บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 725
บทที่ 725 แก้แค้น
แสงจันทร์สาดส่องดวงดาวเลือนราง แสงไฟที่จุดไว้กระจายอยู่ในอารามไป๋หม่า
ดวงตาของกู้อ้าวเวยไม่สามารถมองเห็นได้ แต่นางกลับยังไม่อยากนอนหลับ และยังคงใช้มือแยกแยะวัตถุดิบสมุนไพรในมืออย่างอดทน แล้วส่งให้เฟิงฉีนชั่งน้ำหนัก จากนั้นส่งให้เยว่มาบด ในขณะที่ซูพ่านเอ๋อทำแต่เพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น
ช่วงเวลายามสาม เสียงร้องไห้สะอื้นของซูพ่านเอ๋อทำลายบรรยากาศความสงบเงียบยามค่ำคืน “กู้อ้าวเวย สายตาของเจ้ามองก็ไม่เห็น การต้องมาทำวัตถุดิบยาพวกนี้ก็เป็นเพราะเพื่อทำลายพวกเข้าใชาไหม”
“ข้านอนหลับมากเกินไปจริงๆ คิดว่าอาจจะอยู่ได้สักสองคืน แล้วก็รออีกเป็นเวลาหลายชั่วโมงบนรถม้า” กู้อ้าวเวยตอบกลับโดยไม่เงยหน้าขึ้น และค่อยๆวางตัวยาลงในถุงกระดาษที่อยู่ด้านข้าง และพูดอีกว่า “หากเจ้าไม่อยากทำสิ่งนี้ ก็เปิดหน้าต่างที่อยู่ตรงหน้าข้า แล้วไปคุกเข่าอยู่นอกประตู แบบนี้จะได้ไม่ต้องเหนื่อย”
“กู้อ้าวเวย!”
เจ้าคิดว่าข้าเป็นท่านพี่จื๋อของเจ้าหรือไง” กู้อ้าวเวยหยุดมือนิ่งไม่เคลื่อนไหว ในที่สุดก็เดินหันไปทางที่เสียงของซูพ่านเอ๋อดังออกมา แล้วทำความสะอาดเศษต่างๆที่อยู่ในมือ “เยว่ เอายาที่อยู่ในมือให้กับนาง มัดไว้ด้วยเชือกแล้วนำตัวออกไปคุกเข่าให้เรียบร้อย”
เยว่ทำเช่นนั้นด้วยใบหน้าที่สงบ แม้หลังจากกินยาเสร็จก็ปิดปากของนาง แล้วมัดให้ดีจากนั้นก็โยนลงไปในลาน
ในเวลายามสาม เฟิงฉีนขมวดคิ้วและเริ่มรู้สึกง่วง การเคลื่อนไหวในมือช้าเล็กน้อย แต่กลับได้ยินเสียงอู้อี้เล็กๆจากนอกหน้าต่าง นางและเยว่เงยหน้าขึ้นมองในเวลาเดียวกัน ก็ได้เห็นซูพ่านเอ๋อล้มลงบนก้อนหิน ตัวสั่นไม่หยุดไปทั้งร่าง
“นี่ไม่ใช่ยาพิษ แต่นางเอายาลับของตระกูลหยุนของข้าไป ยาพงกนี้มีความขัดแย้งกันอยู่แล้ว” ดวงตาของกู้อ้างเวยปิดตา แต่มือยังเคลื่อนไหวไม่หยุด ค่อยๆลูบหมึกบนกระดาษ แล้วพูดเสียงต่ำ “ถ้ายาลับของตระกูลหยุนคือความเป็นอมตะด้วย อย่างนั้นก็คงไม่สามารถจะเข้าถึงยาที่ขัดแย้งกันได้ และยาลับนี้มาพร้อมกับเสียงของคนคนหนึ่ง ดังนั้นยาลับของตระกูลหยุนจึงไม่ใช่ยาครอบจักรวาล”
ประโยคนี้พูดเหมือนบ่นพึมพำ มือของเยว่ยังคงขยับต่อไป และเสียงอู้อี้ด้านนอกประตูก็ดังขึ้น และได้ยินเสียงสิ่งของบางอย่างกระทบกับหิน
เยว่หันมองไปดู สีหน้าเปลี่ยนไป “นางใช้หัวกระแทกกับพื้น”
“อย่างนั้นดูเหมือนว่าเจ้าชั่งปริมาณน้อยไปครึ่งหนึ่ง” กู้อ้างเวยปรบมือ ขยับปลายจมูกเล็กน้อย “แม้ว่าฤดูหนาวใกล้เข้ามา แต่ปลายฤดูใบไม้ร่วงจะมีฝนตกสองครั้ง แต่ไม่รู้ว่าวันนี้จะตกลงมาหรือไม่ ข้าก็จะลองดูพอดี”
