บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 688
บทที่ 688 พบกันอีกครั้ง
ร่างกายขึ้นๆลงๆ อาการคลื่นไส้ยังไม่หายไป
ปลายนิ้วขยับเล็กน้อย แต่กลับเหมือนหนักเป็นพันชั่ง
“เจ้านี่ทำเสียงดังจริง ๆ” เสียงที่ดังเข้ามาข้างหูนั้นอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล กู้อ้าวเวยเพียงแค่รู้สึกปวดหัวเท่านั้น เปิดเปลือกตาอันหนักอึ้งอย่างไม่ค่อยเต็มใจ สิ่งที่ดึงดูดายตาคือรูปภาพดอกอู้หลานที่ตรงแขนเสื้อ มือที่มีลักษณะของผู้ชายวางอยู่บนมือของนาง แต่นางกลับเห็นได้ชัดว่าตัวเองใส่เพียงเสื้อข้างในตัวสีขาว นอกจากนี้ยังมีเส้นเงินพันอยู่เล็กน้อย
ทั่วทั้งร่างรู้สึกเจ็บปวดราวกับถูกบดทับมา มีความรู้สึกแปลกๆเป็นครั้งคราวจากช่องท้องส่วนล่าง ทำให้นางได้แต่อ้าปากอย่างขืนใจเท่านั้น ในลำคอกลับมีเพียงเสียงที่แหบต่ำดังออกมา ไม่สามารถแยกแยะเป็นคำได้
“อย่าไปคิดอะไรมาก เจ้าแค่ต้องพักผ่อนให้เพียงพอกับวันที่เหลืออยู่ก็ได้แล้ว” ซ่านเซิ่งหานนั่งลงที่ขอบเตียงของนาง มือที่ว่างอยู่ข้างหนึ่งลูบหัวของนางอย่างช้า ๆ แปรงผมให้กับนาง นิ้วก้อยกวาดไปโดนขนตายาวเหมือนปีกจักจั่นอย่างไม่ตั้งใจ แล้วหัวเราะเบาๆ “ยากนักที่จะได้เห็นเจ้าเชื่อฟังแบบนี้”
กู้อ้าวเวยลืมตาขึ้นอีกครั้ง นิ่งเงียบเป็นเวลานาน ก่อนที่นางจะรู้ว่าชายที่อยู่ตรงหน้าคือใคร
ซ่านเซิ่งหานชมนางอย่างพูดพล่าม มือนั้นกลับลูบผ่านไหล่ของนางไปอย่างกระสับกระส่าย ท้ายที่สุดก็แตะบนปลายจมูกของนางเบาๆ เป็นการบังคับให้นางลืมตาขึ้น จากนั้นก็ก้มตัวลงเพื่อให้นางมองเห็นหน้าตนเอง แล้วยังพูดต่อ “ตื่นหรือยัง”
กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วด้วยความรำคาญใจ เรี่ยวแรงของนางทำได้แต่เพียงทิ้งรอยแดงไว้ที่ข้อมือของซ่านเซิ่งหาน ลำคอบีบเสียงออกมาด้วยความโกรธอย่างมาก “เจ้าคิดจะทำอะไร!”
“ข้าแค่รู้สึกผิดหวังนิดหน่อย” ซ่านเซิ่งหานค่อยๆดึงมืออันเรียวของนางออก จากนั้นก็ลองยกมือของนางวัดน้ำหนักเห็นได้ชัดว่าข้อมือผอมโซเกินไปแล้ว “ท่านอาไม่รู้ว่าจะต้องปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไร เจ้าทั้งผอมและตัวเล็กมาก และยังเร่ไปรอบทิศ”
จ้องมองไปยังเขาอย่างรุนแรง กู้อ้าวเวยกัดฟันและไม่ยอมดึงมือทั้งสองของตนเองออกมา
ซ่านเซิ่งหานกลับรู้สึกว่านางเหมือนกับแมวป่าตัวน้อย ได้แต่เพียงนั่งอยู่บนเตียง ยื่นมือออกมาแล้วค่อยๆประคองนางให้ลุกขึ้น ด้านหลังรองด้วยถุงผ้าฝ้ายที่นางทำด้วยตนเอง ร่างกายของนางเจ็บปวดยากที่จะนั่งพิงได้ ซ่านเซิ่งหานใช้ไหล่ของตนเองเพื่อรองรับนาง
กู้อ้าวเวยไม่พอใจต้องการจะจับแผ่นไม้ปูเตียงออกไป แต่ซ่านเซิ่งหานได้ดึงนางเข้ามาไว้ในอ้อมแขนอย่าง่ายดาย “บางครั้งข้าก็คิดอิจฉากุ่ยเม่ยจริง ๆ เจ้าปฏิบัติกับเขาดีกว่าซ่านจินจื๋อเสียอีก”
“ข้าให้ทุกสิ่งทุกอย่างที่ท่านต้องการไปหมดแล้ว” กู้อ้าวเวยหยุดการเคลื่อนไหว พูดได้เพียงแค่ไม่กี่คำอาการเจ็บปวดตรงหน้าอกก็กำเริบขึ้นอย่างยากจะทนได้ อีกมือหนึ่งก็จับเสื้อตรงหน้าอกไว้แน่น น้ำเสียงดื้อรั้น “ข้านึกว่าคนข้างหลังไม่ใช่เจ้า….”
