บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 690
บทที่ 690 ที่มาของถุงน้ำดีหงส์
“องค์ชาย ท่านได้เตรียมการไว้มากมายแล้ว ถึงกับบีบบังคับให้ซ่านจินจื๋อใช้กองกำลังทั้งหมดของแคว้นชางหลาน ตอนนี้กลับส่งองค์หญิงท่านนั้นกลับไปอย่างสง่างาม” เฟิงฉีนยืนอยู่ข้างๆซ่านเซิ่งหาน ดูรถม้าที่ด้านล่างของกำแพงเมืองค่อยๆเคลื่อนออกไป ค่อยๆหรี่ตาลง
“มันไม่ใช่เรื่องเปล่าประโยชน์” ซ่านเซิ่งหานกำลังเผชิญกับลมที่รุนแรงบนกำแพงเมือง มีรอยยิ้มเล็กน้อยในดวงตาของเขา “เนื่องจากกู้อ้าวเวยใจอ่อน ถึงกับไม่ต้องการให้ซ่านจินจื๋อชดใช้ในสิ่งที่เขาทำ ตอนนี้ ข้าจึงต้องขอรับผลประโยชน์เล็กน้อยนี้แทนนาง”
ซ่านเซิ่งหานหันหลังกลับและเดินลงบันไดกำแพงเมืองไป เฟิงฉีนตามอยู่ข้างกายของเขา “แม้ว่าท่านจะทำให้นางใจหวั่นไหวได้ แต่ซ่านจินจื๋อก็สามารถสร้างเหตุผลมาได้เช่นเดียวกัน”
“แต่ซ่านจินจื๋อเคยทำอะไรไว้บ้าง ให้กุ่ยเม่ยมาคอยเฝ้าติดตามเบาะแสของกู้อ้าวเวย หรือการร่วมมือกับฮองเฮาในตอนนั้น แล้วยังมีการฝังยันต์ทองปายกู่ไว้ใต้ลานบ้านของนาง ไม่เพียงเท่านั้น ตราบใดที่กู้อ้าวเวยเต็มใจที่จะตรวจสอบ ตอนนั้นซ๋านจินจื๋อทำหลายสิ่งหลายอย่างโดยไม่บอกนาง” มีรอยยิ้มที่ดูมั่นใจบนใบหน้าของซ่านเซิ่งหาน
ได้ยินแบบนี้ เฟิงฉีนกลับเลิกคิ้ว “ข้าน้อยอยู่ที่ชายแดนมานานเกินไป ไม่เข้าใจว่าท่านหมายถึงอะไร”
“แม้ว่าซูพ่านเอ๋อจะเกิดจากโรงเตี๊ยม แต่ในตอนนั้นอาจารย์ของซ่านจินจื๋อได้เขียนจดหมายลาตายไว้สองฉบับ หวังเอาไว้ว่าไม่ว่าจะเป็นอย่างไรก็ขอให้ไว้ชีวิตซูพ่านเอ๋อ แม้ว่าจะเอาตัวรอดได้ ดังนั้นก่อนหน้านี้จึงล้วนแต่เป็นเพียงข้อแก้ตัว เขาจึงไม่เคยคิดจะฆ่าซูพ่านเอ๋อตั้งแต่แรก เพียงแค่อยากจะพานางไปยังหลุมฝังศพเพื่อขอขมา” ซ่านจินจื๋อนิ่งไปครู่ แล้วพูดต่อ “แต่ซ่านจินจื๋อไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าตอนนั้นซูพ่านเอ๋อยังทำเรื่องที่ไม่น่าให้อภัย”
เฟิงฉีนยิ่งอยากรู้อยากเห็น ก้าวไปด้านหน้าหนึ่งก้าว “คืออะไรหรือ”
“พี่สาวของข้า ซ่านหลิงเอ๋อร์ เป็นลูกสาวสุดที่รักของเสด็จพ่อ และตามธรรมเนียมของราชวงศ์ พระราชวงศ์จะต้องแต่งงานกับตระกูลหยุน ทั้งสองคนรู้จักกันตั้งแต่เด็ก ความรักทั้งชีวิตของเสด็จพ่อ เดิมทีเป็นลูกหลานของตระกูลหยุน ดังนั้นเขาจึงอภัยโทษให้กับตระกูลหยุน และปล่อยออกไป” ซ่านเซิ่งหานมีดวงตาที่มืดลง “และซ่านหลิงเอ๋อร์ก็เคยพบกับถุงน้ำดีหงส์มาก่อน ถึงกับเคยส่งจดหมายมาบอกกับข้า แต่ภายหลังก็เสียชีวิตลง ถึงน้ำดีหงส์ก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย และตอนนี้ พิษในร่างกายของกู้อ้าวเวยก็เป็นพิษรากเหง้าของถุงน้ำดีหงส์ ทั้งหมดนี้ดูจะบังเอิญเกินไป”
