บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 75
บทที่ 75 ขอบคุณมาก
“แม่ทัพเฉิง ท่านหมายความว่า ชีวิตคนในค่ายธารทหาร ล้วนเป็นการกระทำทั้งหมดของโหวเซ่อกระนั้นหรือ?”
หลังจากที่เซียวไห่ถามจบ ก็ขยิบตาให้ซ่านจินจื๋อ
ในความเป็นจริง เซียวไห่ไม่รู้ว่าสิ่งเหล่านี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับโหวเซ่อจนกระทั่งเขาได้เห็นทุ้งโจวในอุโมงค์ลับ แต่ทำไมแม่ทัพเฉิงจึงบอกความจริงตรงๆ เอาตอนนี้กัน?
“ใช่แล้ว ผู้นำการทำลายล้างฐานทัพภูเขาก่อนหน้านี้ก็คือคนของโหวเซ่อ อีกอย่าง ข้าได้ยินว่ามีบางคนในค่ายธารทหารรวมตัวกันกับโหวเซ่อ ภายหลังข้าและทุ้งโจวที่ตายไปร่วมมือกันตรวจสอบเรื่องดังกล่าว ใครจะรู้ว่ายังไม่ทันได้สืบสวนนานเท่าใดนัก แม่ทัพทุ้งก็…” พูดถึงตรงนี้ แววตาของแม่ทัพเฉิงก็หม่นลง
“ถ้าอย่างนั้นก่อนหน้านี้ท่านได้พูดถึงเรื่องใช้ดาบฟันคนมั่วซั่ว…”
“อาจเป็นไปได้ว่าคนของโหวเซ่อวางยาให้แก่นายทหาร แต่ตอนนี้ศพเหล่านั้นถูกเปลี่ยนเพื่อทำลาย แพทย์ทหารของทางฝั่งเรามีความรู้เรื่องพิษน้อย…” แม่ทัพเฉิงพูดไปพลางถอนหายใจไปพลาง ราวกับว่าเรื่องราวเหล่านี้เคยเกิดขึ้นจริงๆ ไม่ผิดเพี้ยน
“ถ้าอย่างนั้นเหตุใดเจ้าไม่พูดตั้งแต่ทีแรก” ซ่านจินจื๋อมองเขาด้วยสายตาเย็นชา
บัดนั้นแม่ทัพเฉิงก็เขยิบออกจากตำแหน่งเดิม และคุกเข่าลงบนพื้น โขลกศีรษะอย่างแรงสองครา “ข้าเองก็อยากพูดมาก แต่ว่าคนของโหวเซ่อมีอยู่ทั่วทุกหนแห่ง ก็เหมือนเมื่อวาน มีหมอตายลงไปอีกแล้วสองนาย”
“ตายสีกสองรายแล้ว?” เซียวไห่ตบโต๊ะพลางลุกพรวดขึ้น คนของโหวเซ่อเป็นผู้ควบคุมเรื่องราวเหล่านี้จริงๆ กระนั้นเชียวหรือ
“พาข้าไปดูเสียหน่อย วันหน้าไม่อนุญาตให้ปกปิด” เวลานี้ซ่านจินจื๋อหยัดกายลุกขึ้น เดินออกไปทางด้านนอก
แม่ทัพเฉิงรีบปีนป่ายขึ้นมา และตามออกไปโดยด่วน
เมื่อพวกเขามาถึงโรงยา แพทย์สองนายที่ตายไปยังไม่ได้ถูกฝัง แต่ทำเพียงแค่ใช้ผ้าฝ้ายขาวคลุมเอาไว้ เซียวไห่เริกขึ้นดูแวบหนึ่ง ไม่เห็นร่องรอยการถูกฆ่าเลยสักนิด มีเพียงริมฝีปากดำคล้ำ ราวกับถูกฆ่าด้วยพิษ ส่วนผิวหนังของพวกเขาค่อนข้างเปื่อยเน่าเล็กน้อย
