บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 666
บทที่ 666 ทั้งพ่อแม่ต้องทราบ
กำป้ายพกแน่น ลายเส้นประณีตบนนั้นเจียนจะประทับบนฝ่ามือของนางอยู่แล้ว
นิ่งเงียบเป็นนาน อ้ายจือจึงเงยหน้าขึ้นมามองทางกู้อ้าวเวย “ความช่วยเหลือที่ท่านพูดถึงก่อนหน้านี้ มีไว้เพื่อให้ข้าใช้กับเอ่อตาน?”
“มันขึ้นอยู่กับว่าเจ้าอยากจะได้ตำแหน่งทรงเกียรติ หรือว่าอยากได้ชื่อเสียงของครอบครัว” กู้อ้าวเวยหยิบหนังสือการแพทย์ข้างมือขึ้นมากวดสายตาอีกครั้ง ข้างมือยังมีถั่วลิสงปอกเปลือกวางอยู่
เดิมนางก็ไม่ใช่ผู้หญิงในยุคนี้อยู่แล้ว ย่อมไม่ได้มีความจงรักภักดีที่สตรีทุกคนพึงคิด หรือความภักดีโง่เขลาอย่างดื้อดึงเหมือนสตรีเหล่านี้อยู่แล้ว แต่ไรมาสถานที่ตรงไหนเหมาะกับนาง ก็ปักหลักอยู่ตรงนั้นเรื่อยมา
ทว่าอ้ายจือกลับยังคงกำป้ายหยกแน่น ครุ่นคิดวกไปวนมา
ภายในห้องกลับสู่ความสงบ เสียงฝนด้านนอกยิ่งดังขึ้นเล็กน้อย องครักษ์ในจวนกลับยังคงจับตัวศิษย์ที่กำลังเล่นน้ำฝนหลายคนเอาไว้ กู้อ้าวเวยทำเพียงให้คนมาเก็บกวาดห้องๆ หนึ่ง มองดูพวกเขาอย่างดี รอกระทั่งผู้ปกครองของพวกเขามารับ
ทว่าในใจดวงนี้ กลับมักรู้สึกว่าไม่ค่อยสงบอยู่เรื่อย
กู้อ้าวเวยมองไปนอกหน้าต่างอย่างสับสน และเหม่อลอยน้อยๆ
และที่หน้าประตูของจวนโจวแห่งนี้ กลับมีสองคนมายืนใต้ชายคาโดยอ้างว่าหลบฝน และนั่งจัดเรียงผลไม้หาบเร่ที่วางอยู่ พลางมองสำรวจคฤหาสน์ไม่เล็กไม่ใหญ่หลังนี้ไปด้วยอย่างแนบเนียน
ฝนครั้งนี้ค่อนข้างจะหนักไปหน่อย ตกติดต่อกันสามวันกว่าจะค่อยๆ มีเค้าของอากาศแจ่มใส
ปัจจุบันกู้อ้าวเวยยากจะปรับตัวเข้ากับสภาพครึ้มฟ้าครึ้มฝนไปเสียแล้ว จุดเตาอังไฟในช่วงใบไม้ผลิ บนหน้าตักวางหมอนอิงเป็นชั้นๆ เอาไว้ ส่วนอ้ายจือเชี่ยวชาญเรื่องพิษ กลับไม่ค่อยสันทัดด้านทฤษฎีทางการแพทย์เท่าใดนัก ยิ่งยากจะให้ความช่วยเหลือทำได้เพียงเลียนแบบการนวดก่อนหน้านี้ของซ่านจินจื๋อ ค่อยๆ ช่วยเหลือนาง
“อีกหน่อยเด็กกลุ่มนั้นก็จะมาแล้ว ดีขึ้นบ้างหรือไม่” อ้ายจือถามนาง
“ดีขึ้นมากแล้ว เพียงแต่รอสักพักข้าคงจะขยับไม่ได้แม้แต่ก้าวเดียวแน่ ประเดี๋ยวเจ้าค่อยให้คนไปสืบข่าวการเคลื่อนไหวของเอ่อตานสักหน่อย ข้าจะหาจังหวะเหมาะๆ ให้เจ้าออกไป” กู้อ้าวเวยพยักหน้า เรียวแขนข้างหนึ่งกลับเคาะลงไปที่ต้นขาอย่างมีจังหวะจะโคน ท่าทางเมื่อยล้า แต่ยังเจือความไม่เต็มใจหนึ่งเสี้ยว “ท้องโตแบบนี้ดูออกจะน่าเกลียดจริงๆ จู่ๆ ก็ไม่อยากคลอดลูกเอาดื้อๆ”
“ใครท้องแล้วไม่เป็นเช่นนี้บ้าง อีกอย่างท้องของท่านนับว่าเล็กมากแล้วนะ” อ้ายจือกลอกตาหนึ่งที ก่อนวางเรียวขาของนางลง
กู้อ้าวเวยบุ้ยปาก แต่ก็ไม่ได้เอ่ยคำ
ผ่านไปสักพักก็มีองครักษ์มาส่งนางนั่งในห้องศึกษาอย่างดี อ้ายจือชำเลืองมองเงาหลังของนางจากจุดไม่ใกล้ไม่ไกลนัก คอยฟังเด็กๆ และคนงานเหล่านั้นรวมกลุ่มกันตั้งคำถาม ในใจดูเหม่อลอยน้อยๆ
แต่ไหนแต่ไรมากู้อ้าวเวยไม่เคยคิดจะมีชีวิตเป็นบุรุษสักคนเลย
แต่นางกลับคิด
กำหมัดแน่นพลางจากไป เพิ่งจะหมุนกายก็พลันเห็นเงาคนหนึ่งคนเดินเข้ามาจากบริเวณประตูหลัง ปะทะกันหนึ่งที ผู้ชายที่ลุยดะหน้าเข้ามาดึงผ้าคลุมสีดำบนหน้าลง ตัดผ่านเฉลียงยาว เดินตรงมาคุกเข่าลงข้างกายกู้อ้าวเวย เด็กในละแวกนั้นถูกกู้อ้าวเวยบังคับให้เขียนอักษร นางกลับรินชายื่นให้เขาหนึ่งแก้ว “ซ่านจินจื๋อให้เจ้าทำอะไรแล้วบ้าง?”
