บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 67
บทที่ 67 ร่องรอยของยาพิษ
“ทำไมถึงถูกฆ่าได้ล่ะ?”กู้อ้าวเวยถามด้วยความตกใจ
ตามหลักแล้วนางคิดว่าคนที่นี้จะโยนความผิดให้ใครคนใดคนหนึ่ง ไม่คิดว่าแม่ทัพเฉิงจะพูดเรื่องปีศาจขึ้นมา ทำให้นางกับซ่านจินจื๋อปวดหัว
“ว่าแล้วก็แปลก แพทย์ทหารคนนั้นก็กำลังรักษาแผลให้เขาอยู่ แขนขวาของทหารคนนั้นกระดูกหักเริ่มเกิดอาการบ้าขึ้นมา และไม่รู้ว่าทหารคนนั้นเอาแรงมาจากไหนแย่งดาบจากทหารข้างๆและฟันไปรอบข้างหลายครั้ง ทหารข้างๆก็ดึงไว้ไม่อยู่ ก็เลยต้องเห็นแพทย์ทหารคนนั้นตายไปต่อหน้าต่อตา”แม่ทัพเฉิงพูดถึงตรงนี้ สีหน้าก็ยิ่งแย่ลงไป
“มียาพิษบางชนิดที่ทำให้คนบ้าคลั่งได้ ทหารที่บ้าคลั่งคนนั้นอยู่ไหน? ข้าจะไปดูว่าเขาถูกพิษอะไร”กู้อ้าวเวยพูดต่อ
นางเชื่อและเคารพเรื่องปีศาจอยู่แล้ว แต่ถ้าฆ่าคน นางก็ไม่เชื่อว่าเรื่องพวกนี้มีจริง
แม่ทัพเฉิงทำสีหน้าลังเลอยู่นานจากนั้นก็พูดว่า: “พอฆ่าแพทย์ทหารเสร็จ ทหารคนนั้นก็ตายไปในคุกและฆ่าทหารเฝ้ายาทไปอีกด้วย”
“เรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ ทำไมไม่รายงานเบื้องบน?”กู้อ้าวเวยพูดต่อ
“เรื่องนี้จะพูดมั่วได้อย่างไรกัน ถ้าพูดเรื่องปีศาจในกองทัพก็จะเป็นโทษหนักอีก พวกเราว่าจะตรวจสอบเอง แต่ไม่คิดว่าแม่ทัพสามสี่คนก็ยังทำอะไรไม่ได้เลย พวกเราเลยจำเป็นต้องรายงานเรื่องนี้แก่เบื้องบน”แม่ทัพเฉิงมองไปที่ซ่านจินจื๋อและพูดว่า: “ที่จริงกระหม่อมอยากจะทูลเรื่องนี้กับท่านอ๋องตั้งแต่เมื่อวานแล้ว แต่ตอนนั้นมีคนมากเกินไป……เรื่องนี้ถ้าแพร่ออกไป……”
“ความหมายของเจ้าคือ เพื่อหน้าตาชื่อเสียงของกองทัพ เรื่องนี้ยังต้องแอบตรวจสอบงั้นเหรอ?”กู้อ้าวเวยมองไปทางซ่านจินจื๋อ เรื่องเกี่ยวกับความเป็นความตาย จะตรวจสอบแบบเปิดเผยไม่ได้เหรอ?
สำหรับเรื่องนี้แล้ว ซ่านจินจื๋อเห็นด้วยกับแม่ทัพเฉิง เขาพยักหน้าตอบ
ถ้าในกองทัพเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น ประชาชนก็จะนินทาได้โดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวกับภูตผีปีศาจ จะทำให้พวกประชาชนที่งมงายเรื่องนี้หลงเชื่อได้
กู้อ้าวเวยหุบปากและนั่งลง: “ของสิ่งนั้นเอาออกมาจากหมู่บ้านภูเขางั้นเหรอ?”
