บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 708
บทที่ 708 มากกว่าความรัก
ผู้คนที่อยู่ในป่าเขาเดินกลับไปในพื้นที่เปิดโล่ง
เฟิงเยว่ปลดผ้าคลุมหน้าสีดำออก บนใบหน้าเจือรอยยิ้มบางๆ อยู่เสมอ “พระนางเก่งกาจมากจริงๆ หลังจากการเดินทางเตร็ดเตร่ตลอดทางเช่นนี้ ถึงขนาดค้นพบว่าพวกเราเคยมาที่นี่”
“แต่ว่า นางค้นพบได้อย่างไรกันเล่า?” ผู้ใต้บัญชาที่อยู่ด้านหลังไม่พอใจยิ่งนัก
“ข้ากับเฟิงฉีนไม่เหมือนกัน ถ้าหากพวกเจ้ายังซักไซ้เรื่องราวใดๆ ของพระนางต่อไปอีก ข้าคงจะไม่เมตตา” โทนเสียงของเฟิงเยว่แหลมสูงอยู่ไรๆ เจือความข่มขู่หลายขนัด
พวกนางสองพี่น้องก็แค่สลับตำแหน่งกัน เพื่อที่จะทำให้พยัคฆ์หน้ายิ้มอย่างนางผู้นี้มาจัดการปัญหาความสามัคคีในกองทัพที่อยู่ชายแดนเหล่านี้ ในเมื่อปัญหาความสามัคคีของพวกนางปรากฏอยู่บนตัวกู้อ้าวเวย นางย่อมตัดสินใจพาคนติดตามมาปกป้องด้วยการวางแผนในที ถือโอกาสหากค้นพบผู้ทรยศที่คอยก่อเรื่องภายใน แล้วจึงฆ่าเขาให้ตายเสีย
แต่ว่า นางเองก็สงสัยว่าพระนางสังเกตเห็นนางได้อย่างไร
วกกลับไปที่เมืองในกลางดึกสงัด ไม่กี่คนใช้เวลาหนึ่งวันผ่านไปอย่างปลอดภัยไร้ปัญหา ยามที่จะออกเดินทางในวันถัดมา กลับได้รับจดหมายฉบับที่สอง ครั้งนี้เป็นซ่านจินจื๋อที่เปิดจดหมายออก ปริปากเอ่ยตอนที่กู้อ้าวเวยยังผลัดอาภรณ์อย่างเนิบนาบอยู่ “มีบางคนต้องการให้อ๋องจงผิงกลับสู่ศักดินา”
“ที่แท้เป้าหมายของซ่านเซิ่งหานอยู่ที่นี่” กู้อ้าวเวยลุกจากเตียงคลำเสื้อตัวนอกอยู่ในมือ พลางกล่าวต่อไป “ก่อนหน้านี้เขาเคยอยู่กับอ๋องจงผิง กลัวก็แต่ว่าจะทำให้คนค้นพบท่านอ๋องที่ถูกแต่งตั้งศักดินาผู้นี้ หลังจากกำจัดเขาออกจากราชสำนักแล้ว สถานการณ์ก็จะชัดเจนขึ้นมาก”
“เหนือราชสำนักก็คือการต่อสู้ระหว่างองค์ชายสามและองค์ชายหก ส่วนชายแดนก็เป็นการต่อสู้ของข้ากับองค์ชายเก้าซ่านต้วนเฟิง” ซ่านจินจื๋อพับจดหมายเอาไว้ “ถ้าหากซ่านต้วนเฟิงและซ่านเซิ่งหานยืนอยู่ข้างเดียวกัน เช่นนั้นซ่านเซิ่งหานจะไม่กุมชัยในกำมือแล้วหรือ”
ประโยคนี้แลกมาด้วยเสียงหัวเราะหยันของกู้อ้าวเวย
ซ่านจินจื๋อเงยหน้าขึ้นมองนาง ประจวบกับมองเห็นปลายนิ้วเรียวละเอียดของนางกรีดผ่านตะเข็บอาภรณ์อย่างคล่องแคล่ว จัดแจงระเบียบขอบอาภรณ์ตัวนอก ศีรษะกลับเงยขึ้นเล็กน้อย ดวงตาสองข้างสะท้อนใบไม้เหี่ยวแห้งด้านนอกหน้าต่าง น้ำเสียงอ่อนโยนนุ่มนวล “ซ่านจวนฮ่าวมีแต่อำนาจทหาร ไม่ได้มีครอบครัวมารดาของเสียนเหยและองค์ชายสี่คอยสนับสนุนอยู่ในราชสำนัก เขาจะบรรลุระดับโดดเด่นเช่นเดียวกันกับซ่านเซิ่งหานได้อย่างไรกัน?”
