บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 711
บทที่ 711 ล้มกะทันหัน
นางไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่พูดหลอกพูดจริง
ซ่านเซิ่งหานกับซ่านจินจื๋อทั้งสองคนเหมือนจะสนใจวิธีการเป็นอมตะมาก และคนฉลาดจริงไม่พูดประเด็นที่อ่อนไหวแบบนี้ต่อหน้านางแน่นอน แต่ซ่านเซิ่งหานกลับพูดอย่างจริงจังว่า: “และวิธีนี้มีแต่เจ้าคนเดียวเท่านั้นที่รู้ ถ้าเจ้ากังวลว่าคนอื่นจะรู้เรื่องนี้ ข้าจะสั่งคนให้ไปฆ่ามันเอง”
“จากนั้นรอจนข้ามีชีวิตอมตะล่ะ?” กู้อ้าวเวยยิ้มอย่างมีเลศนัย
“ไปทำเรื่องที่เจ้าอยากทำ”
ซ่านเซิ่งหานพูดอย่างจริงใจ ดูไม่ออกเลยว่าพูดเท็จ ขนาดนางยังยากที่จะแยกออกเลย
“น่ากำสิ้นดี ถ้าเจ้าอยากให้คุณหนูมีความสุขจริงๆ วันนี้ทำไมถึงต้องแยกนางออกจากอ๋องจิ้งด้วยเล่า?” ผิงชวนก้าวเข้ามาพยุงตัวกู้อ้าวเวยขึ้น: “ถ้าเรื่องที่คุณหนูอยากทำต่อไป ก็คือการทำอะไรร่วมกับอ๋องจิ้งล่ะ?”
“มีเพียงข้อนี้เท่านั้น ที่ข้าถอยไม่ได้จริงๆ” ซ่านเซิ่งหานหุบยิ้ม มือที่ไพล่หลังอยู่ก็ทำท่าสัญลักษณ์ เฟิงฉีนพาคนเดินกันเข้ามา แต่กลับมองมือนั้นที่จับมือกู้อ้าวเวยไม่ปล่อย และพูดเสียงทุ้มตำว่า: “ในเมื่อท่านเป็นคนที่องค์ชายพามา พวกเราจะไม่อ่อนข้อให้เด็ดขาด”
“เหตุผล” กู้อ้าวเวยได้ยินแล้ว แค่จับตัวผิงชวนไปไว้หลังตัวเองแทน และพูดเสียงต่ำ
“เพราะเขาไม่คู่ควรกับเจ้า สิ่งที่เขาทำเมื่อก่อนจนถึงตอนนี้ ก็เทียบกับเจ้าไม่ได้เลย” ซ่านเซิ่งหานสายตาแหลมคม กำมือแน่น: “เจ้าคู่ควรกับสิ่งที่ดีกว่านี้”
เหตุผลนี้ กลับทำให้กู้อ้าวเวยพูดตอบโต้อะไรไม่ได้เลย
เฟิงฉีนที่อยู่ด้านหลังกลับแค่ยักคิ้วขึ้น รู้ว่าต้องมีเหตุการณ์นี้แน่นอน
องค์ชายสามและอ๋องจิ้งไม่เคยขัดแย้งอะไรต่อกันเลย แม้จะต้องโต้แย้งกันในที่ประชุมบ้าง นั่นก็เป็นเรื่องปกติของการประชุมอยู่แล้ว แต่รอกู้อ้าวเวยกลับมาอยู่กับซ่านจินจื๋ออีกครั้ง ซ่านเซิ่งหานก็เปลี่ยนไปทันที
ผิงชวนรู้สึกไม่สมเหตุสมผลเลย ไม่เชื่อว่าซ่านเซิ่งหานจะคิดแค่นี้จริงๆ
แต่เสียดายครั้งนี้เขายังไม่ได้พูดอะไร คมดาบที่คุ้นเคยจ่ออยู่ที่อกเขาแล้ว หญิงตรงหน้าสีหน้าเคร่งขรึม หยุนอี้ในมือกลับออกจากปลอกนานแล้ว ริมฝีปากเผยออกช้าๆ คำพูดที่เปร่งออกมากลับทำให้ผิงชวนรู้สึกหลาดกลัว: “ผิงชวนเป็นคนข้างตัวจองท่านแม่ข้า ทำร้ายเขาไม่ได้ แต่ก็ปล่อยเขาไปไม่ได้”
“ท่านจะทำอะไรกัน?” เฟิงฉีนเดินไปข้างซ่านเซิ่นหาน มองเข้าไปในดวงตาของกู้อ้าวเวยอย่างจดจ่อ
นางไม่เห็นจริงๆเหรอ?
