บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 65
บทที่ 65 ใช้ใจเข้าหากัน
แม่ทัพเฉิงยังอยากสั่งคนให้ตามนางไป แต่คงจะเป็นไปไม่ได้
ซ่านจินจื๋อมองดูทั้งสองคนเดินเข้าไปในหมู่บ้าน เขาตามแม่ทัพเฉิงเข้าไปด้านใน คนด้านหลังก็ไม่รู้ว่าเกิดอไรขึ้น
กองทัพโล่เสียพื้นที่ส่วนมากก็อยู่ในน้ำหมด อยู่บนเรือเสียส่วนมากและแม้จะเป็นตอนกลางวันก็ยังจุดคบเพลิงไว้อยู่
กู้อ้าวเวยเลยต้องมัดหยินเอ่อไว้ด้านนอกและเดินเข้าไปด้านใน เซียวไห่ทำอะไรไม่ได้ แต่คนส่วนมากในกองทัพต่างก็รู้จักเซียวไห่ ต่างก็สงสียว่านางผู้นั้นเป็นใคร
เดินไปไม่กี่ก้าว กู้อ้าวเวยก็เห็นทหารที่เดินลงจากเรือมา ร่างกายผอมแห้ง นางรีบเดินเข้าไปดึงมือพวกเขามาตรวจชีพจร มองเขาและพูดว่า: “ทำไมร่างกายเจ้าถึงอ่อนแอเช่นนี้ หรือว่าที่นี้เลี้ยงอาหารพวกเจ้าไม่ดี? หรือว่ากินผลไม้น้อยไป?”
ทหารผอมแห้งคนนั้นตกใจนางมาก เห็นมือตัวเองยังถูกจับเอาไว้อยู่ก็หน้าแดงขึ้นมา ไม่กล้าพูดอะไร
“พระชายา ที่นี้มีแต่ผู้ชาย ทำไมท่านกล้าเช่นนี้ ถ้าท่านอ๋องรู้เข้าจะทำอย่างไร?”เซียวไห่รีบเดินเข้าไป ดึงนางกลับมา
ทหารรอบๆที่ได้ยินคำว่าพระชายาต่างก็รีบทำความเคารพกันใหญ่
กู้อ้าวเวยรีบมองเซียวไห่จากนั้นเซียวไห่ก็ดึงนางออกมาจากตรงนั้น ตลอดทั้งทางกู้อ้าวเวยกวาดสายตามองทหารทุกนาย ทุกคนต่างผอมแห้งแรงน้อยกันหมด
ทหารเช่นนี้จะไปสู้รบได้อย่างไร?
เซียวไห่พานางกลับมาหาซ่านจินจื๋อ จากนั้นซ่านจินจื๋อก็ดึงนางมาข้างตัวเองต่อหน้าแม่ทัพเฉิง: “อย่าเดินไปไหนอีก”
“เจ้าค่ะ”กู้อ้าวเวยพยักหน้า อยู่ข้างๆซ่านจินจื๋อและจับแขนเสื้อเขาไว้ ไม่พูดอะไรอีก แต่สายตานางกลับไม่หยุดกวาดมองรอบด้าน
นางไม่เคยเข้ามาในกองทัพเลย นิสัยก็กล้าๆไม่กลัวอะไร นางทำเช่นนี้ก็ไม่มีใครคิดว่าแปลก
แต่แม่ทัพเฉิงกลับเหงื่อแตกพราก สุดท้ายก็ให้พวกเขาพักอยู่ในลานเล็กๆ ภายในลานนั้นมีหกห้องนอน พวกเขานอนด้วยกันสองสามคนก็น่าจะพอ
แต่ตอนนี้ซ่านจินจื๋อและนางก็กำลังแสดงคู่รักที่รักกันมากก็จะแยกกันนอนไม่ได้
รอไม่มีคนแล้ว นางกับซ่านจินจื๋อก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม จากนั้นนางก็ไออย่างเขินอาย และพูดว่า: “เมื่อกี้ข้าเห็นทหารไม่น้อยที่มีร่างกายผอมแห้งแรงน้อย”
“เป็นเพราะอะไรกัน?”ซ่านจินจื๋อถามและนั่งลงไป
“พวกเขาไม่เคยหยุดซ้อม กล้ามเนื้อบนร่างกายก็มีอยู่ แต่สารอาหารที่พวกเขาได้รับนั้นไม่เพียงพอต่อการที่พวกเขาต้องซ้อมทั้งวัน และตลอดทั้งทาง ข้าเห็นทหารที่ป่วยแต่ก็ยังต้องทำงานอยู่มีเยอะมาก”นางก็พูดและนั่งลงไปข้างซ่านจินจื๋อ มองไปด้านนอกหน้าต่างและเห็นมีเงาคนอยู่ด้านนอก
ดูแล้วทหารลับของซ่านจินจื๋อคงไม่เคยห่างไปไหนเลย
“ป่วยแต่ก็ยังทำงานปกติงั้นเหรอ”ซ่านจินจื๋อทำมือไล่พวกเขาไป
“ถ้าเป็นข้าจะไม่ให้คนพวกนั้นทำงานข้างทะเลสาบอีก”กู้อ้าวเวยส่ายหัว ขมวดคิ้ว
ที่นี้ไม่เหมือนกับอนาคตเลย ที่นี้ถ้าป่วยหนักถ้าไม่มีหมออยู่ด้านข้าง พวกเขาก็อาจจะตายได้ ขนาดหมอด้านนอกยังรู้หลักการนี้ แพทย์ทหารในกองทัพจะไม่รู้ได้ยังไง