“ถึงอย่างนั้น กู้อ้าวเวยนางจะโกรธซ่านจินจื๋อในเรื่องเล็กน้อยแบบนี้หรือไม่ เรื่องพวกนี้ไม่เกี่ยวกับซ่านจินจื๋อ” เฟิงฉีนส่ายหน้า
“เกี่ยวข้องแน่นอน” ซ่านเซิ่งหานเดินไปจนสุดแนวกำแพงเมือง เห็นรายงานฉุกเฉินจากทหารที่อยู่ไม่ไกล แต่ยังคงพูดต่อไป “เป็นเพราะซ่านจินจื๋อรู้เรื่องพวกนี้ตั้งแต่แรก แต่ตอนนั้นเขาปกปิดเรื่องนี้กับเสด็จพ่อ อีกทั้ง เขารู้ด้วยว่าซูพ่านเอ๋อมีถุงน้ำดีหงส์อยู่ในมือ พี่หลิงเอ๋อมีอะไรก็มักจะบอกเขาทั้งหมด แต่ตอนนี้ เขาคอยปกปิดอดีตของซูพ่านเอ๋อ แต่กลับทำร้ายกู้อ้าวเวย”
เพราะผลกรรม ในที่สุดก็จะย้อนกลับมา
ซ่านเซิ่งหานยอมรับว่าเรื่องนี้มีทั้งส่วนจริงและไม่จริงอย่างละครึ่ง แต่กลับมั่นใจว่าไม่ใช่ข่าวโคมลอย
และกู้อ้าวเวยก็เดินออกจากเรื่องราวตอนนั้นมาทีละก้าว ความเชื่อใจที่สร้างขึ้นมาอย่างยากลำบากก็ต้องหมดไปเพราะเหตุการณ์นี้ ถึงตอนนั้นซ่านจินจื๋อก็จะไม่ได้อะไรนอกจากความทุกข์ทรมาน
ในรถม้าเวลานี้ กู้อ้าวเวยกลับยังคงนิ่งสงบ
ซ่านเซิ่งหานละทิ้งข้อตกลงที่เสมอตัวนี้ไป แต่หัวใจของนางกลับรู้สึกยุ่งเหยิงไปหมด
เฟิงเยว่นั่งลงข้างนาง ถามออกไปด้วยเสียงต่ำ “องค์หญิง หากท่านยังเป็นกังวล ข้าสามารถจะอยู่เคียงข้างท่านได้ เพื่อไปส่งท่าน
“อย่าเสี่ยงเลย” กู้อ้าวเวยตกใจกับคำพูดของนาง นอนขดตัวอีกครั้ง มือที่หน้าท้องค่อยๆกระชับแน่น แล้วรวมไว้
นางเกือบจะเชื่อในสิ่งที่ซ่านเซิ่งหานพูด จนเกือบจะเข้าใจผิดเฟิงเยว่กับชิงต้าย
หากว่าสิ่งที่เขาพูดเป็นเรื่องจริง อย่างนั้นในตอนนั้นเรื่องที่ซ่านจินจื๋อยืนยันจะฆ่าชิงต้าย ดูเหมือนจะมีกลิ่นที่เปลี่ยนไป
หลับตาลงแล้วตัดสินใจหลับไป กู้อ้าวเวยไม่รู้เลยว่าการที่ถูกองค์ชายสามส่งกลับมาด้วยตนเองนั้นสร้างความวุ่นวายให้ภายในใจของซ่านจินจื๋อและหยุนหว่านมากมาย
ซ่านจินจื๋อและหยุนหว่านกลับไปยังชายแดนแคว้นเอ่อตานเป็นการชั่วคราว ซ่านจินจื๋อยืมทำในนามของการรักษา เพื่อให้มีความไว้วางใจในการอยู่ที่เอ่อตาน และเพื่อไม่ให้คนรู้สถานะของหยุนหว่าน ได้มีการส่งสายลับมากมาย ไปก่อนล่วงหน้า ทั้งสองดูเหมือนจะพยายามอย่างสุดกำลัง
แต่ตอนนี้ ซ่านเซิ่งหานได้ส่งคนกลับมาคืนแล้ว และไม่มีการกำหนดเงื่อนไขใด และชายแดนแคว้นชางหลานก็ดูเหมือนจะมีการปรากฏขึ้นของกำลังทหารของซ่านต้วนเฟิง ซ่านเซิ่งหานเหมือนจะรอส่งข่าวไปยังเมืองเทียนเหยียน ทั้งคู่ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะเกิดอะไรขึ้น