“เจ้ารู้ว่าเขากับองค์ชายสี่เคยติดต่อกันเป็นการส่วนตัว?” มุมปากของซ่านจินจื๋อเปื้อนรอยยิ้มหนึ่งเสี้ยว ยามที่กู้อ้าวเวยคลำหาสายรัดเอวนั้นก็ก้าวไปเบื้องหน้ารัดเอาไว้ให้นาง ลากผ่านท้องน้อยของนางอย่างระวัง น้ำเสียงทุ้มต่ำ “เทียบกับหยวนเอ๋อ ซ่านจวนฮ่าวมีความห้าวหาญในราชสำนักมากกว่า”
“ดังนั้นข่าวสารในมือของท่านใครเป็นคนส่งมา” กู้อ้าวเวยอ้าแขนสองข้างออก ปล่อยการเคลื่อนไหวให้เขา
ผมของซ่านจินจื๋อปัดผ่านปลายคางของกู้อ้าวเวยอยู่เป็นครั้งคราว มือที่ถนัดกุมอาวุธคู่นั้นกลับจัดแจงทุกอย่างให้นางอย่างเหมาะสมด้วยความคล่องแคล่ว ซ้ำยังมวยเรือนผมขึ้นให้นางอีกด้วย พลางกล่าว “หยวนเอ๋อ”
“คนที่ทางฝั่งข้าติดต่อ คือฉีหรัว”
กู้อ้าวเวยกล่าวเช่นนี้ การเคลื่อนไหวในมือของซ่านจินจื๋อก็ชะงักลงน้อยๆ
“พูดมาเช่นนี้ พวกเขาสองคนส่งข่าวมาให้พวกเรา ก็ไม่ได้เผยแพร่ข้อมูลให้กันเลย?” ครั้งนี้ซ่านจินจื๋อกลับรู้สึกตระหนกน้อยๆ ในความทรงจำของเขา แม้ว่าฉีหรัวจะค่อนข้างแตกต่างกับผู้หญิงคนอื่น แต่สุดท้ายก็ยังต้องแบ่งปันข่าวสารให้กับคนรักบ้างสิจึงจะถูก
กู้อ้าวเวยก็ประหลาดใจไม่น้อยเช่นกัน “หากฉีหรัวไม่พูดข้ากลับรู้สึกว่ายังพออภัยได้ แต่องค์ชายสี่ไม่ใช่คนที่จะสงวนถ้อยที”
บัดนั้นพลันไร้คำพูด หลังจากผ่านไปสักพักทั้งสองกลับอดหัวเราะขึ้นมาไม่ได้
ถ้าหากกล่าวมาเช่นนี้ ใต้หล้ายังมีพันธมิตรที่ต่างก็ซุกซ่อนภารกิจและความคิดของแต่ละคนเอาไว้อยู่เชียว
ระหว่างนางกับซ่านจินจื๋อก็ไม่ใช่พวกแปลกประหลาดแล้ว
รอจนถึงเที่ยงวัน ไม่กี่คนก็ออกเดินทางอีกครั้ง เตรียมพร้อมสำหรับมุ่งเดินทางจากด่านลั่วสุ่ยไปยังบริเวณใกล้เคียงเมืองเทียนเหยียน ทางที่ดีที่สุดคือสามารถเผชิญกับซ่านเซิ่งหานซึ่งๆ หน้าในราชสำนัก ด้วยวิธีนี้ จึงจะสามารถควบคุมสถานการณ์ณ์ทั้งในและนอกชางหลานได้
นับประสาอะไรกับที่กู้อ้าวเวยในฐานะองค์หญิงเอ่อตาน ควรจะพักฟื้นที่ตำหนักขององค์ชายสาม นางย่อมต้องกลับไปแสดงละครฉากสุดท้ายอย่างเต็มที่อยู่แล้ว
การเดินทางนี้อย่างน้อยยังต้องให้เวลาหนึ่งถึงสองเดือน