“ผิงชวนภักดีต่อข้า ข้าไม่อยากลงมือเลย” กู้อ้าวเวยหัวเราะในลำคอ เงยหน้าขึ้นมา พูดเสียงทุ้มต่ำว่า: “ข้าเคยบอกเรื่องที่เกี่ยวกับหยุนหว่านกับเจ้า เจ้าไม่ได้บอกกับใคร สิ่งที่ข้าเคยบอกให้เจ้าไปทำ เจ้าก็ตอบตกลงทั้งหมด ยิ่งไม่ต้องพูดถึงเสื้อผ้าและขนมที่เจ้าเตรียมให้กับข้า ข้าจำไว้ในใจทั้งหมด เทียบกับซ่านจินจื๋อแล้ว ข้าเชื่อจิตใจของเจ้ามากกว่า”
“คุณหนู!” ผิงชวนเบิ่กตาโพลงโต แต่ที่แลกมาคือหยุนอี้ที่อกกลับดันเข้ามาที่อกเพิ่มขึ้น
ซ่านเซิ่งหานกลับยังคงไม่รู้สึกสะทกสะท้านกับเหตุการณ์ตรงหน้า
ทุกคนรู้แค่ว่ากู้อ้าวเวยไม่เข้าใจว่าเขาคิดอะไร แต่ตอนนี้ดูแล้ว เรื่องเล็กน้อยพวกนี้กู้อ้าวเวยจำไว้ตลอดไม่เคยลืม
“ผิงชวน ข้าจำสิ่งที่ข้าเคยบอกไว้ได้ ข้าจะมีชีวิตอยู่ต่อไป” กู้อ้าวเวยลดมือลง ได้ยินเสียงเท้าเดินมาอย่างวุ่นวาย แม้จะไม่เห็นก็รู้ว่าเฟิงฉีนมาคนมาจะจัดการผิงชวนแล้ว
และมีแค่ผ้าบางๆกั้นไว้ ซ่านเซิ่งหานและซ่านจินจื๋อกับมือคู่นั้นที่ไม่เหมือนกันจับข้อมือนางไว้ และพูดเสียงอ่อนโยนว่า: “ข้ารอเจ้าอยู่นาน”
“ข้ารู้อยู่แล้ว แต่ถ้าข้าไม่กลับไปคลอดลูก ท่านแม่และท่านพ่อคงไม่เอาเจ้าไว้แน่” กู้อ้าวเวยหยิกมือเขา ยกมือขึ้นมาจุดหน้าข้างๆของเขาและพูดว่า: “แค่ซูพ่านเอ๋อมีชีวิตอยู่ ข้าคงเชื่อใจซ่านจินจื๋อไม่ได้ ตอนนี้ที่ผ่านมาก็เป็นแผนการของเขา พวกเราก็ทำแผนซ้อนแผ่นเสียสิ?”
“ดี” ซ่านเซิ่งหานจับมืออีกข้างของนาง ยิ้มเบาๆพูดว่า: “ตอนนี้เจ้าไม่เห็น ก็ไม่ต้องไปที่ตึกชั้นสองแล้วล่ะ ข้าหาที่อยู่ใหม่ให้เจ้าเป็นยังไง?”
