บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 747
บทที่ 747 เริ่มระแวง
ค่ายของกู้จี้เหยาอยู่ไม่ไกลจากค่ายผู้บัญชาการของซ่านจินจื๋อนัก
เพียงแต่รอบบริเวณไม่อนุญาตให้มีผู้ชายวนเวียนอยู่จำนวนมากนัก อีกทั้งค่ายรอบบริเวณต่างเคลื่อนย้ายออกไป ละแวกใกล้เคียงมีคนใต้บัญชาของเฉิงซานคอยอารักขา นับว่าปลอดภัยยิ่งนัก แม้จะเป็นเช่นนี้ กู้จี้เหยาก็ยังคงยัดซูพ่านเอ๋อเข้าไปอีก แล้วจะสบายใจอะไรได้อีกเล่า?
กู้อ้าวเวยเดินเข้าไปด้านใน พลางรู้สึกว่าน่าขันเล็กน้อย
ผู้หญิงที่พัวพันอยู่ข้างกายซ่านจินจื๋อทั้งชีวิตนี้ล้วนเป็นพวกไม่ใช่ย่อย แต่ละคนเจ้าคิดเจ้าแผนการกันทั้งนั้น
มองย้อนกลับไปที่ผู้หญิงข้างกายของซ่านเซิ่งหาน ก็แม้แต่ตนเองก็ยังภักดีต่อเขา นับประสาอะไรกับพี่น้องสกุลเฟิงและเยว่ชิงสามคนนี้ภักดีต่อซ่านเซิ่งหานถึงขั้นใดกันแล้ว
เดินเข้าไปในกระโจมของกู้จี้เหยาโดยปราศจากสิ่งกีดขวาง มองเห็นทั้งสองนั่งอยู่บนเก้าอี้อย่างเคารพกันและกันปานแขกเหรื่ออยู่พอดี ในมือกระทั่งยังยกถ้วยน้ำชาเอาไว้ จุดนี้กลับทำให้กู้อ้าวเวยรู้สึกตกใจเล็กน้อย แต่ก็เป็นเพียงชั่วครู่ ก่อนกล่าวยิ้มๆ “หงเซียวมารายงาน ข้ายังคิดว่าพวกเจ้าสองคนจะวิวาทกันอีกแล้ว”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ซูพ่านเอ๋อก็มองกู้อ้าวเวยเพิ่มอีกปราดหนึ่ง
“ย่อมไม่ทำอยู่แล้ว ตอนนี้หากข้าคิดอยากจัดการนางขึ้นมาจริงๆ ย่อมมีวิธีการมากมายอยู่แล้ว” กู้จี้เหยากล่าวเช่นนี้แต่กลับมองกู้อ้าวเวยอีกสองสามหน “คราแรกเรื่องราวของวิหารเฟิ่งหมิง เดิมทีข้าคิดว่าท่านจะหมางเมินเหินห่างกับซ่านจินจื๋อเสียอีก…”
“และต้องขอบคุณเจ้าในครั้งนั้นด้วย ตอนนั้นข้ายังเรียนรู้ประสบการณ์ของความรู้สึกที่เหมือนหัวใจจะแดดิ้นเข้าให้แล้วจริงๆ แต่ตอนนั้นข้ายังไม่ใคร่เชื่อใจเขาเท่านี้” กู้อ้าวเวยยิ้มพิมพ์ใจ เห็นว่าไม่มีเก้าอี้แล้ว จึงนั่งลงบนโต๊ะด้านข้างตามอำเภอใจ กล่าวเสียงต่ำ “ดังนั้นเจ้ากับซูพ่านเอ๋อต่างอยู่ในความสงบไร้ปัญหา เพื่ออะไรกัน?”
“เพราะในมือของซูพ่านเอ๋อมีของที่ข้าต้องการ” ใบหน้าของกู้จี้เหยาฉายแววหงุดหงิดยิ่งนัก
“ของอะไร?” กู้อ้าวเวยมองไปทางซูพ่านเอ๋อปราดหนึ่งด้วยความคลางแคลง จากนั้นจึงหัวเราะอีกครั้ง “ไม่แน่ว่าข้าเองก็มี?”