แต่ซ่านเซิ่งหานที่อยู่ห่างออกไปในตำหนักที่เมืองเทียนเหยียนนั้นกลับไปรับข่าวสารทันทีเมื่อครั้นพวกเขาขึ้นเรือมาถึงด่านเจิ้งสุ่ย
ในเวลานี้ลมฤดูใบไม้ร่วงกำลังพัดระฆังบนชั้นสองของอาคารหลังเล็กเกิดเสียงดังขึ้น ส่วนฉางอีฉินแม้ว่าในดวงตาทั้งคู่จะไม่ได้ขุ่นมัวยากจะทานทนอีกต่อไปแล้ว ตอนนี้พิงส่วนขาของซ่านเซิ่งหานกลับยังคงมีความหวาดกลัวอย่างลุ่มลึกฉายอยู่ในแววตา เยว่เฟิงที่ถูกกักบริเวณเนิ่นนานกลับสวมเสื้อผ้าโอ่อ่าสีม่วงเหลือบแดง ดูเหมือนจะกลายเป็นนายหญิงภายในจวน ไม่ได้มีความเวทนาครึ่งเสี้ยวต่อฉางอีฉินอีกต่อไป เพียงแต่ยามที่วางหมากล้อมกับซ่านเซิ่งหาน พลันปริปากเอ่ยเสียงต่ำ “พระนางผู้นั้นได้ให้กำเนิดบุตรแล้ว องค์ชายสามท่านต้องการจะลงมือหรือไม่?”
“ถ้าหากข้าอยากลงมือ เยว่ชิงเจ้ายังเต็มใจอีกหรือไม่” หมากสีดำที่อยู่ปลายนิ้วของซ่านเซิ่งหานตกลงไปบนกระดานหมากล้อม
เยว่ชิงขมวดคิ้วมุ่น ครุ่นคิดเนิ่นนานกว่าจะปริปากเอ่ยคำ “ข้าไม่เต็มใจ แม้ว่านางจะกลับมาก็คงไม่อาจทำอะไรเพื่อท่านได้”
“ข้าคิดว่านางไม่ใช่ผู้หญิงที่รู้จักแต่เพียงความรักเท่านั้น ถ้าหากข้ารับปากจะล้างพิษให้นาง ปล่อยให้นางมีชีวิตนิรันดร์ นางน่าจะเต็มใจอยู่เคียงข้างกายของข้า” ซ่านเซิ่งหานกล่าวเช่นนี้ กลับหยิบหมากสีขาวข้างมือของเยว่ชิงลงไป
หมากล้อมดีๆ ตาหนึ่ง กลับกลายเป็นสถานการณ์ไร้หวัง
ซ่านเซิ่งหานชักมือกลับมา ปลายนิ้วโปรยตกลงไปที่บ่าของฉางอีฉินพลางนวดเบาๆ “ถ้าหากบอกว่าอีฉินและเจ้าต่างสามารถเป็นผู้หญิงที่อาศัยในวังหลังได้ เช่นนั้นข้าก็จะมอบทั้งใต้หล้านี้ให้แก่นาง”
เยว่ชิงสั่นเทิ้มทั่วสรรพางค์กาย เงยหน้าขึ้นสบสายตา กลับแบ่งแยะไม่ชัดเจนว่าบุคคลเบื้องหน้าเป็นใครกัน
“ความหมายของพระองค์คือ…”
