บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 68
บทที่ 68 หมู่บ้านศักดิ์สิทธิ์
ค่ำที่ที่ไร้แสงมีดวงดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้า ภายใต้แสงจันทร์ที่สาดส่องลงมา กู้อ้าวเวยกลับเห็นได้ชัดว่าชายผู้นั้นใส่เสื้อเกราะไว้เหมือนทหาร
คนผู้นี้เหมือนจะเป็นแม่ทัพ
นางลูบหยินเอ่อเบาๆจากนั้นก็หันกลับไปมอง แม่ทัพร่างอ้วนท่วมเดินเข้ามาหานาง กลิ่นเหล้านั้นทำเอานางปวดหัว
“ไม่คิดว่าอยู่ที่นี้จะได้เจอหญิงงามด้วย เจ้ากลับขึ้นเรือไปกับผมไหม ไปทำอะไรสนุกๆกัน……”ชายร่างอ้วนท่วมคนนั้นเดินเข้ามาใกล้ กู้อ้าวเวยรีบถอยหลังและปัดมือเขาออก
“อย่ามาแตะข้า”นางบีบจมูกตัวเองไว้ วิ่งไปหลบหลังหยินเอ่อ แอบเอายาที่ตัวเองพึ่งผสมเสร็จกำไว้ในมือ
“ไม่คิดว่าเจ้านิสัยแย่เหมือนกันนะ ที่นี้เป็นกองทัพ เจ้าเป็นผู้หญิงกลับแอบเข้ามาในนี้ อยากจะ……”ชายผู้นั้นเดินเข้าไปใกล้อีก แต่พอพูดจบก็มีเงาอยู่ตรงหน้าเขา
คนผู้นั้นถูกเงาดำนั้นรวบตัวไว้ ข้างเอวมีดาบสองอัน ข้อมือยังมีดสั้น ในมือก็ถืบดาบยาวเอาไว้ เวลาต่อมาดาบเล่มนั้นก็อยู่ที่คอชายอ้วนคนนั้นแล้ว
ชายอ้วนคนนั้นสร่างเมาทันทีไม่กล้าขยับตัว
“เจ้าเป็นคนของท่านอ๋องเหรอ?”กู้อ้าวเวยถามเสียงเบา เดินออกมาจากหลังของหยินเอ่อ
ชายผู้นั้นพยักหน้า เขาไม่พูดอะไรแต่กลับเพิ่มแรงบนมือ ทำเอาชายอ้วนคนนั้นเข่าอ่อน
กู้อ้าวเวยเดินเข้าไปดึงมือเขาไว้ สัมผผัสได้ถึงกล้ามเนื้อที่กำยำแต่นางก็พูดต่อว่า: “เขาก็แค่แมทัพทั่วไป ปล่อยเขาไปเถอะ พรุ่งนี้เขาคงจะมาขอโทษข้าด้วยตัวเขาเอง”
“แม่หญิงปล่อยข้าไปเถอะ! แม่หญิงข้าขอโทษด้วย!”ชายร่างอ้วนรีบพูดตะโกน
“เรียกข้าแม่หญิงเกรงว่าจะไม่ดี ข้าชอบคนอื่นเรียกข้าว่าพระชายาจิ้งมากกว่า คืนนี้ดึกมากแล้ว เจ้ากลับไปเถอะ”กู้อ้าวเวยยกมือลากเขาออกมา มองดูชายร่างอ้วนคนนั้นวิ่งหางจุกตูดไป นางกลับไม่ได้ปล่อยชายคนนั้นไปและมองเขาสองตาของเขาอย่างนั้น
ชายคนนั้นไม่ได้ไปไหน เขาก็มองไปที่กู้อ้าวเวย เหมือนไม่เข้าใจ
“ซ่านจินจื๋อสั่งคนแอบตามข้ามากเท่าไหร่กัน?”กู้อ้าวเวยดึงมือเขาเข้ามา เฉิงยีเฉิงเอ้อหรือเฉิงซานไม่มีสายตาเฉียบคมเช่นนี้
“มีแต่เฉิงยีเฉิงเอ้อ ข้าบังเอิญผ่านมาทางนี้”ชายคนนั้นใช้มืออีกข้างเก็บดาบเข้าไป
กู้อ้าวเวยยักคิ้วจากนั้นก็ปล่อยมือเขาไป: “ข้าจะเชื่อเจ้า”
พูดจบนางก็ไปหยิบหญ้าแห้งมาให้หยินเอ่อกิน ชายชุดดำยืนที่เดิมมองดูนางสักพัก จากนั้นก็หายไปในความมืด
กู้อ้าวเวยดึงหยินเอ่อไปเดินเล้านมาจากนั้นก็ค่อยกลับเข้าลานเล็กๆนั้น
ซ่านจินจื๋อกำลังอ่านหนังสือ นางก็ดินเข้าไปผสมยาบนโต๊ะต่อ ไม่รบกวนใคร
แต่พอซ่านจินจื๋อเริ่มง่วง เขากลับเห็นกู้อ้าวเวยผสมยาต่ออย่างไม่ง่วงเลย กระดาษด้านข้างก็เขียนตัวหนังสือเต็มไปหมด และยังมีศัพท์บางตัวที่เขายังไม่เคยได้ยินเลย
ดึกมากแล้ว ซ่านจินจื๋อเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวเข้านอน แต่กู้อ้าวเวยกลับผสมยาบนโต๊ะไม่หยุด
วันที่สองซ่านจินจื๋อตื่นขึ้นมา กู้อ้าวเวยกลับนั่งลงบนเก้าอี้ เหมือนไม่เหนื่อยเลย ขวดแก้วพวกนั้นก็ถูกใช้ไปมากเหมือนกัน เขาก็เลยสั่งคนไปเตรียมอาหารเช้ามา
พอได้กลิ่นอาหาร กู้อ้าวเวยก็รีบล้างมือและไปนั่งกินข้าวเช้า พอกินข้าวเสร็จ นางก็มองเขาและถามว่า: “เดี๋ยวจะไปหมู่บ้านภูเขานั้นไหม?”