“ครับ แต่หมู่บ้านนั้นถูกเผาไปเกือบครึ่งแล้ว ไม่มีร่องรอยเลย ภายในกองทัพก็ไม่อนุญาตให้หมอผีมากำราบ ก็เลยยังไม่ได้ทำอะไรมาจนถึงตอนนี้”แม่ทัพเฉิงพูดจบก็เอาแผนที่ออกมาชี้ว่าหมู่บ้านนั้นอยู่ไหน
หมู่บ้านนั้นแม้จะถูกทำลายไปเมื่อหนึ่งปีก่อนแล้ว แต่ก็พึ่งสร้างมาสามสี่ปี ตอนที่ถูกเผาพื้นที่ก็ใหญ่พอสมควร พื้นที่อยู่ในป่าลึก
“ถ้าเป็นเช่นนี้ พวกเราก็ควรไป”ซ่านจินจื๋อพูดต่อ แม่ทัพเฉิงพยักหน้าอย่างตั้งใจ
กู้อ้าวเวยก็พยักหน้า แต่คิดว่าซ่านจินจื๋อต้องสั่งให้เซียวไห่พาคนไปตรวจสอบในหมู่บ้าน ยิ่งไปกว่านั้นเฉิงยีเฉิงเอ้อยังเคยเห็นระหว่างทางที่มา มาถึงที่นี้ก็เหมือนกับเฉิงซานที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย คิดว่าน่าจะกำลังตรวจสอบอยู่ที่นี้
“แต่วันนี้ก็ค่ำแล้ว……”แม่ทัพเฉิงมองออกไปนอกหน้าต่างเห็นพระอาทิตย์กำลังจะตกดิน
“พรุ่งนี้ค่อยไปเถอะ คืนนี้ข้าจะผสมยาก็ต้องรบกวนแม่ทัพเฉิงให้คนส่งของที่ข้าขอมาส่งให้ในห้องด้วย ข้าชอบผสมยาในห้องตัวเองมากกว่า”กู้อ้าวเวยส่งกระดาษให้แม่ทัพเฉิง
“พ่ะย่ะค่ะ”แม่ทัพเฉิงยิ้มก่อนจะสั่งคนไปเอามา
พอกินข้าวเสร็จ ทุกคนก็ต่างกลับไปในห้องตัวเอง เซียวไห่ถือเหล้าและอาหารมาในลานพวกเขา กู้อ้าวเวยกำลังผสมยาในห้อง
เป็นเพราะซ่านจินจื๋อคนเดียวที่พานางมาที่นี้ นางเลยไม่ได้เอาของอะไรมาด้วย ก็เลยต้องทำตอนนี้เพื่อระวังอันตรายไว้ก่อน
หน้าต่างเปิดออกก็สะดวกเวลานางคุยกับคนภายนอกโดยไม่ต้องเงยหน้า: “ห้องยาพวกนั้นเคยไว้ยาพิษ เวลานานแล้วกลิ่นที่อยู่ในห้องก็ล้างไม่ออก แม้จะอยู่ข้างทะเลสาบพวกนั้นก็ไม่กล้าทำลายตู้พวกนั้น”
วันนี้ตู้พวกนั้นมีกลิ่นแปลกๆ เป็นกลิ่นของยาพิษหลายชนิดรวมกันอยู่ในที่เดียว การวางไว้เช่นนั้นอาจจะทำร้ายคนที่อยู่ในห้องยานานๆก็ได้ เพราะยังไงยาพิษพวกนั้นก็ร้ายแรงพอสมควร
“ข้าก็ตรวจสอบมาแล้ว มีแพทย์ส่วนมากไม่เป็นวิชาแพทย์เลยด้วยซ้ำ ถูกซ่อนตัวไว้เป็นทหารและหมอที่อยู่ในห้องยานั้นต่างก็มีเบื้องหลัง เป็นเด็กที่มาจากตระกูลใหญ่และลูกขุนนาง อีกอย่างแม่ทัพที่นี้พอตรวจสอบออกมาแล้วทุกคนต่างมีเบื้องหลังหมด”เซียวไห่พูดเสียงเบา พูดเรื่องที่ตัวเองสืบมาได้ให้ซ่านจินจื๋อ