ห้าวันต่อมา รถม้าที่ส่งกู้อ้าวเวยกลับมานั้นได้มาหยุดอยู่ตรงหน้าประตูเมือง เฟิงเยว่ได้แต่ทำตามข้อสัญญาคือต้องนำทุกสิ่งที่นำติดไปกลับมาคืนทั้งหมด จากนั้นก็นำเอาคนทั้งหมดและคนขับรถม้ากลับออกไป เหลือไว้แต่เพียงกู้อ้าวเวยที่อยู่บนรถม้าเพียงคนเดียว
หยุนหว่านเป็นคนแรกที่รีบนำคนออกไป แต่กู้อ้าวเวยที่อยู่ในรถม้ากลับนิ่งสงบ เมื่อได้เห็นหยุนหว่านก็ไม่ได้ตื่นตระหนก แต่นางกลับพิงไหล่ของหยุนหว่านอย่างสงบนิ่ง ร่ำไรอยู่สักพักโดยไม่พูดอะไร
“ลูกคนนี้เนี่ย!” หยุนหว่านแกล้งตบที่หลังของนางสองครั้ง แต่เมื่อเห็นท้องที่ใกล้คลอดของกู้อ้าวเวยก็ยิ่งตกใจ เดิมทีคิดจะให้ผิงชวนมาอุ้มนางไป แต่กลับพบว่าคนในอ้อมแขนยังคงกอดนางไว้แน่น จึงไม่อาจจะฝืนใจปล่อยมือได้
ตอนนี้ มีเพียงแม่เท่านั้นที่ยังเชื่อถือได้
กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นมองท่ามกลางการห้ามปรามของหยุนหว่าน ได้เห็นซ่านจินจื๋อรออยู่ด้านนอกรถม้า
ไม่ได้พบเจอกันมานานแล้ว เขายังคงทำหน้าบูดบึ้ง ใบหน้าหล่อเหลานั้นปกคลุมไปด้วยความโกรธ มือนั้นกำหมัดไว้แน่น สิ่งที่หนักอึ้งในดวงตาคู่นั้น จู่ ๆนางก็มองได้ไม่ชัด
“เวยเอ๋อ ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า” เสียงของหยุนหว่านดังกลับไปในความคิดของนาง
“ไม่เป็นไร….” กู้อ้าวเวยพักศีรษะลงไปไว้ที่ไหล่ของหยุนหว่านอีกครั้ง มีรอยยิ้มเล็กน้อยปนอยู่ในน้ำเสียง “อาการบาดเจ็บของกุ่ยเม่ยเป็นอย่างไรบ้าง ยาที่ข้าทิ้งไว้ให้ใช้ได้หรือเปล่า”
“ต้องขอบคุณยาของเจ้า ที่ช่วยชีวิตเขาไว้ได้” หยุนหว่านตบไหล่ของนาง ดวงตาแดงก่ำ “เจ้าแน่มาก….”
“ข้าเพิ่งจะทำข้อตกลงกับซ่านเซิ่งหาน เขาจึงปล่อยข้ากลับมา” กู้อ้าวเวยพูดออกมาแบบนี้ ค่อยๆนำตัวออกจากจากอ้อมแขนของหยุนหว่าน มองนางอย่างจริงจัง “ข้าไม่เป็นอะไร ท่านแม่”
ท่านแม่ไว้วางใจกุ่ยเม่ยมาก ก่อนที่จะได้พบกับความจริงทั้งหมด นางก็ไม่สามารถจะบอกเรื่องเหล่านั้นกับคนอื่นได้อย่างง่ายดาย
เป็นไปตามคาดซ่านจินจื๋อได้อุ้มนางลงจากรถม้า กู้อ้าวเวยเอนตัวครึ่งหนึ่งลงในอ้อมแขนของซ่านจินจื๋อ กำเสื้อของเขาไว้ อดไม่ได้ที่จะพึมพำกับตัวเอง “ข้าฝันถึงหิมะแรกในตำหนักอ๋องจิ้งอีกแล้ว”
“เรื่องเหล่านั้นมันจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว” ความโกรธทั้งหมดของซ่านจินจื๋อหายไป เพียงแต่มองไปยังท้องน้อยด้วยความกังวล มีความคิดอื่นผุดขึ้นมาในใจ ทันทีที่หันไปเหลือบไปเห็นหยุนหว่านที่กำลังตรวจนับวัสดุยาอยู่ไม่ไกล
ทั้งสองมองหน้ากันแล้วพยักหน้า แต่กู้อ้าวเวยกลับยังมองไม่เห็น