บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 673
บทที่ 673 โชคชะตาแกล้งคน
เสียงฝนตกดังจนกลบเสียงพูด กู้อ้าวเวยไม่ได้ขยับอะไร
นิ้วมือลูบผ่านโต๊ะนางแอบทิ้งรอยเอาไว้ นางยักคิ้ว “ในเมื่อพวกเจ้าฆ่ากุ่ยเม่ยแล้ว ข้าและชีวิตของลูกข้าก็ไม่ต้องเก็บเอาไว้แล้ว”
วินาทีต่อมาหยุนอี้ก็ไหลออกจากแขนเสื้อมาที่ฝ่ามือ ฝ่ามือเป็นรอยแดงยาว
พวกกองทัพดำยังไม่ทันได้ลงมือ รอยคมของมีดหยุนอี้ก็จ่อไปที่คอของกู้อ้าวเวยแล้ว เลือดค่อยๆไหลลงมาทีละหยดสองหยดส่วนนางก็ยังคงเงยหน้าชูคอ “เอาคนที่พวกเจ้าทำร้ายมาอยู่ตรงหน้าข้าให้หมด ถ้าข้ารักษาชีวิตของพวกเขาเอาไว้ได้หมดข้าจะไปกับพวกเจ้า”
“สถานการณ์เช่นนี้เจ้าไม่มีสิทธิ์มาต่อรอง”
“งั้นพวกเจ้าก็รอแค่พริบตาเดียว ชีวิตของข้าก็จะหมดลงทันที”
“รอก่อน” กองทัพดำขยับไปมาสองคนหลังอยู่ท่ามกลางสายฝน นำองครักษ์ที่ถูกฆ่าเมื่อครู่เข้ามา กู้อ้าวเวยมองตามไปที่คนพวกนั้นแล้วขมวดคิ้วขึ้น
ที่พวกเขาเดินผ่านเมื่อครู่ก็คือที่ที่ซ่งหลี่เอ๋อร์เห็นว่ามีของอะไรตกลงมา
ในใจของนางก็พอจะรู้แล้วว่าสภาพของกุ่ยเม่ยคงแย่มากในตอนนี้ คนพวกนี้อันตรายนัก และคิดจะเอาเรื่องพวกนี้มาทำให้นางเสียขวัญ แต่น่าเสียดายต่อให้นางยังไม่ได้ข่าวจากซ่านจินจื๋อนางก็ไม่เชื่อคำพูดพวกนี้หรอก
กองทัพดำตรงหน้ามีจำนวนประมาณยี่สิบกว่าคนได้ กู้อ้าวเวยยักคิ้ว “พวกเจ้าต้องการอะไรข้าสามารถให้พวกเจ้าได้”
“พวกเราแค่อยากพาเจ้าไป”
ในขณะที่พวกเขากำลังตอบ กุ่ยเม่ยได้ถูกโยนเข้ามาในห้องหนังสือ บาดแผลที่ขาเห็นกระดูกโผล่ออกมา แขนข้างหนึ่งเบี้ยว กู้อ้าวเวยพึ่งจะเดินเข้าไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง คนทางนั้นก็ยกมือขึ้นมาขวางไว้ “พวกเราพาเขามาแล้ว พวกเราไว้ชีวิตหมอสองคนที่อยู่หลังเรือนแล้ว”
“ดูท่าพวกเจ้าคงสืบมาดีแล้ว” กู้อ้าวเวยเดินไปข้างหน้าสองสามก้าว คนข้างๆก็รีบแย่งหยุนอี้จากมือนางไปทันที แล้วเอามือของนางทั้งสองข้างไปไว้ข้างหลัง “เจ้าขัดขืนนาน ทางรอดของเขาก็สั้นลง”
นางกัดฟันแน่นกู้อ้าวเวยไม่กล้าแม้แต่จะขัดขืน
ส่วนดาบที่มือของพวกกองทัพดำได้จ่อไปที่บาดแผลของกุ่ยเม่ยแล้ว กู้อ้าวเวยได้แต่มองดูเลือดที่ไหลออกมาจากปากและจมูกของกุ่ยเม่ย มือของเขาที่พยายามจะยกขึ้นมาหลายครั้งแต่ก็ยกไม่ขึ้น
คนพวกนี้ไม่ใช่ว่าวรยุทธจะสูงส่ง
แค่ที่นี่มีคนน้อยมากแค่นั้นเอง
ในขณะที่กำลังวุ่นวายอยู่ ก็ได้ยินเสียงของเฒ่าแก่และคนรับใช้เสี่ยวเอ้อดังมาจากประตูใหญ่ เสียงเรียกนั่นดังมาพร้อมกับเสียงฝน ราวกับกำลังถามว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น และรวมไปถึงเสียงเรียกชื่อของซ่งหลี่เอ๋อร์
“เฒ่าแก่……..”
