บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 625
บทที่ 625 แจ้งให้ทราบ
“นี่ก็คือเหตุผลที่ข้ามาหาเจ้าไง”
กู้อ้าวเวยนอนพิงอยู่บนเตียง รับยาในมือของจางเหยียงซานไปด้วยตนเอง
หิมะด้านนอกหน้าต่างเริ่มละลาย แต่ชายแดนก็เริ่มขีดเส้นของการเริ่มของสงครามขึ้น น้อยคนนักที่จะได้รับอนุญาตให้เข้าไปได้ สันนิษฐานว่าที่แคว้นเอ่อตานตรงนั้นก็เข้มงวดเช่นนี้เหมือนกัน แต่แคว้นเจียงเยี่ยนและแคว้นซินกลับยากที่จะเงียบสงบได้ มีเพียงซ่านจินจื๋อที่รู้สึกรำคาญใจที่นอกจากจะต้องรักษาเมืองแล้ว ยังต้องคอยคุ้มกันดูแลคนของอ้ายหยินอีก
จางเหยียงซานจับชีพจรให้นาง อีกทั้งยังมองไปทางกุ่ยเม่ย “เช่ออี้จื่อ ที่เหลืออยู่สามารถใช้ได้อีกสองเดือน ต่อจากนั้นก็ต้องหาอย่างอื่นที่สามารถดูแลรักษาครรภ์และยังต้องถอนพิษได้ด้วยมาแทนที่แล้ว”
“เมื่อครู่ข้าให้แม่หญิงตู้ไปสืบดูข่าวคราวของเช่ออี้จื่อ แล้ว” กุ่ยเม่ยพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วก็นั่งที่หัวเตียง มองดูกู้อ้าวเวยอยู่ “ในเมื่อหาวิธีการที่จะจัดการกับพิษนี้ได้แล้ว ข้าเอาข่าวนี้ไปบอกท่านอ๋องว่าจะดีกว่า ได้หรือไม่”
จางเหยียงซานไม่ได้รู้อะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่กุ่ยเม่ยกลับเปิดปากพูดออกมา คำพูดที่ยับยั้งห้ามปรามประโยคสุดท้ายกลับไม่ได้พูดออกมา ได้แค่ยกมือขึ้นลูบหัวของนางไปมา “พักผ่อนสักหน่อยเถอะ ช่วงเวลาฤดูหนาวยังอีกยาวไกลนัก”
“ข้ารู้” กู้อ้าวเวยพยักหน้า ซุกเข้าไปในอ้อมอกของกุ่ยเม่ยอย่างจิตใจว่างเปล่า หดตัวเข้าไปในผ้าห่มนวมแล้วก็หลับไปลึกๆ แล้ว
กุ่ยเม่ยพาจางเหยียงซานออกมาจากลานนั้น เพื่อป้องกันคนนอกรู้ว่ากู้อ้าวเวยอยู่ที่นี่ พวกเขาต้มยาก็ได้เพียงแค่อาศัยบ้านที่จางเหยียงซานอาศัยอยู่ด้านข้าง นอกประตูยังถูกโย่วหลีกั้นทหารที่มาขอความช่วยเหลือไว้หลายนาย จางเหยียงซานไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร “ยังไงข้าก็เป็นแพทย์ทหาร ต้องช่วยพวกเขาแก้ไขความยุ่งยาก”
กุ่ยเม่ยได้เพียงแค่มองตามส่งจางเหยียงซานไป ตอนที่หันตัวกลับมาเห็นเอ้อโก่วหดตัวลงอยู่ที่ใต้หลังคาอย่างใจเสาะราวกับหนูพอดี แม้แต่ในห้องก็ไม่กล้าเข้าไป ได้แค่เดินเข้าไป “แม่หญิงตู้ไม่ให้เจ้าตามไปหรือ”
“แม่หญิงบอกว่าข้าอยู่ที่นี่จะมีประโยชน์เสียมากกว่า” เอ้อโก่วหดหัวลง
ยกมุมปากขึ้น กุ่ยเม่ยดึงลากคนเข้ามาในห้องด้วยตัวเอง รีบเอาอาการของกู้อ้าวเวยเขียนออกมามอบให้เอ้อโก่ว อีกทั้งยังเอาผ้าที่กู้อ้าวเวยใช้ในวันปกติยัดใส่ให้เขา “ไปที่เมืองเมืองเทียนเหยียนสักรอบ ต้องส่งของชิ้นนี้ให้กับมือของอ๋องจิ้งให้ได้ ห้ามฝากคนอื่นไปเด็ดขาด”
“นี่…..หากข้าถูกรั้งเอาไว้จะทำเช่นไร” เอ้อโก่วได้ยินชื่ออ๋องจิ้งสองพยางค์นี้ ขาทั้งสองข้างก็อ่อนยวบไปหมด