“องค์หญิง ท่านหมายถึงอะไร”
“สมุนไพรเมื่อกี้นี้เป็นเพียงรสชาติที่เรียบง่ายที่สุด หากฝนตกลงมา และให้ซูพ่านเอ๋อจิบสักสองสามครั้ง ก็จะไม่รู้สึกไม่สบายแล้ว” กู้อ้าวเวยพูดด้วยเสียงดังขึ้นเล็กน้อย พูดแบบค่อนข้างจะจริงจัง แต่กลับยังคิดอยู่บ้างส่วนหนึ่ง เดินกลับไปมาอยู่สักพักและกลับไปที่โต๊ะอีกครั้ง “หยุดทุกอย่างในมือพวกเจ้าก่อน มาลองใช้ยาสูตรอื่นอีกครั้ง”
ซูพ่านเอ๋อที่อยู่กลางลานได้ยินดังนี้ กลับรู้สึกสิ้นหวัง
บางทีมันอาจจะเป็นคำทำนายของกู้อ้าวเวย ก่อนที่วันนั้นจะใกล้เข้ามา มีสายฝนโปรยปรายลงมาตรงขอบฟ้า เยว่ถอดผ้าที่ปิดปากนางออก แต่ซูพ่านเอ๋อไม่มีแม้แต่แรงเรียก เพียงแต่กลืนฝนเม็ดน้อยลงไปในท้อง
เฟิงฉีนเฝ้าดูทั้งหมดนี้อยู่เงียบ ๆ “นี่เป็นการแก้แค้นซูพ่านเอ๋อของท่านใช่ไหม”
“นี่เป็นผลร้ายจากการไม่รู้จักเคารพครูอาจารย์ของนางและเมี่ยวหาร” กู้อ้าวเวยยังคงนับวัตถุดิบยาในมืออย่างระมัดระวัง พูดจากด้านข้า “ไปตามเรียกเมี่ยวหารมา ข้าอยากเห็นว่าเขาจะจัดการกับซูพ่านเอ๋ออย่างไร”
คำพูดนี้ปนรอยยิ้มเล็กน้อย
เฟิงฉีนกลัวจนตัวสั่น หันหลังกลับไป เหลือเพียงกู้อ้าวเวยและเยว่อยู่ในห้องสองคน
เยว่ไม่ต้องการลดศีรษะลงเพื่อจะถามถึงประสิทธิภาพของยาเหล่านี้ กู้อ้าวเวยฏไม่บอกให้รู้ แต่เมื่อเยว่เอื้อมมือออกไปจะไปหยิบยา นางกลับเอ่ยปาก “สิ่งนี้มีพิษ ข้าสามารถใช้มันได้ จ้ากับเฟิงฉีนไม่ต้องใช้มันแล้ว”
“เพราะอะไร” เยว่ถามโดยไม่รู้ตัว
“พวกเจ้ากินยามาเพื่อเสริมสร้างร่างกายตั้งแต่เด็ก และเนื่องจากความอ่อนแอทางร่างกายของผู้หญิงจึงสร้างขึ้นมาเพิ่มเติมเมื่อโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ยาตัวนี้เป็นบวกเดินไป และเป็นยาใช้ภายนอก หากเจ้าสัมผัสบ่อยเข้า กลัวว่าจะทำให้ร่างกายเสียหาย” กู้อ้าวเวยอธิบายด้วยเสียงต่ำ ในขณะที่มืออีกข้างถือสมุนไพรอยู่ สั่งออกไป “ปลดพันธนาการซูพ่านเอ๋อแล้วโยนออกไป หยุดเมี่ยวหารไว้และให้เขากลับเข้าห้องไป”
เยว่พยักหน้าอย่างสงสัย ยังคงทำอยู่
แม้ว่าจะปลดห่วงของซูพ่านเอ๋อแล้วก็ตาม นางกลับทำได้เพียงล้มลงกับพื้นอย่างหดหู่ ขาทั้งสองชาและยากจะลุกขึ้น และเฟิงฉีนรีบพาเมี่ยวหารไปข้างหน้า ระยะหลังมาไม่ได้ใส่เสื้อคลุมตัวนอก ใส่เพียงรองเท้าข้างเดียวแล้วรีบมุ่งไป แต่กลับถูกเยว่ขวางเอาไว้
“กู้อ้าวเวย ตอนนี้พวกเราเหมือนคนที่อยู่บนเชือกเส้นเดียว” เมี่ยวหารจับแขนที่ยกขึ้นของเยว่ เกลียดตัวเองที่ไม่เป็นการต่อสู้