ความประหลาดใจของซ่านเซิ่งหาน ถูกแทนที่ด้วยความปีติยินดีทันที
แม้แต่คนที่ระมัดระวังตัวอย่างกู้อ้าวเวย ก็ยังไว้ใจเขา
เขาคิดจะจูบนางขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว แต่ในช่วงเวลาต่อมา กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นพร้อมกับเหงื่อที่ท่วมใบหน้า สีหน้าซีดเซียว “ให้ข้านอนลง….”
เขาต้องวางคนนั้นลงไปอีกครั้ง จึงได้เห็นว่าสีหน้าของนางมีความผ่อนคลายลง พลิกร่างกายนอนตะแคงหาท่าทางที่สบายและหยุดเคลื่อนไหวลง หายใจเข้าลึกๆเป็นเวลานานแล้วจึงลืมตาขึ้นใหม่อีกครั้ง ด้วยแววตาที่สดใสชัดเจน “ปัจจุบันนี้ความคิดของข้าค่อนข้างจะอึดอัด แต่ข้าก็รู้ว่าเจ้ามาหาข้าด้วยจุดประสงค์อะไร”
“เจ้ารู้ความลับของความเป็นอมตะแล้ว ตอนนี้คนมากมายต่างชี้นิ้วมายังเจ้า และยังจะกำลังตั้งครรภ์อีก ร่างกายก็ถูกพิษ ข้าไม่อาจจะเพิกเฉยไม่สนใจได้หรอก” ซ่านเซิ่งหานกล่าวอย่างจริงจังเช่นกัน ก้มตัวลงมองนาง “อีกอย่าง ข้าคิดว่าซ่านจินจื๋อไม่ได้คู่ควรกับเจ้าเลย”
“อะไรนะ” กู้อ้าวเวยขมวดคิ้ว สมองที่กำลังสับสนไม่เข้าใจสิ่งนี้
“เขาไม่คู่ควรกับเจ้า เจ้าควรจะให้โอกาสกับข้าสักครั้ง” ซ่านเซิ่งหานเปลี่ยนวิธีพูด มองไปยังนาง “ซ่านจินจื๋อแค่ต้องการวิธีการของความเป็นอมตะของเจ้า ในที่ที่เจ้าไม่รู้ เขาได้ปล่อยซูพ่านเอ๋อไปแล้ว”
“เป็นไปไม่ได้….”
“แล้วทำไมหลังจากนั้นเจ้าถึงไม่ได้ยินเบาะแสของเมี่ยวหารอีกเลย เขายังหาเหตุผลข้ออ้างอีกหลายประการที่จะไม่ฆ่าซูพ่านเอ๋อ” ซ่านเซิ่งหานหยิบผ้าชุบน้ำขึ้นมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผากให้นาง
กู้อ้าวเวยลืมตาขึ้นเล็กน้อย พูดอะไรไม่ออกสักพัก
ซ่านจินจื๋อบอกว่าเขาอยากรู้ความจริง แต่เรื่องก็มาถึงตอนนี้กลับไม่มีข่าวคราวใดออกมาจากป่าเลย อีกทั้ง นางก็ไม่เคยได้รับข่าวคราวของเมี่ยวหารอีก ซูพ่านเอ๋ออยู่ในคุกใต้ดินจริงหรือ ตอนนี้ก็ยากที่จะพูดแล้ว
“ผู้ใต้บังคับบัญชาพวกนั้นทำร้ายกุ่ยเม่ยเจ็บสาหัส แต่กลับชนะเพราะโชคช่วย” ซ่านเซิ่งหานโยนผ้าลงในน้ำอุ่นอีกครั้ง และมองนางด้วยหน้าที่นิ่งขรึม “เจ้าไม่รู้สึกเลยหรือว่ากุ่ยเม่ยทรยศเร็วเกินไปหน่อย และเขายังทุ่มเทให้เจ้าอย่างรวดเร็วและเต็มที่ แต่ในใจกลับเคารพซ่านจินจื๋อเสมอมา เจ้าเคยคิดถึงเรื่องพวกนี้ให้ละเอียดไหม”
“ข้าเชื่อเขา” พูดออกไปแบบนี้ แต่ปลายนิ้วของนางภายใต้ผ้าห่มนั้นบีบแน่น
“จะเชื่อหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของเจ้าเอง แต่สำหรับข้าแล้ว ให้เจ้าอยู่ข้างกายข้าเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด” ซ่านเซิ่งหานลุกขึ้นยืน และเดินออกไปข้างหน้าอย่างช้า ๆ “เจ้าพักผ่อนให้เพียงพอก่อน ข้าจะให้คนเอาอาหารที่เหมาะสมมาให้ หากมีอะไร ก็เรียกข้าได้ตลอดเวลา”