กู้จี้เหยามองนางปราดหนึ่งด้วยสีหน้าพิศวง จากนั้นจึงหัวเราะเบาๆ “กู้อ้าวเวย ท่านคิดว่าท่านแข็งแกร่งทุกด้าน รอบรู้ทุกอย่างจริงๆ หรือ?”
“แล้วมิเช่นนั้นเล่า?” กู้อ้าวเวยไหวไหล่
กู้จี้เหยาขบฟัน คราวนี้ซูพ่านเอ๋อที่อยู่ด้านข้างจึงปริปากเอ่ยเสียงกระซิบ “สิ่งที่นางต้องการคือม้วนตำราเล่มหนึ่งในมือของเมี่ยวหาร นั่นคือยาแก้พิษของเจ้า”
ยาแก้พิษของรากถุงน้ำดีหงส์?
กู้อ้าวเวยมองเห็นรอยยิ้มบนใบหน้าของทั้งสอง ในใจกลับคิดว่าพิษของถุงน้ำดีหงส์นี้ยังใส่ให้กับคนอื่นด้วยกระนั้นหรือ…
แต่ว่าเวลานี้นางถึงได้เบิกตากว้างเต็มแรง มือข้างหนึ่งกำอาภรณ์ที่อยู่บริเวณอกเอาไว้แน่น
ถ้าหากบอกว่าวิธีของการเป็นอมตะก็คือการต่อชีวิตด้วยพิษ แล้วจึงรักษาความอ่อนเยาว์ด้วยวิธีเลือดแลกเลือด เช่นนั้นสาเหตุที่ตอนนี้นางสามารถนั่งอยู่ที่นี่ได้อย่างสมบูรณ์โดยไม่ได้รับความเสียหาย อีกทั้งพิษของเหง้าถุงน้ำดีหงส์ยังไม่ได้ซึมซาบร่างกายของนาง ก็เพราะมันกลายเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงร่างกายของนางโดยสิ้นเชิง…
ถ้าหากขาดสิ่งหล่อเลี้ยง แต่ร่างกายนี้ยังคงต้องการการบำรุงด้วยพิษ นางควรจะทำอย่างไรดีเล่า?
สภาพจิตใจพลันสับสนวุ่นวายไปชั่วขณะ ก่อนที่นางจะดึงสติกลับมา มองไปที่สายตาแปลกประหลาดของทั้งสอง ปริปากเอ่ยเสียงต่ำ “คนที่ต้องพิษเหง้าถุงน้ำดีหงส์อยู่ที่ไหน?”
“ไม่มีความคิดเห็น” กู้จี้เหยากลอกตา
“เป็นใคร?” กู้อ้าวเวยลุกจากบนโต๊ะ เดินตรงไปเบื้องหน้าของกู้จี้เหยา ทอดสายตามองนางจากมุมสูง “พิษของเหง้าถุงน้ำดีหงส์ไม่ได้หาพบง่ายนัก มีแต่ในมือเมี่ยวหารเท่านั้นถึงมี เจ้าไม่รู้ว่าทำไมเมี่ยวหารถึงได้วางพิษใส่คนข้างกายของเจ้ากระนั้นเชียวหรือ?”
