บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 676
บทที่ 676 หลอกยาก
ข้างๆหูมีเสียงดังขึ้น ทำให้นางนอนไม่หลับ
กู้อ้าวเวยตื่นขึ้นมาในรถม้า มีเสียงพูดดังเหมือนอยู่ใกล้เหมือนอยู่ไกลและเสียงรถม้าทำให้นางรู้สึกว่าถูกยาสลบป้ายที่ตา และรู้สึกไม่ค่อยสบายที่ท้อง นี่ทำให้นางรู้สึกว่าฤทธิ์ยายังไม่หมดและตื่นขึ้นมามันคืออะไรที่น่าปวดหัวมาก
หญิงสาวที่อยู่ข้างๆพบว่านางแปลกๆจึงได้พยุงนางขึ้นมาแล้วใช้เท้าข้างหนึ่งแตะไปที่รถม้า ทำให้เห็นท้องฟ้าสีครามและใบไม้สีเขียว และยังมีลมเย็นๆที่ทำให้กู้อ้าวเวยรู้สึกสดชื่น
“ช้าๆหน่อยพวกเราไม่จำเป็นต้องรีบร้อนนางตื่นแล้ว”
“ทำตามแผนที่วางไว้”
“ไม่ต้องทำอะไรที่มากกว่านั้น…….”
คนในรถม้าและนอกรถม้าเหมือนกำลังคุยอะไรกันอยู่ กู้อ้าวเวยฟังไม่ได้ความ นางจำได้ว่ายาสลบนี้เหมือนอยู่ในผลไม้อะไรสักอย่าง ดังนั้นนางถึงได้รู้สึกไม่ค่อยชัดเจน มีเพียงแค่ตอนที่ค้าร้ายอยากให้นางตื่นนางถึงตื่นได้เท่านั้น
พวกเขาตั้งใจ
เพื่อไม่ให้นางคิดหาวิธีหายาแก้ยาสลบนี้ รวมไปถึงสายตาที่พร่ามัวมองไม่ออกว่าใบไม้พวกนี้เป็นชนิดไหน แล้วอยู่ที่ไหนของแคว้นเอ่อตาน
หัวที่ปวด หญิงสาวข้างๆพูดขึ้นอีกครั้งว่า “พวกเจ้าให้ยานางเยอะเกินไปแล้ว ตอนนี้นิ่งไปแล้ว พวกเราต้องไปให้ถึงก่อนฟ้ามืด ไม่ต้องก่อกวนคนอื่น เปลี่ยนเสื้อผ้าของพวกเจ้าให้หมด ท้ายสุดเอายามาให้หน่อย”
เรื่องราวต่อจากนั้นกู้อ้าวเวยจำได้แค่เหมือนมีคนเอาน้ำให้นางดื่มแค่นั้น
หวานๆคุ้นชิน นุ่มๆเข้าสู่เนื้อ ค่อยๆทำให้เด็กในท้องของนางสงบลง
ครั้งที่สองที่ตื่นมานางรู้สึกแค่ว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้คือฝันไป นางนอนอยู่บนเตียง เสียงนกยูงร้องอยู่นอกหน้าต่าง เท้ายังคงถูกโซ่ล่ามเอาไว้ เหมือนกับห้องที่อยู่ก่อนหน้านี้เลย
การวางของในห้อง ตู้หนังสือรวมไปถึงหน้าต่างที่ค่อยเปิดออก แค่ไม่มีฝนตก ใบไม้พวกนั้นแค่ถูกลมพัดไปมา ไม่เหมือนก่อนหน้านี้ที่ถูกฝนสาดใส่ไปร่วงลงมา
ประตูถูกเปิดเหมือนก่อนหน้านี้ หญิงสาวเดินเข้ามาแล้วก้มลง “ฝ่าบาทในเมื่อท่านตื่นแล้วงั้นให้ข้าพาท่านออกไปเดินเล่น”
“ซ่านเซิ่งหานขังข้าเอาไว้ที่นี่เพื่ออะไรกัน” กู้อ้าวเวยที่นั่งอยู่บนเตียงยื่นมือออกมาจับไปที่คางของหญิงสาว ปลายนิ้วลูบไปที่ริมฝีปากของนาง เหมือนกำลังข่มขู่ “บนตัวเจ้ามีรอยเปื้อนดินและกลิ่นของหญ้า ดังนั้นพวกเราเปลี่ยนที่แล้วใช่ไหม”