ซ่านจินจื๋อมองตานางที่มีเส้นเลือดและขอบตาที่ดำ เขาก็ไม่พูดอะไรแต่กลับกินข้าวต่อไป
พอพวกเขาออกมาจากลานเล็ก แม่ทัพเฉิงก็พาชายอ้วนคนนั้นมาด้วยความโมโห มาคุกเข่าหน้ากู้อ้าวเวย ซ่านจินจื๋อไม่แปลกใจกับเหตุการณ์นี้เลย น่าจะเป็นเพราะชายชุดดำคนนั้นไปรายงานเรื่องนี้แล้ว
ชายอ้วนคนนั้นพอเห็นกู้อ้าวเวยยืนข้างซ่านจินจื๋อ เขาก็รีบพูดขอโทษ: “ข้าน้อยผิดไปแล้ว ข้าน้อยสมควรตาย ขออภัยด้วยพระชายาจิ้ง……”
“เมื่อวานเจ้าดื่มเหล้ากลับมาในกองทัพ ผิดกฏของที่นี้หรือเปล่า?”กู้อ้าวเวนพูด มืออีกข้างก็จับแบนเสื้อซ่านจินจื๋อและพูดต่อว่า: “เขานั้นแหละ เมื่อคืนยังเรียกข้าว่าแม่หญิงคนงาม ยังอยากให้ข้าไปเล่นบนเรือกับเขา!”
แม่ทัพเฉิงและคนรอบข้างต่างตกใจมาก ซ่านจินจื๋อมองไปที่กู้อ้าวเวยกลับเห็นนางยิ้มร่าเริงมาก
“ลงโทษตามกฏทหาร”ซ่านจินจื๋อจีบมือกู้อ้าวเวยไว้เดินไปในคอกม้า: “ต่อไปถ้ามืดแล้ว ให้อาหารม้าก็สั่งให้คนอื่นทำ รู้หรือไม่?”
“รู้แล้วน่า”กู้อ้าวเวยพยักหน้า และพูดต่อว่า: “ชายอ้วนคนนั้นก็หลอกถามเขาได้นะ รอกลางคืนก่อน ข้าจะใช้ยาพิษและหลอกถามเขา”
“ได้”ซ่านจินจื๋อพยักหน้าตอบตกลง เห็นกู้อ้าวเวยมีความคิดใหม่ๆ เขาก็เริ่มปวดหัวทันที
แม่ทัพเฉิงที่อยู่ด้านหลังก็เตะชายอ้วนคนนั้นและพูดว่า: “บอกให้เจ้าอย่าออกไปก็ยังออกไปอีก ทำไมถึงไปพูดจาเช่นนั้นกับพระชายาจิ้งเล่า!”
“แต่……แต่ว่าข้าได้ยินมาว่าพระชายาจิ้งไม่ได้ความรักจากท่านอ๋องเสียหน่อย ท่านอ๋องจิ้งยังอยากจะมีอนุภรรยาอีก ทำไมวันนี้……”ชายอ้วนคนนั้นพูดติดๆขัดๆ กลับเห็นอ๋องจิ้งและพระชายาจิ้งคุยกันหยอกล้อกันเหมือนคู่รัก
ข่าวลือว่าอ๋องจิ้งเป็นคนเย็นชา จะยิ้มให้กับพี่น้องของตัวเองเท่านั้น พอมาวันนี้กลับยิ้มให้กับพระชายาจิ้งงั้นเหรอ
และพระชายาจิ้ง นางจูงหยินเอ่อออกมาจากคอกแล้วแต่กลับต้องนั่งอยู่บนม้าเดียวกันกับซ่านจินจื๋อ ม้าดำตัวนี้ชอบวิ่งไม่สงบเลย พอได้วิ่งแล้วก็หยุดไม่ได้เลย
นางยังอยากแอบหลับบนหลังม้า ครั้งนี้ก็ดีเลยสิเลยต้องทนความง่วงต่อไป
ซ่านจินจื๋อก็ไม่ชอบให้คนมานั่งม้าด้วย แต่ถ้าไม่ดูนางดีๆ เกรงว่าจะขี่หยินเอ่อไปทางไหนก็ไม่รู้ พอนึกถึงตรงนี้ก็ปวดหัวทันที
เซียวไห่ที่ตามมา มองเห็นแม่ทัพเฉิงที่ตามมาติดๆและพูดว่า: “พระชายามีความเห็นอย่างไรกับหมู่บ้านนั้น?”
กู้อ้าวเวยปิดปากไว้เพราะกำลังจะห่าว มองเข้าไปเห็นป่าด้านในก็พูดว่า: “ไม่มีความเห็นอะไรหรอก แต่มีข้อหนึ่งที่ข้าไม่เข้าใจ เกิดไฟป่าขึ้นมีพึ่งหนึ่งปี ป่าที่นี้ดูอุดมสมบูรณ์มาก”
เซียวไห่ก็ไม่มีความเห็นอะไร เขามองไปทางไกลๆ
ซ่านจินจื๋อถึงสังเกตเห็นและมองเข้าไปในป่าลึก มองไปในป่าลึก ถ้าไม้ที่นี้ไม่ถูกเผาก็ต้องมีคนมาควบคุมไฟไว้ได้ถึงปกป้องป่าผืนนี้ไว้ได้
“และในป่าชื้นแฉะ น่าจะมีพวกพิษอยู่มาก”กู้อ้าวเวยตาสว่างขึ้นมา