กระทั่งถ้วยชาในมือของซูพ่านเอ๋อเริ่มจะถือไว้ไม่มั่นแล้ว “เจ้ากล้าดีอย่างไรถึงได้บอกว่านี่คือพิษของเมี่ยวหาร”
“เพราะในมือของข้ามีเพียงถุงน้ำดีหงส์อันเดียวเท่านั้น แต่เหง้าของมันกลับอยู่ในมือของเขา อิงตามปีปัจจุบัน รอจนกว่าถุงน้ำดีหงส์จะเจริญเติบโต อย่างน้อยๆ ยังต้องใช้เวลายี่สิบปี” กู้อ้าวเวยกล่าวเช่นนี้ด้วยความเด็ดขาด “ข้าเคยบอกกับเจ้าว่าเมี่ยวหารไม่น่าไว้ใจด้วยซ้ำ คนที่จะช่วยชีวิตเจ้าได้ ก็มีแต่ตัวเจ้าเองเท่านั้น”
มือของซูพ่านเอ๋อไม่สามารถหยุดยั้งอาการสั่นได้ นางจำได้ว่าตนเองเคยปะเหลาะขอถุงน้ำดีหงส์กับกู้อ้าวเวย แต่คิดไม่ถึงว่าของสิ่งนี้ยังอยู่ในมือของกู้อ้าวเวย อีกทั้งนางยังเคยบอกเรื่องนี้กับตนแล้วด้วย
ส่วนเมี่ยวหารกลับไม่เคยบอกว่าในมือของเขามีเหง้าของถุงน้ำดีหงส์มาก่อนเลย
กู้จี้เหยารู้สึกงงงวยก่อนเป็นอันดับแรก ต่อมาจึงนึกถึงตื้นลึกหนาบางภายในนั้นอย่างถี่ถ้วน
หากเอ่ยถึงเรื่องในปีนั้น นางแทบอดรนทนไม่ไหวอยากฆ่าซูพ่านเอ๋อให้ตายไปเสีย ทว่าตอนนี้เพื่อวิธีการแก้พิษนางก็ได้แต่นั่งสงบอารมณ์ดื่มชากับนางอยู่ที่นี่ ถ้าหากกู้อ้าวเวยสามารถล่วงรู้ความลับที่อยู่เบื้องหลังนี้ได้ นั่นไม่ใช่ว่า…
วางถ้วยในมือลง กู้จี้เหยามองซูพ่านเอ๋อที่อยู่ข้างกายอีกปราดหนึ่ง “เช่นนั้นเหตุผลที่เจ้าเชื่อนางเล่า?”
“เพราะคู่ต่อสู้ของพวกเราล้วนเป็นผู้ชาย” อย่างไรเสียผู้ผลักดันอยู่เบื้องหลังต้องเป็นผู้ชายแน่ กู้อ้าวเวยคิดเช่นนี้ สุดท้ายแล้วนางไม่ได้หลอกลวงซูพ่านเอ๋อ เพียงแต่ซูพ่านเอ๋อจะคิดว่าผู้ชายที่นางพูดถึงเป็นใครนั้น ก็หาได้มีความเกี่ยวข้องกับนางเลยแม้แต่น้อย
ผู้หญิงสามคนที่สงสัยซึ่งกันและกันแทบจะไม่สามารถบรรลุฉันทามติกันได้ แต่เพื่อได้รับข่าวสารแล้ว กู้อ้าวเวยยังคิดหาวิธีทำให้ซูพ่านเอ๋อออกไปอยู่ดี อีกทั้งตอนที่นางออกไป กู้อ้าวเวยยังจงใจบอกนางเป็นพิเศษ “ครั้งนี้เจ้ากับเยว่ชิงล้วนจะถูกทิ้งไว้ข้างหลัง หากปากรั่วพูดอะไรออกไป ข้าก็ช่วยชีวิตเจ้าไม่ได้”
“ปริศนาแห่งความเป็นอมตะที่เจ้าบอกข้าล้วนเป็นเรื่องจริงหรือ?” ซูพ่านเอ๋อกดเสียงต่ำเอ่ยถามหนึ่งประโยค
“ปริศนาแห่งความเป็นอมตะล้วนเป็นของปลอม แต่ในขณะนี้ยังไม่มีใครรู้ว่านี่เป็นของปลอม เจ้าสามารถหลอกลวงคนอื่นได้ แต่ยกเว้นข้า” กู้อ้าวเวยมองนางด้วยสีหน้าเย็นชา เจือแววเตือนภัยหลายขนัด
ใบหน้าของซูพ่านเอ๋อขาวซีด คิดเอาเองโดยสัญชาตญาณว่าซ่านจินจื๋อยืนกรานจะทิ้งนางไว้ข้างหลังเพื่อทรมานนาง
ส่งซูพ่านเอ๋อออกไปแล้ว คราวนี้กู้อ้าวเวยจึงย้อนกลับมาอยู่ต่อหน้าของกู้จี้เหยาอีกครั้ง แววตาเป็นแสงยะเยือกทั้งแถบ มองกู้จี้เหยาด้วยสายตาเย็นชา “คนผู้นั้นเป็นใคร?”