ปลายนิ้วของหญิงสาวที่วางอยู่บนพื้นกำลังสั่นริมฝีปากขาวสั่นพูดไม่ออกสักคำ
นางเดาออกได้อย่างไร
“ในเมื่อพวกเจ้าจัดการที่นี่ให้เหมือนกับที่นั่นได้อย่างเหมือนกัน ขนาดหน้าต่างยังเปิดออกนิดหน่อย แต่ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้” กู้อ้าวเวยปล่อยคางของนางทิ้ง แล้วขึ้นไปนั่งบนเตียง “เจ้ารู้ไหมว่าต้นไม้ข้างนอกนั่นของที่นี่กับที่นั่นไม่เหมือนกัน”
พูดจบคนอื่นๆของกองทัพดำก็เดินเข้ามา
ในนั้นมีชายคนหนึ่งเดินเข้ามาพูดขึ้นว่า “ผู้หญิงคนนี้น่ากลัวเกินไปแล้ว พวกเราจงรักภักดีต่อนายท่าน ก็ต้องกำจัดผู้หญิงคนนี้เสีย”
“นางเคยช่วยนายท่านเอาไว้ พวกเราแค่ดูแลนางดีๆ นางอาจจะช่วยนายท่านได้” มีชายคนหนึ่งที่ไม่พอใจแล้วพูดตำหนิขึ้น แล้วเข้ามาคุกเข่าต่อหน้านางด้วยความเคารพแล้วพูดกับกู้อ้าวเวยเบาๆว่า “ฝ่าบาทวันนี้ท้องฟ้าสดใสท่านต้องการจะออกไปเดินเล่นไหม”
มีคนอยู่ มีคนออกไป
หญิงสาวที่คุกเข่าตรงหน้ากู้อ้าวเวยได้แต่รอให้คนข้างหลังตัดสินใจอย่างเงียบๆ สุดท้ายถึงได้เงยหน้าขึ้นมา “ฝ่าบาทนายท่านของพวกเราไม่ได้อยากที่จะทำร้ายท่าน แต่เมื่อเทียบกับแคว้นเอ่อตานแล้วท่านควรไปอยู่ในที่ที่ปลอดภัย”
“หลังจากนั้นก็ลงมือกับกุ่ยเม่ย” กู้อ้าวเวยตาแดงพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือออกมา เขาไม่เคยเจอกุ่ยเม่ยอยู่ในสภาพที่แย่ขนาดนี้เลย ยิ่งคิดไม่ถึงว่ากุ่ยเม่ยจะเข้าไปติดกับพวกเขาเพียงเพราะหวังดี
“เขาจะขัดขวางพวกเราในการพาตัวท่านมา” หญิงสาวยังคงมีสีหน้าที่แน่นิ่ง “ยิ่งไปกว่านั้นไม่นานสายสืบของกู้เฉิงก็จะต้องตามมา ส่วนคนของฮูหยินหว่านเองก็กำลังเดินทางไปที่จวนโจว พวกเราทำอะไรไม่ได้ถึงได้พาท่านหนีมา นอกจากท่านยังอยากอยู่ที่จวนโจว รอให้กู้เฉิงมาตามหาพวกเจ้าสองแม่ลูก”
สายสืบของกู้เฉิง…ตั้งแต่เมื่อไหร่
กู้อ้าวเวยมองดูนางด้วยความสงสัย นานอยู่พักหนึ่ง “ให้เขามาเจอข้า”
“ตอนนี้นายท่านถูกขังอยู่ในคุก และถ้าข่าวของเราไม่ผิดพลาดอ๋องจิ้งกำลังส่งคนไปตามฆ่าซ่านต้วนเฟิง “นายท่านเชื่อใจท่านมาก ดังนั้นจึงให้พวกเราคอยคุ้มกันท่าน ครั้งนี้นายท่านถูกขังไว้ พวกเราจึงได้ทำตามแผนที่พวกเราวางเอาไว้พาท่านมาที่นี่ อยู่ที่นี่ไม่มีคนเจอท่านแน่”