“ชั่วชีวิตนี้ของข้าแทบจะไม่มีอะไรเลย เพียงเพราะสถานะนี้จะไม่อาจไม่แย่งชิง ไม่อาจไม่เกลียด วันหน้าจะยิ่งจะต้องรักบุตรรักประชาชน แต่แม้ว่าจะนั่งบนบัลลังก์ฮ่องเต้นั้นแล้วก็ยังคงเหลือเพียงแต่ความว่างเปล่าอยู่ดี” ซ่านเซิ่งหานถอนหายใจเบาๆ คล้ายกับเห็นฉางอีฉินเป็นกู้อ้าวเวยอย่างไรอย่างนั้น น้ำเสียงฟังดูนุ่มนวลขึ้นบ้าง “ทว่าทั้งๆ ที่นางไม่ได้แตกต่างไปจากสถานการณ์ดียวกันกับข้าเลย แต่วันๆ กลับเอาแต่วิ่งเต้นไม่หยุด ทั้งทำให้คนอิจฉาชื่นชม และกลับทำให้ผู้คนแทบจะประสานมือคารวะส่งมอบสิ่งของดีๆ ใต้หล้านี้ให้จนทนไม่ไหว เพียงแค่อยากดูว่าต่อไปนางจะเหลียวหลังกลับมามองข้างสักแวบหรือไม่…”
กล่าวยังไม่ทันจบ แววสุกใสในดวงตาของซ่านเซิ่งหานพลันสว่างวับ น้ำเสียงก็พลอยหยุดชะงักลงทันที
ร่างกายของฉางอีฉินสั่นระริกน้อยๆ น้ำตาก็ร่วงเผาะลงมาด้วย “เช่นนั้นท่านจะได้รับอะไรอีกหรือ…”
“ข้าย่อมได้รับมากมาย ไม่ใช่ดวงอาทิตย์แผดเผาบาดตาดังเช่นท่านอา เพียงแค่แวววสันต์ครึ่งเสี้ยวในดวงตาของคนผู้นั้น ก็เพียงพอจะทำให้ข้าต่อเติมชีวิตต่อไป” ซ่านเซิ่งหานชักมือกลับมา ยกถ้วยชาขึ้นแต่กลับยืดยาดไม่ยอมดื่ม
เยว่ชิงไม่ได้ย่างกรายเข้าสู่ห้องหัวใจแม้เพียงครึ่งของฝ่าบาทอย่างแท้จริงเลยด้วยซ้ำ
ทำเพียงออกจากห้องเล็กๆ ชั้นสองอย่างเหม่อลอย พบกับเฟิงฉีนที่อยู่ใต้ชายคาเข้า รู้ว่านางได้ยินจากด้านนอกอย่างชัดเจนแจ่มแจ้งแล้ว จึงอดสงสัยไม่ได้ “ฝ่าบาทเขาออกจะแปลกๆ…”
“คนที่แปลกคือท่านต่างหาก ฝ่าบาทเพียงแค่ตกหลุมรักแวววสันต์เสี้ยวนั้น ท่านกลับเอาแต่ถามเขาว่าชื่นชอบลักษณะยามวสันต์แบบไหนกันแน่” เฟิงฉีนตบบ่าของนางเบาๆ “ในเมื่อท่านไม่ใช่คนที่อยู่ในพระทัยของฝ่าบาท ไยต้องชนกำแพงทางใต้นั้นจนตายด้วย ไม่สู้รอจนกว่าแวววสันต์อับแสงหม่นแวว ท่านค่อยไปเอาใจครึ่งชีวิตที่เหลือนั่นก็ยังไม่สาย”
“ท่านเองก็ไม่ลองคิดดู เหตุใดในบรรดาพวกเราพี่น้อง มีเพียงท่านที่ได้เป็นคนร่วมเรียงเคียงหมอนของฝ่าบาท แม้ว่าฝ่าบาทจะยังไม่ทันค้นพบ ท่านเองก็น่าจะค้นพบบ้างแล้ว” กล่าจบ เฟิงฉีนก็ทำเพียงถอนหายใจยาวๆ หนึ่งเฮือก
เยว่ชิงกลับยืนอยู่ที่เดิม ไม่รู้ว่าควรทำอะไร
ซ่านเซิ่งหานเลี้ยงดูผู้หญิงตั้งมากมายขนาดนั้น แล้วเหตุใดถึงมีเพียงแต่นางคนเดียวเท่านั้นที่ได้อยู่ร่วมเรียงเคียงหมอนกันเล่า?