“ถึงอย่างนั้น เจ้าก็ยังเป็นคนที่อยู่ใต้ข้า” กู้อ้าวเวยยุ่งอยู่ตลอดทั้งคืน ตอนนี้ได้เคาะต้นขาแล้วนั่งลงช้า ๆ ลูบที่มุมตา “อีกอย่างเจ้ารู้ว่าข้ากับนางมีความแค้นต่อกัน ดังนั้นครั้งนี้จึงเรียกเจ้ามา ให้เจ้าจัดการออกใบสั่งยารักษาอาการเจ็บปวดให้กับข้า ข้าไม่อยากคิดเรื่องพวกนี้เพื่อหาวัตถุดิบยาสำหรับความเป็นอมตะ และคิดขึ้นได้อีกว่าเจ้าไม่ไว้วางใจข้า ดังนั้นจึงพาซูพ่านเอ๋อไปผ่าตัด”
สิ้นเสียงพูด ใบหน้าของกู้อ้าวเวยก็ปรากฏรอยยิ้มจาง ๆ ทำให้ทุกคนที่อยู่ตรงนี้ตื่นกลัว
ใบหน้าของเมี่ยวหารเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก แต่แววตาของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อยเมื่อมองไปยังซูพ่านเอ๋อ
“องค์หญิงระวังด้วย!” เฟิงฉีนมองเห็นแสงสีเงินที่มือของซูพ่านเอ๋อ
คนที่ทรุดตัวลงลุกขึ้นทันที แต่ใบมีดยังไม่ใกล้กับกู้อ้าวเวย หยุนอี้บนเอวของกู้อ้าวเวยก็ไม่รู้ว่าถูกดึงออกมาเมื่อใด ในตอนนี้แนบแน่นอยู่บนหน้าอกของซูพ่านเอ๋อ และฝีเท้าของซูพ่านเอ๋อก็เคลื่อนเข้ามาไม่หยุดแทงลงไปเล็กน้อย กู้อ้าวเวยไม่ได้ลืมตา เพียงแค่ยืนอย่างสบาย เพียงแค่ยืนขึ้นอย่างสบาย ๆ เหวี่ยงมีดสำหรับการแพทย์ในมือของซูพ่านเอ๋อออกไป พูดอย่างเยือกเย็น “มีดของข้า แม้แต่ซ่านจินจื๋อก็ไม่สามารถใช้มันได้”
“เจ้ามันสัตว์ประหลาด…ฮึ” ซูพ่านเอ๋อมีอาการเจ็บตรงหน้าอก และมืออีกข้างหนึ่งของนางค่อยๆผลักนางออกไป หยุนอี้พลิกดอกไม้ออกมา หล่นลงกลางฝ่ามือ ทิ้งรอยแดงไว้
“เมี่ยวหาร นี่คือสิ่งที่เจ้าพูดใช่หรือไม่ ซูพ่านเอ๋อไม่ได้อยู่บนเชือกเส้นเดียวกันกับเรา” กู้อ้าวเวยจะนับมีดการแพทย์ที่ตัวเองนับมาไม่ชัดเจนได้อย่างไร และยิ่งจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าซูพ่านเอ๋อจะไม่หาโอกาสฆ่าตัวเองให้ตาย”
เมี่ยวหารไม่มีความย่อท้อในเวลานี้
เยว่และเฟิงฉีนต่างมองตานาง
ทำไมนางถึงมองไม่ชัดเจน แต่กลับยังหาชะตากรรมของอีกฝ่ายเจออีกหรือ
“จ่ายใบสั่งยาออกมา หรือจะให้ข้าส่งพวกเจ้าไปบนถนน ข้าเชื่อว่าซ่านเซิ่งหาน ก็คงไม่ต้องการให้ทั้งสองคนที่อยากจะฆ่าข้ามาตามอยู่ข้างกาย” กู้อ้าวเวยประคองโต๊ะไว้แล้วเดินไปยังประตู นางมองไม่เห็นการแสดงออกบนใบหน้าของเมี่ยวหาร แต่กลับได้ยินเสียงร้องไห้ขากด้านหลัง และเมี่ยวหารก็ได้ยอมบอกชื่อตัวยาเหล่านั้น
จดชื่อยาไว้ทีละชื่อ ตอนกำลังไปรับยาเฟิงฉีนพาเยว่ออกไปพูดเป็นการส่วนตัว “อย่าไปยุ่งกับนางอีกเลย”
“ข้ารู้แล้ว” แม้แต่เยว่ก็ไม่สามารถจะรับประกันได้ว่าตนเองจะสามารถแทงมีดลงไปบนหน้าอกได้หากว่าตาบอดทั้งสองข้าง และยิ่งไม่มีทางใจเย็นให้กับคนที่ทำร้ายตนเองได้