
กู้อ้าวเวยส่ายหัวอย่างทำอะไรไม่ถูก “ข้าจะถอนพิษให้เจ้า เงินจำนวนหนึ่งและสิทธิ์ในการจัดการคนที่เหลือในตำบลเหยสุ่ย
“ข้ารู้ดี ค่าจ้างของคุณหนูที่นี่ข้าชอบยิ่งกว่า อย่าเห็นว่าข้าอย่างนี้ ข้าก็ชอบที่แคว้นชางหลานมากพอที่เดียว” เถ้าแก่เนี้ยหัวเราะไปมา แล้วก็กวักบอกให้เถ้าแก่เอาแป้งขนมชิ้นใหญ่มาให้อีก พูดต่อว่า “แต่ข้าก็ยังแปลกใจ พวกเราเคยเก็บรวบรวมเรื่องราวของกู้เฉิงไว้ไม่น้อย แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะสามารถหาตำบลเหยสุ่ยของพวกเราเจอได้”
กู้อ้าวเวยพยักหน้า ได้แค่ให้กุ่ยเม่ยเอาใบยาให้นาง ยังไงพิษนี้ก็เป็นฝีมือที่มาจากหยุนหว่าน
แต่หากเป็นเช่นนี้ ก็รู้ได้ว่าคนที่วางยาในน้ำใต้ดินไม่ใช่กู้เฉิงแล้ว
ในเมื่อเขามีปัญญาที่จะเอาคนยัดเข้าไปในเมืองเล่อ โดยธรรมชาติแล้วไม่จำเป็นจะต้องใช้วิธีการวางยาพิษที่โง่เขลาเช่นนี้ไปทดสอบ มันจะกลับกลายเป็นมัดขาตัวเองได้
หลังจากรอจนกินอิ่ม กู้อ้าวเวยจึงค่อยรู้สึกอบอุ่นขึ้นมาหน่อย ความเคยชินในการอ้วกเพราะแพ้ท้องหรือไม่คุ้นเคยกับอาหารยังไม่ได้ปารากฎขึ้นมาในร่างกายของนาง บนร่างกายก็ฟื้นฟูพละกำลังและอุณหภูมิความอบอุ่นขึ้นมาบ้าง เป็นช่วงเวลาพอดีกับที่ประตูถูกผลักออก มีผู้เดินทางหลายคนเดินเข้ามา กู้อ้าวเวยถูกลมหนาวพัดโดน ได้แค่หดหัวลงมา “รอผ่านไปอีกสองสามวันก่อน แน่นอนว่าข้าจะกลับไปเอาชนะเจ้าสองตัวนั้นใหญ่ตัวเล็กตัว”
กุ่ยเม่ยมองนางด้วยรอยยิ้มครึ่งๆ กลางๆ “ตอนนั้นเป็นใครกันที่ตัดสินใจออกมา บัดนี้แค่ลมหนาวก็รับไม่ไหวแล้ว”
“ก็แค่กระสับกระส่ายเท่านั้น” กู้อ้าวเวยนวดมุมหัวอย่างปวดหัว รู้สึกว่าตัวเองไม่มีเหตุผลอย่างที่เคยเป็นมาก่อน ในบางครั้งก็พูดความในใจออกมา
หากเป็นไปได้จริง นางก็หวังว่าคนที่อยู่ข้างกายนางจะเป็นซ่านจินจื๋อ
“ตอนกลางคือข้าก็จะนอนเอนอิงอยู่ที่ข้างเตียงของเจ้า” กุ่ยเม่ยดึงขอบหมวกของนางลงมาเล็กน้อย “รอจนเช้าวันรุ่งขึ้น ดึงมือของเจ้าสองข้างย้อนกลับ ดีที่สุดสามารถหลบซ่อนให้ทันก่อนที่องค์ชายหลายคนจะมาถึง”
“ได้สิ แต่ตอนกลางคืนอย่าบอกว่าข้าตื่นหลายรอบ” กู้อ้าวเวยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธ
เถ้าแก่เนี้ยกลับมองสองคนนั้นอย่างแปลกใจ ใช้ท่อสูบฝิ่นเคาะไปที่โต๊ะ “รูปโฉมงามอายุน้อยเป็นเรื่องดี หญิงมีอายุอย่างข้าดูท่าจะสู้ไม่ได้แล้ว”
รอจนวันที่สอง ลมหิมะยังไม่อ่อนแรง พวกชายฉกรรจ์ที่อยู่ด้านล่างต่างพากันโห่ร้องว่าฤดูหนาวปีนี้ผิดปกติเกินไป แต่โชคดีที่บาดแผลหายไวในช่วงฤดุหนาว กลิ่นคาวเลือดในโรงเตี๊ยมเริ่มรุนแรงมากขึ้น
เดิมทีกุ่ยเม่ยจะอยู่อีกหนึ่งคืน แต่กู้อ้าวเวยยากที่จะหลับได้ในตอนกลางคืน ตื่นขึ้นมาอาเจียนแห้งๆ หลายรอบ วันที่สองรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาอ่อนเปลี้ยเพลียแรงไปหมด ในขณะที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี ได้แค่ออกจากที่นั่นไป คลำหาทางไปตามเส้นทางสายหนึ่งหมู่บ้านนั้นก็ได้โดนเผาจนราบคาบแล้ว ได้แค่หาที่พักบนถนนได้เท่านั้น