“ที่แท้แล้วเจ้าไปถึงที่ตำบลเหยสุ่ยได้อย่างไรกัน ใจจะเสาะอะไรเช่นนี้” กุ่ยเม่ยกระทืบไปที่เท้าน้อยของเขาหนึ่งทีด้วยสีหน้าเคร่งขรึม คนที่อยู่ด้านหลังคุกเข่าลงโขลกหัวให้เขาอย่างเสี่ยงอันตรายนัก โค้งตัวลงแล้วพูดว่า “ข้าน้อย……ไปที่นั่นโดยไม่ตั้งใจ……ใครจะไปรู้ว่าจะจับข้าไปเป็นคนใช้แรงงาน ก็แค่……”
“ก็ได้” ถอนหายใจหนักๆ หนึ่งเฮือก กุ่ยเม่ยเขียนจดหมายอีกฉบับหนึ่ง หลังจากอธิบายถึงความตั้งใจของตนเองแล้วก็มอบให้เขา “อ๋องจิ้งหรือว่าคนที่อยู่ข้างกายอ๋องจิ้งที่ชื่อว่าเฉิงซาน เอาความกล้าของเจ้าออกมา หากจดหมายสองฉบับนี้ถูกคนอื่นเอาไป เจ้าก็รอที่จะโดนตัดหัวได้เลย”
เอ้อโก่วคุกเข่าลงมาโขลกหัวให้เขาจริงๆ
ทำเป็นไม่ได้ยินเสียงร้องไห้ฟูมฟายของเขา กุ่ยเม่ยก้าวเดินออกจากลานตรงนั้นไป ยืมจดหมายลายพระหัตถ์ขององค์ชายสี่ บวกกับฐานะของโย่วหลีไปสืบเรื่องที่องค์ชายสามและองค์ชายเก้าจะมาที่นี่ กลับได้รู้ว่าที่พักขององค์ชายทั้งสองล้วนเตรียมการไว้แล้วที่ในหัวเมือง แต่ก็ทำให้กุ่ยเม่ยรู้สึกแปลกใจอยู่
สถานที่นี้ไม่มีใครที่จะปกป้องดูแลองค์ชายทั้งสองคน สองคนอาศัยอยู่ในเมืองแน่นอนว่าหากเกิดอะไรขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตามที่ตาย ก็ได้แค่บอกว่าเป็นไส้ศึกที่ปลอมตัวมาจากนอกแคว้นก็ได้แล้ว
นี่ก็เพื่ออะไรกันอีก
กุ่ยเม่ยสืบหาข้อมูลแต่ไม่เป็นผล แต่ละวันก็ได้แต่อยู่ข้างกายเป็นเพื่อนกู้อ้าวเวยและจางเหยียงซาน คอยช่วยเป็นลูกมือให้
เมื่ออากาศอบอุ่นแต่ยังเย็นอยู่ กู้อ้าวเวยจึงค่อยๆ ฟื้นตัวกลับมาได้ อีกทั้งยังแสดงตัวในฐานะนะเป็นศิษย์น้องคนเล็กของจางเหยียงซานไปเดินรอบร้านยาละแวกในเมือง ทุกวันหอบเอาของกินและยาสมุนไพรกลับมาไม่น้อยเลย ไม่มีความรับผิดชอบต่อตัวเองว่าตั้งท้องอยู่เลย
ขอบดำใต้ตาของจางเหยียงซานและกุ่ยเม่ยหนักขึ้นอีกเล็กน้อย
“เจ้ารู้ตัวหน่อยได้ไหม อย่าไปไหนมาไหนสุ่มสี่สุ่มห้า” จางเหยียงซานลากกู้อ้าวเวยกลับไปที่เบาะนุ่มๆ อย่างไม่พอใจ เมื่อมองไปดวงตาที่ไร้เดียงสาก็โมโห “แม้จะบอกว่าจริงๆ แล้วตั้งครรภ์ก็ต้องออกไปเดินสักหน่อย แต่ไม่ใช่ว่าออกไปเดินคนเดียวทั้งวัน เจ้ารู้หรือเปล่าว่าแค่สมุนไพรที่แช่เท้าตอนกลางคืนนั้นมีเท่าไหร่”
“ข้ายังเอาเงินไปไม่น้อยเลยทีเดียว” กู้อ้าวเวยส่งถุงเงินออกมาอย่างระวัง
อารมณ์โกรธของจางเหยียงซานติดอยู่ในลำคอกลืนไม่เข้าคายไม่ออก กุ่ยเม่ยเดินเข้ามาด้วยแววตาเหนื่อยล้า “ข้ารู้ว่าหมอที่ถนนนั้นเป็นพวกต้มตุ๋น ก็ให้ทหารไปสืบมาแล้วด้วย เจ้าไม่จำเป็นต้องเปรียบเทียบฝีมือแพทย์กับคนอื่น หากไม่ใช้องครักษ์ที่ข้างทางนั้นรั้งเอาไว้ คนผู้นั้นก็โผเข้ามาแล้ว”