ตัวหนังสือบนกระดาษพวกนั้นทำเอาซ่านจินจื๋อปวดหัว
ดูแล้วเรื่องที่นี้จะวุ่นวายมากกว่าที่เขาคิดไว้ เขาก็ปวดหัวและพูดว่า: “หมู่บ้านละแวกนี้กลับสร้างขึ้นมาสามสี่ปีโดยที่กองทัพไม่รู้ เกรงว่าหมู่บ้านพวกนั้นจะมีความเกี่ยวข้องกับแม่ทัพที่นี้”
“ข้าก็คิดเช่นนี้”เซียวไห่ยิ้มและรินเหล้าพูดต่อว่า: “กองทัพที่นี้ไม่ธรรมดาเลย ยังมีที่ลับอยู่อีก พอตกดึกข้าจะส่งคนไปสืบดู”
“ไม่ต้องแล้ว”ซ่านจินจื๋อห้ามเขาไว้: “อย่าทำให้พวกนั้นรู้ตัวก่อน เวลายังมีอีกมาก ช้าๆไม่ต้องรีบ”
กู้อ้าวเวยยิ้มมุมปาก นำยาที่ผสมเสร็จเทลงไปในขวดแก้วและเก็บไว้ ทำเป็นยาเม็ดก็คงไม่มีเวลาแล้ว นางก็ทำยาเม็ดง่ายๆที่สามารถถอนพิษได้และพูดว่า: “งั้นพรุ่งนี้พวกเราควรไปดูที่หมู่บ้านนั้น”
“เซียวไห่เจ้าก็รับผิดชอบสืบเรื่องที่นี้ต่อ ระวังอย่าให้คนจับได้”ซ่านจินจื๋อพูดต่อ
เซียวไห่พยักหน้าและมองไปทางกู้อ้าวเวย: “ท่านอ๋องที่แท้แล้วก็อย่าพาพระชายามาอยู่ข้างกาย ไม่คิดว่าพระชายาจะฉลาดเช่นนี้”
“ถ้าข้าโง่ เข้าตำหนักวันที่สองก็คงตายไปแล้ว”กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างภาคภูมิใจ
ซ่านจินจื๋อมองไปที่กู้อ้าวเวยที่ยุ่งอยู่กับการผสมยา ในใจกลับมีความรู้สึกแปลกแทรกเข้ามา
เซียวไห่ก็อึ้งและดื่มเหล้าต่อไป
มีแต่กู้อ้าวเวยที่คิดว่าตัวเองพูดความจริง ไม่มีอะไรผิด ผสมยาตัวเองต่อไป ก่อนที่เซียวไห่จะไปนางยังส่งยาให้เขา ไม่รอซ่านจินจื๋อพูดกับนาง นางก็รีบหาข้ออ้างออกไปด้านนอก: “ข้าจะไปให้อาหารหยินเอ่อ”
ซ่านจินจื๋อเลยไม่ได้พูดอะไรเลย
ซ่านจินจื๋อมองนางหายออกไปในห้องก็ส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
เขาดูถูกกู้อ้าวเวยมากไป ถึงเวลาที่ควรพูดคุยกับนางอย่างจริงจังแล้ว ต่อไปจะได้ไม่ต้องเจอกันก็ทะเลาะกันอีก แม้จะเป็นแค่เพื่อนก็ยังดี
และอีกฝั่งกู้อ้าวเวยเดินเข้าไปหาหยินเอ่อ
นางลูบหัวหยินเอ่อเบาๆกลับได้ยินเสียงผู้ชายด้านหลัง: “สาวงามที่ไหนเนี่ย?หึๆ”