“ท่านอ๋องเพียงแต่ให้ข้าสังเกตการณ์เคลื่อนไหวของล่ายเสวียน ถือโอกาสยืมปากข้าเสนอความคิดเห็นบางอย่างไปด้วย” กุ่ยเม่ยวางถ้วยชาว่างเปล่าลงบนผิวโต๊ะ กู้อ้าวเวยยัดทั้งกาเข้าในอ้อมแขนของเขาเสียดื้อๆ สบตากับเขาสักพัก กุ่ยเม่ยก็ยังดื่มน้ำอึกใหญ่จากกาเข้าไปอยู่ดี
“ตอนนี้ท่านยังคิดจะเปิดสำนักศึกษา ท่านอ๋องไม่ขวางท่านแล้ว?” กุ่ยเม่ยมองดูเด็กน้อยผู้ใหญ่ที่เขียนหนังสือกันอย่างเนืองแน่น อดหน้าแดงด้วยความละอายไม่ได้ หากที่นี่มีคนไม่ดีปะปนอยู่ด้วยควรจะทำอย่างไร?
“ต่อให้เขาคิด ข้าจะยอมให้เขาสมปรารถนาหรือ?” กู้อ้าวเวยหยิบกาน้ำขึ้นมา ก่อนก้มหน้างุด “ถ้าหากมีคนคิดจะลงมือกับข้าจริงๆ ข้าจะเปิดสำนักศึกษหรือไม่ พวกเขาก็ลงมืออยู่ดี แล้วไยข้าต้องนั่งดูดาย ไม่สู้ทำเรื่องที่ข้าอยากทำ วันข้างหน้าจะได้ไม่นึกเสียใจภายหลัง”
“ข้าเขียนจดหมายให้ฮูหยินและฝ่าบาทแล้ว” กุ่ยเม่ยค้ำไม้กระดานแล้วหยัดตัวลุกขึ้น ยืนกอดอกพิงเสาด้านหลัง “ข้าขวางท่านไม่ได้แน่นอน”
“ครั้งนี้เจ้าไม่ได้ปรึกษาข้า” ปลายนิ้วของกู้อ้าวเวยสั่นเล็กน้อย ก็ไม่รู้ว่าท่านแม่เห็นตนในสภาพนี้จะพูดอะไรบ้าง
กุ่ยเม่ยปราดสายตาคมกริบมองเข้าไป ออกจะไม่พอใจ “ครั้งนี้ไม่เหมือนกัน ท่านก่อเรื่องอีก ท่านอ๋องยินดีจะเก็บข้า”
“คนทรยศ” กู้อ้าวเวยเตะเขาเบาๆ หนนึ่งที “ไสหัวไปอาบน้ำ ถึงตอนนั้นหากข้าถูกด่าเจ้าก็อย่าคิดจะสุขสบายเลย”
“เหตุใดท่านถึงเรียนรู้การใช้มือใช้เท้ากับท่านอ๋องมาเสียแล้ว” กุ่ยเม่ยแสร้งถูกเตะจนล้มพับ ก่อนจะตะกายขึ้นมาแล้ววิ่งหนีไม่เห็นเงา ความเยียบเย็นบนใบหน้าเมื่อครู่ก็ถูกความเบาใจมาแทนที่
กู้อ้าวเวยก็พลอยหัวเราะขึ้นมาเบาๆ ก่อนจะสอนพวกเด็กๆ ต่อ
ในใจกลับอดสงสัยไม่ได้ ซ่านจินจื๋อห่วงใยตนเช่นนี้ แต่ตอนนี้นางท้องโย้ ต่อให้มีคนคิดจะทำร้ายนางจริงๆ ก็อยากให้เป็นศพตายทั้งกลมอย่างนั้นเชียวหรือ? อีกอย่าง ศัตรูความรักตัวฉกาจตอนนี้น่าจะยังคงนอนอยู่ในคุกตำหนักอ๋องจิ้งอย่างปลอดภัยแล้ว
นางคิดไม่ออกเรื่อยมา ซ่านจินจื๋อคิดอยากให้นางระวังใครกันแน่
……
หยุนหว่านตื่นแต่เช้าตรู่ เมื่อก่อนจะไปทานมื้อเช้าข้างกายฉูหลี่ แล้วค่อยไปง่วนกับธุรการตั้งถิ่นฐานของทิงเฟิงเก๋อ หรืออาจจะไปช่วยฉูห้าวแก้ไข้ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ แต่วันนี้กลับต่างออกไป