เถ้าแก่เนี้ยที่ออกมาด้วยกันดูเหมือนว่าจะหยิบเอาสิ่งของไม่น้อยมาจากเถ้าแก่ของโรงเตี๊ยมนั้น ปีนขึ้นไปบนรถม้าพร้อมกับกู้อ้าวเวย วันนี้กลับไม่ได้หยิบท่อสูบฝิ่นมาด้วย ได้แค่ดันเพื่อนร่วมทางข้างกายที่มาด้วยกันหนึ่งที “หากไม่อยากตายก็ดูดีๆ เสื่อก็พกไปด้วย”
เพื่อนร่วมทางที่ใจเสาะรีบพยักหน้า เถ้าแก่เนี้ยกลับนั่งอยู่ข้างกายกู้อ้าวเวย มองนาง “ฮูหยินหรือคุณหนูในครอบครัวปกติทั่วไป ท้องอยู่ไม่ออกจากบ้านกันหรอกนะ”
กู้อ้าวเวยมองเขาอยู่ชั่วครู่ “เจ้าชื่อว่าอะไร”
“คนอื่นเรียกข้าว่าแม่หญิงตู้ เพื่อนคนนี้ชื่อประหลาดเกินไปทิ้งไปแล้ว ให้เรียกเขาว่าเอ้อโก่ว” แม่หญิงตู้จับคอของตนเองไปมา “พิษนี้กี่วันจึงถอนออกได้”
“สามวัน” กู้อ้าวเวยจดชื่อของคนทั้งสองลงไป ได้แต่หดตัวลง ปิดตาลงทำสมาธิ
หนทางยากในการเดินทางเนื่องจากลมหิมะ กุ่ยเม่ยควบม้าเดินทางไปหลายลี้ ก็หาที่จะพักผ่อนได้เป็นถ้ำตรงตีนเขาที่ค่อนข้างใหญ่พักก่อนอย่างไม่รู้จะทำเช่นไร อีกทั้งยังมีฟืนไม้ที่ได้รับการเผาไหม้ ดูไปแล้วหลายวันก่อนมีคนมาที่นี่ แม่หญิงตู้และเอ้อโก่วออกไปหาฟืนมาเล็กน้อย กุ่ยเม่ยก็เอาพรมผืนหนึ่งแขวนไว้ที่ปากถ้ำ เพื่อกันลมหิมะได้บ้างเล็กน้อย
กู้อ้าวเวยเจาะเลือดออกไปตามปกติที่เคยทำมา รอยเหล่านั้นดูเหมือนว่าจะจางหายไปเยอะเลย รอยที่แขนน้อยก็ดูจะจางลงไปจนมองไม่เห็นชัดเจนแล้ว กุ่ยเม่ยก็ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ยังดีที่เช่ออี้จื่อ ยังช่วยได้อยู่บ้าง
“หาซ่านเซิ่งหานก่อน ให้เขาทำสถานการณ์ให้สงบ ยังไงองค์ชายสี่ก็ต้องไปดูสภาพของเสียนเฟย(พระสนม)เป็นแน่ องค์ชายหกเวลานี้ก็ไม่ง่ายเลยที่จะป้องกันรักษาชายแดนเอาไว้ กลับไปก็เพื่อรับตำแหน่งในอนาคต” กู้อ้าวเวยลูบท้องที่ปวดของนาง มองไปที่ท้องน้อยของตนอยู่ชั่วครู่โดยไม่รู้ตัว
กุ่ยเม่ยไม่พูดอีก รอจนแม่หญิงตู้และเอ้อโก่วเก็บฟืนกลับมา ยังไม่สามารถใช้ได้ จวบจนกระทั่งตอนกลางคืนจึงพยายามที่จะจุดไฟให้ติดขึ้นมาได้ กู้อ้าวเวยหลับไปอย่างลึกๆ ในระหว่างนั้นตื่นขึ้นมาสองรอบ ช่วงเช้ากินอาหารแห้งไปไม่น้อยเลยจึงจะสามารถออกเดินทางได้ต่อ
ลมหิมะไม่หยุดตลอดทาง ตอนที่กลับไปถึงชายแดน กู้อ้าวเวยเกือบคิดว่าชีวิตนี้ของตนเองจะไปไม่รอดแล้ว
จางเหยียงซานเสียสละเอาที่พักของตัวเองให้พวกเขาพักผ่อน ในขณะที่องค์ชายสี่และองค์ชายหกล้วนไม่อยู่ โดยธรรมชาติแล้วก็ไม่กล้าที่จะให้คนอื่นรู้ว่าองค์หญิงเอ่อตานไม่ได้อยู่ที่เมืองเทียนเหยียน แต่กลับอยู่ที่นี่ แต่โย่วหลีที่อยู่ข้างกายซ่านเชียนหยวนกลับคอยติดตามรับใช้
แต่ในด้านใน จางเหยียงซานจัดแจงเอาคนวางไว้บนเตียง อีกทั้งยังเต็มไปด้วยอาการตำหนิทั้งดวงตา “อุ้มท้องเด็กน้อยอยู่ เจ้ายังกล้าจะไปต่อสู้กับลมหิมะตลอดทาง เจ้าก็ยินดีที่นี่เป็นลูกของซ่านจินจื๋อ จึงรอดชีวิตมาอย่างทรหดเช่นนี้”
“ดูไปแล้วเด็กคนนี้น่าจะเหมือนพ่อ โชคดีชีวิตยืนยาว” กู้อ้าวเวยหน้าซีด จางเหยียงซานโมโห ก็ได้แค่ให้คนไปต้มยา ตัวเองนั่งอยู่ที่ข้างเตียงมองนาง “เจ้าในสภาพเช่นนี้ คลอดก่อนกำหนดเกรงว่าจะเป็นเรื่องที่ช้าเร็วต้องมาแน่”