นางอธิบายคร่าวๆให้ซ่านจินจื๋อฟัง เห็นเขานั่งคิดอยู่นางก็พูดต่อว่า: “นอกจากว่าหมอที่นี้เป็นหมอปลอม ไม่ก็เพื่อให้พวกเจ้าเห็นภาพลักษณ์ที่ดีก็บังคับให้พวกนั้นทำงาน แต่เสียดายที่ข้ารู้การแพทย์ พวกเขาป่วยหรือไม่ ข้ามองไปก็รู้แล้ว”
“พรุ่งนี้ เจ้าก็ติดตามข้ามาด้วย”ซ่านจินจื๋อพูดจบก็นอนลงไปบนเตียง
กู้อ้าวเวยมองไปบนเตียงที่อ่อนนุ่ม ลังเลสักพักก็สั่งคนให้ตักน้ำมา อาบน้ำหลังที่บัง จากนั้นก็ใส่เสื้อผ้าและเช็ดผมที่เปียกให้แห้งข้างหน้าต่าง
นางทำเพื่อทหารพวกนั้นหรอกถึงได้มาช่วยซ่านจินจื๋อ เพียงแค่นี้
คิดเช่นนี้นางก็โล่งอก จากนั้นก็ห่าวและขึ้นไปนอนบนเตียง
ความมืดในยามราตรี ซ่านจินจื๋อลืมตาขึ้นมา เปิดหน้าต่างออก ทหารลับด้านนอกก็ก้มหัวรอรับคำสั่ง
“สืบเรืองราวในหมู่บ้านและบอกกับเซียวไห่เลย”
“พ่ะย่ะค่ะ”เงาดำนั้นก็พยักหน้าจากนั้นเขาก็หายไปในความมืด ซ่านจินจื๋อก็ปิดหน้าต่างและมองไปที่กู้อ้าวเวยที่ลับสนิท
พระชายาคนนี้ดีเหมือนกันนะ
เช้าวันต่อมา กู้อ้าวเวยตื่นขึ้นมาจากความฝัน ภายในห้องไม่มีใครอยู่แล้ว
นางบิดขี้เกียจ หมอนนั้นยังมีกลิ่นแปลกๆ นางดมเข้าไปก็ทำหน้าเหยเกทันที
ต้องเป็นเพราะกลิ่นของซ่านจินจื๋อแน่เลย แต่ไม่รู้ว่าทำไม
นางเดินลงจากเตียง ไปเปลี่ยนชุดจากนั้นนางก็ออกจากห้องไปทันที ยังเดินออกไปได้ไม่กี่ก้าว ก็เห็นซ่านจินจื๋อและแม่ทัพเฉิง ซ่านจินจื๋อเดินมาข้างนางและประคองนางเอาไว้พูดว่า: “ทำไมสีหน้าเจ้าซีดเซียวเช่นนี้? ไม่คุ้นชินก็สภาพอากาศที่นี้เหรอ?”
นางรีบตอบกลับไปว่า: “ก็นิดหน่อย ข้าจะไปหายาที่ห้องยากินเอง”
“พระชายากำลังป่วยอยู่ ก็รีบเข้าห้องนอนพักผ่อนก่อนเถอะพ่ะย่ะค่ะ เดี๋ยวกระหม่อมจะสั่งคนให้ไปเอายาเอง”แม่ทัพเฉิงเดินหน้าเข้ามาพูด
ซ่านจินจื๋อมองนาง ทำเป็นสัญญาณเตือน กู้อ้าวเวยก็เข้าใจและรีบเด้งตัวออกมาจากเขาพูดว่า: “ข้าเป็นหมอ ทำไมถึงต้องใช้คนไปหยิบยาให้ข้าด้วย! นี่มันหยามชื่อเสียงของตระกูลหยุนข้าชัดๆ!”
“เวยเอ่อ……”ซ่านจินจื๋อพูดชื่อนางและพูดต่อว่า: “กินข้าวก่อนค่อยไปก็ยังไม่สายนะ”
แม่ทัพเฉิงก็โล่งอกและสั่งคนพาพวกเขาทั้งสองไปห้องโถงกินข้าว
เขาก็เดินไปอีกทางด้วยท่าทางที่รีบร้อน
“ตอนนี้เขาคงไปทำอะไรในห้องยาแล้วล่ะ”กู้อ้าวเวยพูดเสียงเบาด้วยความไม่พอใจ
ซ่านจินจื๋อดึงนางเข้ามากอดไว้ คนด้านหลังก็ทยอยกันถอยออกไป ซ่านจินจื๋อก็พูดว่า: “ปัญหาคือแพทย์ทหาร เจ้าแค่ทดลองความรู้เรื่องวิชาแพทย์พวกนั้นก็พอ”
“แพทย์ทหารต้องมีปัญหาอยู่แล้วแต่ถ้ายามีเยอะ มันก็เป็นเงินเป็นทองอีก?”กู้อ้าวเวยไม่เข้าใจ ไม่ทันระวังว่าทั้งสองเข้าใกล้กันแล้ว นางยังเอามือทั้งสองข้างจับแผงอกเขาไว้อีก
“เมื่อคืนเฉิงซานตรวจสอบแล้วว่า ยาไม่มีปัญหาแต่เกิดปัญหาจากปัจจัยอื่น”ซ่านจินจื๋อพูดต่อ เขายิ้มมุมปากพูดเสียงดังว่า: “ไปกินข้าวก่อน อย่าโกรธไร้สาระเลย”
“เจ้านั้นแหละที่ไร้สาระ!”กู้อ้าวเวยมองเขาตาขวาง ไม่รู้ว่านางพูดจริงพูดเล่น