“แล้วแต่เจ้าแล้วกัน ขอแค่อย่าให้เฟิงฉีนดูแลข้าก็พอ” กู้อ้าวเวยผละมือออก พยุงที่นั่งข้างๆอย่างระวังและนั่งลงไป ทุบขาตัวเองอย่างระวัง ข้างหูมีเสียงพึมพำของผิงชวน แต่เสียงกลับเบามาก: “ผิงชวนวรยุทธล้ำเลิศ โซ่เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด แต่ก็อย่าทำร้ายเขานะ”
ซ่านเซิ่งหานแค่พยักหน้ากับเฟิงฉีนเท่านั้น สั่งให้นางทำตามที่กู้อ้าวเวยบอก
แต่ในใจกลับรู้ว่ากู้อ้าวเวยเกลียดเฟิงฉีน เพียงเพราะตอนนั้นนางพาคนไปหลอกกุ่ยเม่ย ทำให้ต้องเป็นอันตราย นางมักเอาแต่คิดเรื่องเก่า ไม่อยากทำร้ายใครมาก ยังไงนิสัยนี้ก็ไม่เคยเปลี่ยนไปเลย
“คุณหนู เป้าหมายตั้งแต่แรกคือเรื่องนี้เองเหรอ?” ผิงชวนผละออกมาอย่างลำบาก และอดไม่ได้ที่จะถาม
“ข้าเกิดมาก็เพื่อมีชีวิตอยู่ แต่เสียดายพวกเจ้ากลับคิดว่าข้าถูกความรักครอบงำ” กู้อ้าวเวยนั่งไขว่ห้าง และพูดว่า: “เจ้าคิดว่า ข้าจะเป็นเพื่อนกับพวกเจ้าที่โง่งั้นเหรอ? ก็แค่สงสารชีวิตที่คล้ายแมลงเม่าของพวกเจ้าเท่านั้น”
“งั้นเจ้านายกับฝ่าบาท……”
“พวกนางให้ข้าเกิดเป็นคนที่ไร้หัวใจ แต่ก็ฆ่าไม่ได้” กู้อ้าวเวยรู้สึกรำคาญ เก็บมือและพิงลงไปที่เก้าอี้: “และ ถ้าข้าแสดงออกว่าใจดีมีเมตตา พวกเจ้าจะยอมเคารพข้าไหมล่ะ?”
……
ซ่านเซิ่งหานเลือกลานเล็กที่มีเสียงนกร้อง ข้างหูมีเสียงกางปีกบินของนก กลิ่นดอกไม้และยาอบครวญไปทั่วจมูก เป็นสิ่งที่กู้อ้าวเวยชอบมาก แค่มองไม่เห็นเท่านั้น ทำได้แค่นั่งและสัมผัสหญ้าเบาๆ เมื่อกี้เสื้อผ้าสีจืดก็เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าสีน้ำใส ขอบเสื้อมีการปักลายหญ้าไว้และสะบัดโบกพริ้วไปมาตาม สวยงามยิ่งนัก
ตอนที่เยว่เข้ามา กู้อ้าวเวยก็ไม่เหมือนอย่างเมื่อก่อนแล้ว
ตอนนี้นางหักก้านนอกที่ยังไม่เติบโตเต็มที่ออกมา ดมดูกลิ่น: “ดอกไม้นี้ไม่ใช่ของฤดูนี้นี่ จะให้มันออกดอกตอนนี้ ดูใจร้ายไปนะ”
“ใจร้ายก็คือท่านที่ไม่น่าเด็ดมันลงมาเหรอ?” เยว่เดินเข้ามาภายในลาน ในมือมีเสื้อสองชุด
“ก็อาจจะใช่นะ แต่ใครให้ฟ้าไม่ให้ข้าได้เห็นล่ะ” กู้อ้าวเวยพูดอย่างเย็นชา กลับตัวอย่างระมัดระวัง ทำได้แค่เดินไปตามทางเดินเท้าตัวเซไปมา เดินตรงเข้าไปในห้อง บนหลังคามีเสียงนกร้องจุกจิกดังขึ้น เท้าก็มีเชือกบางๆมัดไว้ไม่สั้นไม่ยาว
องค์ชายสามคิดมารอบคอบจริงๆ
“ก่อนหน้านี้ท่านเป็นคนใจดีมีเมตตานี่นา” เยว่เดินตามหลังนาง และหยุดเดินพูดว่า: “งั้นลูกของท่านล่ะ?”
“รอจนข้าได้ทุกอย่างแล้ว ชิงจือและอี้จื๋อจะได้กลับมาอยู่กับข้าแน่นอน” กู้อ้าวเวยก็หยุดเดิน และมองไปข้างๆพูดว่า: “เยว่ เจ้าช่วยข้าทำอย่างหนึ่งสิ”
“อะไรเหรอ?”
“ให้จื่อกลับมาดูแลข้า ข้าจะได้บอกกับฉีหรัวด้วยว่าข้าสบายดี เดี๋ยวคนอื่นจะสงสัยกันอีก” พูดจบ กู้อ้าวเวยพยุงราวไม้และนั่งลงช้าๆบนราว มืออีกข้างวางไว้บนขา ใบหน้าและสีหน้าก็ดูดีขึ้น
ผู้หญิงคนนี้ เปลี่ยนจากในถึงนอกได้