เจ้าหน้าที่ชันสูตรศพสองนายที่อยู่ด้านข้างดูเหมือนจะชันสูตรศพไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซ้ำยังพบมุกสีดำที่เป็นของโหวเซ่ออีกด้วย “พวกเขาล้วนถูกวางยาพิษจนตาย”
“ออกบัญชา ให้เสาะหาร่องรอยของโหวเซ่อ” ซ่านจินจื๋อออกคำสั่งกับเซี่ยวไห่อยู่ข้างกาย แม่ทัพเฉิงเองก็รีบกำชับคนไปจัดการเรื่องๆ นี้ ยุ่งกันอย่างชุลมุน
ส่วนซ่านจินจื๋อทำเพียงแหงนหน้าขึ้นมองกิ่งไม้ที่ฝั่งนั้นแวบหนึ่ง ออกคำสั่งอย่างเร่งด่วนไม่กี่ประโยคก็กลับไปยังห้องนอนของตนเอง ปิดประตูมิดชิด
กู้อ้าวเวยกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะ นางผลัดอาภรณ์เป็นเสื้อคลุมสีดำทั้งตัวตั้งแต่เนิ่นๆ แล้ว ซ้ำยังโบกไม้โบกมือให้เขาอีก “คนของโหวเซ่อมีส่วนเกี่ยวข้องกับค่ายธารทหารจริงๆ เสียด้วย คนของโหวเซ่อสามารถหลบหนีจากเทียนเหยียนได้อย่างง่ายดาย ในราชสำนักน่าจะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงทำธุรกรรมร่วมกับโหวเซ่อเป็นแน่”
ซ่านจินจื๋อเล่าเรื่องที่แม่ทัพเฉิงบอกทั้งหมดเมื่อครู่นี้ให้แก่กู้อ้าวเวยฟัง
“ข้าไม่คิดว่าแม่ทัพเฉิงจะไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับเรื่องนี้” กู้อ้าวเวยส่ายหน้า “ข้าดูแล้ว เขามองออกว่าข้าซึ่งเป็นลูกหลานตระกูลหยุนไม่ได้อยู่บริเวณดังกล่าวอีกต่อไป จึงพูดชักจูงกับท่านว่าเป็นคนของโหวเซ่อ ฉวยโอกาสนี้ดึงสายตาของท่านไปมองตกอยู่ทางฝั่งของโหวเซ่อ”
“เจ้าคิดว่า…”
“ข้าคิดว่าหมอสองคนนั้นเป็นแม่ทัพเฉิงที่ลงมือวางยาพิษด้วยตนเอง ก็เพื่อให้ท่านเชื่อปักใจว่าเป็นการกระทำของโหวเซ่อ ส่วนเทพเจ้าภูเขานั้น ข้าเคยเห็นมันบนดาบพกของโหวเซ่อ ถึงแม้มันจะค่อนข้างบิดเบี้ยวก็ตาม” กู้อ้าวเวยชี้ไม้ชี้มือต่อไป
ซ่านจินจื๋อทำเพียงนั่งลง แต่หลังจากนั้นไม่นาน บานหน้าต่างก็ถูกเปิดออก เฉิงยีเฉิงเอ้อนำยาเข้ามา ส่วนชายชุดดำคนนั้นเดินไปข้างกายของซ่านจินจื๋อเป็นที่เรียบร้อย นำดาบพกเล่มนั้นส่งถึงมือซ่านจินจื๋อ
กู้อ้าวเวยอดเหลือบมองทางชายชุดดำคนนั้นไม่ได้ แม้แต่นางยังไม่รู้ว่าเขาเก็บดาบเล่มนั้นขึ้นมาด้วย