ยังไม่ทันได้เรียกออกมา กู้อ้าวเวยก็รู้สึกตามืดแล้วสลบไป
กองทัพดำรับนางเอาไว้ แล้วพานางออกไปก่อนที่คนนอกจะเข้ามา
ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเพียงแค่ฟ้าผ่า ซ่งหลี่เอ๋อร์นั่งอึ้งมองดูไปที่รอยที่กู้อ้าวเวยทิ้งไว้บนโต๊ะ มีเพียงคำว่าอื่นไม่มีอะไรอีกเลย
ฝนนอกหน้าต่างยังคงตกอยู่ ถ้าไม่ใช่เพราะเฒ่าแก่อยู่บนชั้นสองของตึกมองเห็นว่ามีเงาดำตกลงมา ไม่เหมือนว่าจะเป็นเพราะฝนทำให้ตกลงมา รอยเลือดที่อยู่ในจวนโจวไม่ใช่ว่าฝนจะชำระล้างได้ เขาใจเต้นแรง คนรับใช้นอนกองพื้นระเบียง
“เร็ว รีบไปแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้คนไปแจ้งความให้ส่งทหารมา”
เฒ่าแก่ร้องเสียงดัง ตะโกนเรียกชื่อของหลี่เอ๋อร์เข้ามาข้างใน เดินผ่านห้องโถงไปทางห้องหนังสือ ก็เห็นคนที่ฮูหยินเรียกว่าพี่ชายนอนกองอยู่ที่พื้น ส่วนซ่งหลี่เอ๋อร์กำลังห้ามเลือดที่บาดแผลให้เขา พอเห็นท่านพ่อก็ร้องไห้ออกมา “ท่านพ่อ..”
คนรับใช้เสี่ยวเอ้อสูดลมหายใจ เฒ่าแก่เช็ดน้ำฝนที่หน้าตนเอง ลูกสาวถอดเสื้อคลุมออก ทำได้เพียงกดแผลเอาไว้ มือทั้งสองข้างสั่น “รีบไปตามหมอมาเร็วเข้า เขาบาดเจ็บหนัก…..”
พูดยังไม่ทันจบ สายตาของกุ่ยเม่ยมองไปมาแล้วพยายามเปิดกระเป๋าเสื้อออก เอาขวดหยกที่แตกแล้วออกมา เฒ่าแก่รีบยื่นมือเข้าไปหยิบขึ้นมา ยาเม็ดหนึ่งกลิ้งออกมาตกลงที่พื้น ถูกมือข้างหนึ่งของกุ่ยเม่ยกุมเอาไว้ เหลือไว้เพียงแค่คำพูดประโยคเดียว “นี่คือ……ช่วยด้วย……..”