“แต่ก่อนอื่น ข้ายิ่งสงสัยว่าทำไมท่านกับซูพ่านเอ๋อถึงได้มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันขนาดนั้น อาจเป็นเพราะท่านยังมีอุบาย?” กู้จี้เหยารินชาให้นางหนึ่งถ้วย นัยน์ตาคู่งามได้แต่มองสำรวจการแสดงออกทางสีหน้าของกู้อ้าวเวยอย่างถี่ถ้วน มือที่วางอยู่ใต้โต๊ะค่อยๆ กำแน่นขึ้น
“บอกข้าว่าคนที่อยู่เบื้องหลังเป็นใคร รวมถึงวาดรูปภาพฮวงจุ้ยนั่นให้ข้าด้วย…สุดท้าย เจ้าแค่ต้องไปรอคอยอย่างอดทนที่ด่านลั่วสุ่ย เจ้าจะได้เห็นจุดจบสุดท้ายที่ซูพ่านเอ๋อที่เจ้าเกลียดมากที่สุดจะได้รับ” กู้อ้าวเวยปริปากเนิบนาบ ปลายนิ้วดันน้ำร้อนไปไว้ด้านข้างอย่างเนิบๆ
กู้จี้เหยามุ่นคิ้ว “ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าที่ท่านพูดมาจริงหรือเท็จ?”
“ตอนนี้มีข้าคอยปกป้องซูพ่านเอ๋อ เจ้ายังจะสามารถทำอะไรนางได้อีก? นับประสาอะไร ไม่เพียงแต่นางเท่านั้นที่รู้ยาแก้พิษ ข้ากระทั่งสามารถมอบยาแก้พิษใส่ในมือของเจ้าได้เลยโดยตรง ในเมืองเทียนเหยียนมีอยู่หนึ่งชุด ในมือของซ่านเซิ่งหานก็มีอีกหนึ่งชุด อีกอย่างของที่สำคัญที่สุดอยู่ในตัวข้า” กู้อ้าวเวยกระตุกมุมปาก เปี่ยมด้วยความมั่นใจ
วัสดุยาที่เหลืออยู่มีเพียงในมือของนางเท่านั้น เลือดมังกรชิ้นเล็กๆ นั่น ถูกนางซ่อนอยู่ในกายเสมอมา
“เป็นกู่เซิง ก่อนที่เขาจะออกจากกู้เฉิงก็รู้สึกไม่ค่อยสบายกาย ตราบจนตอนนี้เขาส่งคนไปอ่านตำราโบราณ ถึงได้รู้ว่าสิ่งที่ตนต้องพิษนั้นก็คือพิษของเหง้าถุงน้ำดีหงส์” กู้จี้เหยากล่าวถึงตรงนี้ ก็อดมุ่นคิ้วขึ้นมาไม่ได้ “อีกอย่างกู่เซิงคิดว่า พิษนี้กู้เฉิงเป็นคนวาง อย่างไรเสียก่อนหน้านี้กู้เฉิงจากไปแบบกะทันหันเกินไป”
ถ้าหากบอกว่ากงกงคนนั้นที่เมี่ยวหารรู้จักในวันนี้กำลังหลอกลวงตน และกงกงคนนั้นก็อาจเป็นไปได้ว่าเป็นคนของซ่านเซิ่งหาน ดังนั้นคนที่อยู่เบื้องหลังเมี่ยวหารคือกู้เฉิง? แต่กู้เฉิงไปเอาความสามารถยิ่งใหญ่ขนาดนี้มาจากที่ไหนกันอีกเล่า?
ทั้งสองต่างไม่ทันสังเกต ซูพ่านเอ๋อที่อยู่นอกประตูถูกเฉิงซานพันธนาการอยู่ในอ้อมอก แทบจะได้ยินบทสนทนาด้านในอย่างชัดเจนแจ่มแจ้ง
กู้อ้าวเวยผู้หญิงคนนี้ ไม่ได้เล่าเรื่องราวออกมาแบบหมดเปลือกเลยแม้แต่น้อย