“เจ้า……ไม่ได้ถูกกัก….” กู้อ้าวเวยค้ำแผ่นเตียงไว้ประคองตัวลุกขึ้น
แต่ซ่านเซิ่งหานกลับหยุดฝีเท้าไว้ กลับหลังหันไปผลักเปิดหน้าต่างออก พูดด้วยเสียงแผ่วเบา “เจ้าสลบอยู่ในอาการหนักมาหนึ่งเดือน ชายแดนแห่งนี้ได้เปลี่ยนไปแล้ว ซ่านจินจื๋อกำลังนำกองทัพโจมตีชายแดนสิบสามเมือง ก็เพื่อจะพาเจ้ากลับไป หากลูกของเจ้าไม่คลอดออกมาเสียก่อน น่าจะหลังจากนี้หนึ่งเดือนก็น่าจะคลอดออกมาแล้ว”
กู้อ้าวเวยค่อยๆมองไปที่นอกหน้าต่างมีแสงแดดที่น่ากลัวเล็กน้อย
เหตุใดซ่านจินจื๋อจึงต้องโจมตีชายแดนทั้งสิบสามเมือง
นางนอนลงอีกครั้งด้วยความงุนงง ปล่อยให้เฟิงเยว่พาสาวใช้มาเช็ดทำความสะอาดเหงื่อบนร่างกายให้นาง เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่สะอาดให้ และส่งมอบโจ๊กอุ่นๆให้อีก เพียงเพราะตลอดทั้งหนึ่งเดือนมานี้นางก็ใช้ชีวิตอยู่กับโจ๊กหมูสับมาตลอดทุกวัน
เฟิงเยว่คุกเข่าลงบนพื้นเพื่อนป้อนโจ๊กให้กับนาง และกระซิบ “หวังว่าองค์หญิงจะมีอาการดีขึ้นโดยเร็ว หากไม่กี่วันนี้ท่านยังไม่เคลื่อนไหวล่ะก็ ถึงตอนนั้นกลัวว่าจะไม่สามารถให้กำเนิดลูกคนนี้ได้”
รอยยิ้มคนกลุ่มนนั้นกับเฟิงฉีนแตกต่างกัน ใบหน้าของเฟิงเยว่เต็มไปด้วยความจริงใจ และดวงตาคู่นั้นก็ยิ่งสว่างเป็นประกายขึ้น
กู้อ้าวเวยคิดว่าตนเองยังสามารถจดจำผู้คนได้ แต่ตอนนี้กลับทำได้เพียงพยักหน้าอย่างมึนงง
สาวใช้กำลังถูขาให้นาง เฟิงเยว่วางชามเปล่าลงบนถาด แล้วให้คนเอาออกไป จากนั้นยกมือขึ้นจับมือทั้งสองข้างของกู้อ้าวเวย “องค์หญิง ช่วงหลายวันนี้ข้าจะคอยดูแลอยู่ตลอดไม่ห่างไปไหน”
“ซ่านเซิ่งหานล่ะ” กู้อ้าวเวยขี้เกียจแม้แต่จะเรียกเขาว่าองค์ชายสาม
“องค์ชายสามกำลังลำบากใจเรื่องกองทัพของอ๋องจิ้ง อีกด้านหนึ่ง องค์ชายสามก็ได้ตัดสินใจนำคนออกไป หลังจากนั้นองค์ชายเก้าก็ตัดสินใจจะสังหารองค์ชายสาม ในกรณีนี้ ข้าจะให้คนมาส่งท่านออกไปก่อนอย่างช้า ๆ ไปที่อันสงบกว่านี้เพื่อรักษาครรภ์” เฟิงเยว่ได้ยกมุมปากของนาง มองมายังนางราวกับนางเป็นเด็ก “ครั้งนี้ข้าหวังว่าองค์หญิงจะไม่พบกับเรื่องใดที่ต้องยุ่งยากอีก ข้าไม่อาจทำอย่างที่เฟิงฉีนเคยทำได้ ท่านสามารถเลือกสถานที่ที่ท่านจะไปได้ ได้ทุกที่”
“แม้ว่าข้าต้องการกลับไปอยู่เคียงข้างซ่านจินจื๋องั้นหรือ” กู้อ้าวเวยหัวเราะขึ้นทันที
แต่คำตอบของเฟิงเยว่กลับเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด “ใช่ ถ้าสิ่งนั้นเป็นความต้องการของท่าน พวกข้าก็จะพยายามส่งท่านไปที่นั่น”