เฒ่าแก่รู้รีบนำยาเข้าปากเขาทันที แล้วนำน้ำในห้องมาให้เขากินตามหลัง
“เฒ่าแก่ ด้านหลังเรือนยังมีคนถูกมัดอีกสองคน เหมือนว่ายาจะถูกเอาไปจนหมดด้วย” คนรับใช้เสี่ยวเอ้อพยุงอ้ายจือเดินเข้ามา
ทั้งสองคนก็สภาพแย่พอๆกัน อ้ายจือพอเดินเข้ามาในห้องก็ล้มลงทันที เจ็บปวดมาก
คนพวกนี้เหมือนจะระวังตัวกันมาก รอมานาน และไม่คิดที่จะไว้ชีวิตกุ่ยเม่ย
“ยาของข้า ถูกโยนไปที่กองหญ้าแห้งๆแล้ว” อ้ายจือพยุงซ่งหลี่เอ๋อร์ลุกขึ้น อยู่ต่อหน้าหญิงสาวที่อ่อนโยนเช่นนี้ อ้ายจือพูดขึ้นว่า “รีบไปแจ้งทางการ ไม่ต้องเอาเรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่ไปบอกชาวบ้าน ……. ทุกคนไม่ต้องออกไปไหน ที่นี่ปลอดภัยที่สุด”
“รีบปิดประตู พวกเจ้ารีบออกไปพาคนที่อยู่ด้านนอกเข้ามาให้หมดหาไม้มาด้วย” เฒ่าแก่พยักหน้า ตอนที่เข้ามาเขาก็ไม่เห็นกู้อ้าวเวยแล้ว ส่วนซ่งหลี่เอ๋อร์พูดอะไรไม่ชัดเจน แต่ก็รู้ว่าคนพวกนั้นคงเห็นหน้าของซ่งหลี่เอ๋อร์แล้ว ถ้าพวกเขากลับมาฆ่าคนอีกครั้ง ทีนี้คงยากแล้ว
ทุกคนต่างพากันยุ่ง
อ้ายจือเองก็ทำอะไรไม่ได้มาก เอาป้ายที่กู้อ้าวเวยเคยให้ตนเองเอาไว้ให้เฒ่าแก่ “ให้พวกเขา ให้พวกเขารีบมาทันที”
เฒ่าแก่มือสั่นให้คนเข้ามากดห้ามเลือดของกุ่ยเม่ย มองดูผิวของป้ายตาเบิกกว้างทันทีราวกับตาจะหลุดออกมา
อ้ายจือพิงที่เก้าอี้แล้วเอายาเข้าปากทันที แล้วเอนตัวลง ก้มอยู่ข้างๆกุ่ยเม่ยมือข้างหนึ่งกดไปที่ไหล่ของเขาแล้วพูดขึ้นว่า “นางไม่เป็นอะไรหรอก”
กุ่ยเม่ยขมวดคิ้วอยากจะจับมืออ้ายจือแล้วลุกขึ้นมา
“กดเขาเอาไว้ ไม่เช่นนั้นเขาจะต้องตาย” อ้ายจือเอามือปิดปากไอไปสองสามครั้ง ในมือมีรอยเลือดออกมา ร้อนแสบที่บาดแผล
เวลานี้นางรู้สึกโชคดีที่นางและจางเหยียงซานยังไม่เป็นอะไรมาก
ในระยะเวลาสองชั่วยามจวนโจวทั้งจวนกลับมาอยู่ในสภาพปกติ ส่วนฝนนั้นก็ยังคงตกหนักอย่างไม่หยุดเหลือไว้เพียงเสียงฝนตกและเสียงฝีเท้าของม้าที่วิ่งเข้ามา
คนไม่น้อยต่างพากันเปิดหน้าต่าง เห็นเพียงเกาะเงินที่อยู่บนตัวพวกเขาเท่านั้น
ส่วนกุ่ยเม่ยที่ไม่กล้าแม้แต่จะหลับตาพิงอยู่ที่โต๊ะมองดูสายฝนที่นอกหน้าต่าง ได้ยินเสียงผลักประตูดังมาแต่ไกลรวมไปถึงเสียงฝีเท้าที่ดังเป็นจังหวะเหมือนถูกฝึกมาอย่างดี เขากำหมัดเอาไว้แน่นมองดูอ้ายจือที่อยู่ข้างๆโต๊ะ แววตามีรอยน้ำตา…….
“ข้าควรเอาเรื่องนี้บอกพวกนางก่อน……”
“ถ้าจะโทษก็โทษกู้อ้าวเวยที่มั่นใจเกินไปแล้ว” อ้ายจือยิ้มแล้วเอาผ้ายัดเข้าไปในปากของเขา มีดในมือค่อยๆกรีดเข้าไปที่แผลและกระดูก พร้อมกับพูดขึ้นว่า “ทุกอย่างเป็นเพราะโชคชะตาแกล้งคน”