ได้รับข่าวจากชายแดนแคว้นชางหลานจริงๆ
แต่เรื่องราวไม่ได้ง่ายขนาดนั้น แต่กลับไม่มีคำอธิบายที่ดีไปกว่านี้
นางสับสนลังเลอยู่นานจนหญิงสาวปลดโซ่ที่เท้าของนางออก แล้วค่อยๆเอารองเท้ามาสวมใส่ให้เท้าของนางที่มีรอยแดง “เดินเล่นตากแดดหน่อย ดีกับท่านเมื่อถึงเวลาคลอดลูก”
“พวกเจ้าไม่ไปช่วยนายท่านของพวกเจ้าหรือ” กู้อ้าวเวยยืนขึ้นจากการพยุงของนาง ท้องที่หนักแน่นทำให้นางยืนได้ไม่ค่อยตรง
“พวกเราฟังคำสั่งของนายท่านคือให้คุ้มครองท่านและรักษาความลับ” หญิงสาวยิ้มแล้วก้มหน้าลง พยุงนางเดินฝ่าผู้คน เดินมาถึงตรงกลางของเรือน มีดอกไม้และต้นไม้เล็กๆ แต่คนที่เดินผ่านไปมาล้วนเอาผ้าดำปิดหน้าหมดมีเพียงดวงตาเท่านั้นที่โผล่ออกมามองดูพวกนาง
คำสั่งของซ่านเซิ่งหาน เหตุผลนี้สำหรับคนพวกนี้แล้วสมเหตุสมผลดี
ตอนนี้ไม่มีเวลาไปคิดอะไรมากมาย แค่ที่พวกนางทำร้ายกุ่ยเม่ยแค่นี้ก็ทำให้นางไม่อาจเชื่อพวกนางได้แล้ว แต่ความรู้สึกนึกคิดกลับบอกนางว่า บางทีซ่านเซิ่งหานอาจจะทำแบบนี้ก็ได้
“ข้าอยากจะออกไปเดินเล่น” กู้อ้าวเวยพูดขึ้น แล้วก็หยุดเดิน
ก้อนหินที่เท้าของนางนิ่ง บนท้องฟ้าไม่มีแม้แต่ฝุ่น ขนาดว่ามุมระเบียงทางเดินก็ยังไม่มีฝุ่น ก่อนที่นางจะมาที่นี่ ที่นี่ต้องมีคนอยู่ทำความสะอาดแน่
“ร่างกายของท่านไม่ค่อยสะดวก ท้องไม่ค่อยแข็งแรง” หญิงสาวข้างๆจับแขนของนางเอาไว้แน่น “พรุ่งนี้ข้าจะไปเชิญหมอในเมืองมาดูอาการให้แต่ถ้าท่านคิดจะทำอะไรพวกเราจะฆ่าหมอคนนั้นเสีย”
“นี่คือการคุ้มครองปกป้องของซ่านเซิ่งหานหรือ” กู้อ้าวเวยเม้นปาก แล้วผลักมือของหญิงสาวออก ได้แต่เอามือพยุงท้องแล้วเดินกลับมา “ข้าไม่ต้องการหมอ ข้าจัดการทุกอย่างเองได้พวกเจ้าแค่หาหมอตำแยให้ได้ก็พอ”
หญิงสาวยืนอยู่ที่เดิมแล้วส่งสายตาไปให้คนอื่น แล้วรีบเดินตามไป
อยู่ในที่ที่กู้อ้าวเวยมองไม่เห็นพูดไม่ได้ยิน คนกองทัพดำก่อนหน้านี้ที่ไม่ชอบกู้อ้าวเวยก็กลับมาอยู่ในสภาพปกติ แต่เพียงแค่รวมตัวอยู่ด้วยกัน “ฝ่าบาทท่านนี้ฉลาดเกินไปแล้วจริงๆ แต่แผนการของพี่เฟิงฉีนเองก็ใช้ได้”
“ไม่ต้องพูดแล้ว นางพึ่งจะเชื่อว่านายท่านอยากจะปกป้องนาง แต่ไม่ใช่อยากจะแย่งนางไป” มีคนพึ่งขึ้นก่อน มีคนพูดเสียงต่ำ “ฝ่าบาทฉลาดเกินไปแล้ว พวกเราต้องระวังตัวให้มาก”