นกพิราบส่งสารถาปีกร่อนลงมาเกาะบนข้อมือของนางอย่างว่าง่าย กระบอกไม้ไผ่ข้างเท้าถูกพันด้วยด้ายแดงสองเส้น
นี่หมายความว่ากุ่ยเม่ยส่งข่าวกลับมา ถ้าเป็นวงกลมนั่นคือข่าวของฉูห้าวหรือไม่ก็กู้อ้าวเวย
ปลดกระบอกม้ไผ่เล็กๆ นี้ลงมา คราวนี้นกพิราบขาวขุ่นจึงสยายปีกโผบินขึ้นสูงตามการขยับเรียวแขนของนาง หลังจากบินฉวัดเฉวียนเหนือศีรษะสองรอบแล้วจึงค่อยๆ บินไกลลิ่วไปจากเรือนแห่งนี้ ฉูหลี่ที่ยังคงลอบอู้อยู่ในห้องมองเห็นการเคลื่อนไหวของพิราบส่งสารตัวนั้น ก่อนถาม “ของเวยเอ๋อหรือกุ่ยเม่ย?”
หยุนหว่านไม่พูดอะไรเลยสักแอะ ฉูหลี่กลับสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลอยู่ไรๆ ผ่านผ้าโปร่งสีดำนั่น
เดินอ้อมตะเข้ามา เพิ่งจะหยุดอยู่ข้างกายของหยุนหว่าน จดหมายฉบับนั้นกลับถูกตบเข้าที่หน้าอกของเขา “เวยเอ๋อท้อง! อีกไม่กี่เดือนก็จะคลอดแล้ว นางถึงขนาดไม่บอกอะไรพวกเราเลยสักอย่าง!”
สามประโยคนี้ราวกับสายฟ้าฟาดกลางอากาศแจ่มใสกระแทกลงกลางใจของฉูหลี่ติดต่อกันสามสาย ก่อนคลี่จดหมายออกอย่างคล่องไม้คล่องมือ ถึงแม้กุ่ยเม่ยจะไม่ได้กล่าวถึงรายละเอียดปลีกย่อย แต่แค่ดูก็รู้ว่าเป็นลูกของซ่านจินจื๋อ ขมับของฉูหลี่ปวดตุบขึ้นมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
ก่อนหน้านี้เขาไม่ควรเชื่อใจผู้ชายคนนี้เลย!
“ข้าจะไปหาซ่านจินจื๋อเดี๋ยวนี้…”
“ไปหาเขาก็ไม่มีประโยชน์ พวกเราควรดีใจที่ตอนนี้เวยเอ๋อยังอยู่ที่เอ่อตาน ปัจจุบันนางแบกภาระเรื่องของความเป็นอมตะเอาไว้เพียงลำพัง หากกู้เฉิงฉวยโอกาสมาลงมือกับนางอีกควรจะทำอย่างไรดี…” หยุนหว่านยิ่งพูดก็ยิ่งร้อนรน
กุมมือของหยุนหว่านเอาไว้เบาๆ ฉูหลี่ยังกังวลว่าคนอย่างกู้เฉิงจะลงมือทำเรื่องต่างๆ โดยไม่เลือกวิธีการขึ้นมาจริงๆ
“ข้าจะส่งคนไปดูแลนางเดี๋ยวนี้”
“ข้าจะนำคนไปด้วยตัวเอง” หยุนหว่านชักมือกลับ คว้าป้ายพกของฉูหลี่แล้วเดินไปข้างนอก ระดมกำลังพลทันที
มองดูฝ่ามือที่ว่างเปล่า สีหน้าของฉูหลี่หม่นลง
เมื่อไรฉูห้าวจะสืบทอดบัลลังก์เสียที!
เขาต้องเปลื้องเครื่องแบบฮ่องเต้นี้ออกเสียก่อน ถึงจะไปสั่งสอนเจ้าสัตว์ร้ายในคราบมนุษย์อย่างซ่านจินจื๋อคนนี้สักตั้ง!