กู้อ้าวเวยมองดูชายกระโปรงของตนเองที่เต็มไปด้วยฝุ่นไปหมด เท้าคางเอนพิงโต๊ะอยู่ครึ่งตัว “ตอนนั้นข้าจู่ๆ ก็โมโหมาก หลังจากนั้นก็เลยทำเช่นนี้”
“ข้าเบื่อผู้หญิงท้อง” จางเหยียงซานส่งเสียงคำรามอย่างรำคาญ และกระแทกประตูออกไปทันที
สองคนสบตากันอยู่ในห้อง คนหนึ่งยังคงยิ้มอย่างไร้เดียงสา กุ่ยเม่ยกลับรู้สึกว่าตอนที่นางท้องมันช่างชวนให้คนปวดหัวมากเสียยิ่งกว่าเด็กที่ไม่รู้จักผิดชอบชั่วดีบนถนนเสียอีก อันดับแรกเอาถุงเงินของนางผูกเข้าไปที่ช่วงเอวของนางใหม่อีกครั้ง “ได้ยินมาว่าพรุ่งนี้และวันมะรืน องค์ชายเก้าและองค์ชายสามจะมาถึงที่ชายแดนแล้ว อย่าก่อเรื่องวุ่นวายอีก”
“ข้าเป็นแค่ศิษย์น้องคนเล็กของจางเหยียงซาน ข้าชื่อว่าจางหมิงเย็น”
หายใจเข้าลึกๆ หนึ่งเฮือก กุ่ยเม่ยตัดสินใจไม่ถือสากับหญิงท้องที่อารมณ์ไม่แน่นอนขึ้นๆ ลงๆ คนหนึ่ง
มองดูกุ่ยเม่ยที่ผูกถุงเงินให้กับตัวเองอย่างตั้งใจ ปลายนิ้วของกู้อ้าวเวยลูบผ่านไปที่ท้ายทอยของกุ่ยเม่ยอย่างไร้ร่องรอย อีกทั้งถอนมือออกมาอย่างตกใจ เงยหน้าสบตาเข้ากับแววตาที่สงสัยของกุ่ยเม่ย “ทำไมหรือ”
“ข้าอยากไปเอาถ้วยน้ำชา” กู้อ้าวเวยถือโอกาสหยิบเอาถ้วมน้ำชามา
กุ่ยเม่ยก็ผูกถุงเงินให้อย่างดี ยืนขึ้นมา กลับได้ยินกู้อ้าวเวยเอ่ยปากถามว่า “เจ้าไม่ได้เอาเรื่องของข้าไปบอกคนอื่นใช่เปล่า”
ฝีเท้าหยุดชะงักไป ยากนักที่กุ่ยเม่ยจะเห็นนางจริงจังขึ้นมา “ทำไมถามเช่นนี้”
“ข้าเคยบอกแล้วว่าความลับก็คือทั้งหมด ข้าได้ยินมาจากที่ในโรงยาว่าแม่หญิงตู้มาที่นั่น แต่ไม่ได้ยินว่าเอ้อโก่วปรากฏตัวด้วย” กู้อ้าวเวยชิมน้ำชาที่ใส่ใบชาไปสองใบกับน้ำอุ่นเท่านั้น พูดด้วยเสียงหัวเราะว่า “แต่ข้าไม่รู้ว่าเจ้าบอกท่านแม่หรือว่าบอกซ่านจินจื๋อกันแน่”
“ข้าบอกท่านอ๋อง” กุ่ยเม่ยน้องครั้งนักที่จะโกหกกู้อ้าวเวย เขาลืมไปว่ากู้อ้าวเวยแต่ไหนแต่ไรมาไม่ใช่คนที่ทำเรื่องที่ไม่สำคัญ
ปลายนิ้วของกู้อ้าวเวยหดลงหากัน สิ่งต่างๆ ไม่ได้เป็นไปตามที่คาดไว้
“เทียบกับท่านแม่แล้ว เจ้าคิดว่าผู้ชายที่เคยทำร้ายข้าสามารถมอบความปลอดภัยให้ข้าได้หรือ” เลิกคิ้วขึ้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ข้าไม่อยากเจอเขามากจริงๆ แม้ว่าข้ารู้ว่าเขาจะไม่ทำร้ายข้าก็ตาม”
“แต่เขามีเหตุผลมากกว่าที่เจ้าคิดไว้มาก” กุ่ยเม่ยเดินกลับมาที่ข้างโต๊ะอีกครั้ง ไม่รู้จะทำเช่นไร “เมื่อท่านอ๋องปฏิบัติต่อคนคนหนึ่งด้วยความจริงใจ เขาจะให้อิสรเสรีแก้นาง และก็ยังแอบคอยปกป้องนางอยู่ในที่ลับอย่างดี ข้าเชื่อว่าท่านอ๋องจะไม่ปรากฏตัวต่อหน้าเจ้าเป็นแน่ แต่เขาก็เป็นพ่อของเด็ก มีหน้าที่ที่จะต้องปกป้องรักษาดูแลเจ้าและลูกของพวกเจ้าให้ดี”
“เจ้าอาจจะถูกก็เป็นได้” สีหน้าบนใบหน้าของกู้อ้าวเวยดูสับสนไปหมด แต่กลับไม่ได้โกรธ