“แต่แม่ทัพเฉิงคิดเพียงว่าเทพเจ้าภูเขานี้มีส่วนเกี่ยวข้องกับไม้วิเศษนั่น” ซ่านจินจื๋อกล่าวเสริมตนเองหนึ่งประโยค ผู้ดูแลสามคนของฐานทัพภูเขามาเพื่อทำให้โสตทัศนูปกรณ์อลหม่าน ส่วนตอนนี้ครั้นกู้อ้าวเวยจากไป หัวเด็ดตีนขาดก็คงไม่เอ่ยถึงเรื่องของเทพเจ้าภูเขา แต่ทำเพียงดึงดูดพวกเขาไปยังทิศทางของโหวเซ่อ
“รอประเดี๋ยวข้าก็จะทำยาพิษในจำนวนมากพอได้แล้ว เพียงแต่ ถึงตอนนั้นคนในค่ายธารทหารต่างต้องพิษ ค่ายธารทหารจะไม่มีการป้องกันอะไรเลย ถ้าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้น…” กู้อ้าวเวยเริ่มผลิตยาพิษ เฉิงยีได้นำน้ำสะอาดหนึ่งถาดให้แก่นางตั้งแต่ทีแรกแล้ว
“เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเฉิงยีเฉิงเอ้อกลับถึงเทียนเหยียนเพียงเพื่อจะปกป้องเจ้า?” ซ่านจินจื่อเลิกคิ้วมองนางแบบเดียวกัน “คนในค่ายธารทหารแห่งนี้ หนีออกไปไม่ได้แม้แต่คนเดียว ที่มีความผิด ยาแก้พิษก็ไม่จำเป็นต้องให้แล้ว ที่ไร้ความผิด ก็แค่ได้รับความทุกข์ทรมานจากยาพิษนี้ สำหรับบทเรียนที่ยาวนาน”
“มีหลักการ อย่างไรเสียแม่ทัพเฉิงบอกว่าเรื่องราวในค่ายทหารทั้งหมดล้วนเป็นฝีมือของโหวเซ่อ ถึงตอนนั้นก็พูดคนของโหวเซ่อจงใจวางพิษ ดูสิว่าจะมีคนสักกี่มากน้อยที่ยอมพูดความจริง” กู้อ้าวเวยก็หัวเราะตามเสียงเบา
คนที่ต่อต้านจริงๆ ในที่นี้ได้อยู่ในคุกใต้ดินของอุโมงค์ลับเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ส่วนคนที่เหลือนอกจากร่างกายเจ็บป่วยสาหัสและคนอ่อนแอแล้ว คนอื่นๆ ล้วนแสร้งทำเป็นเสือทั้งนั้น ค่ายธารทหารโล่เสียมโหฬาร ได้สมรู้ร่วมคิดกับโจรภูเขาเป็นเวลาหลายปี ถ้าหากโจรภูเขาจากไป ก็จะปิดบังเรื่องราวเป็นระยะเวลาไปอีกหนึ่งปีเต็มๆ ผู้ใดก็ไม่สามารถกำจัดมันได้
ซ่านจินจื๋อมองไปยังการเคลื่อนไหวของนาง และยังคงนิ่งเงียบไม่เอ่ยคำ
ตกดึก แม่ทัพเฉิงกลับไปที่จวนของเขาตามปกติ หลับสนิทตลอดคืน
แต่เงาดำๆ ไม่กี่เงากลับตัดผ่านท่ามกลางฐานทัพภูเขา ซ่านจินจื๋อเดินตรงนำกู้อ้าวเวยไปยังอุโมงค์ลับ และช่วยทหารทั้งหมดออกมา ทุ้งโจวหายใจรวยรินแล้ว ชีวิตอยู่ในขีดอันตราย
“ยังมีทางรักษา” กู้อ้าวสูดจมูกทดสอบ เคราะห์ดีที่นางกลับมาอย่างรวดเร็ว
ไม่น่าแปลกใจที่ชายชุดดำไม่รอให้นางทำยาเสร็จก็ส่งตัวนางกลับมา แต่เป็นซ่านจินจื๋อที่คิดเอาไว้อยู่แล้วว่าจะทิ้งกองทัพจากเทียนเหยียนไปเฝ้าระวังอยู่ใกล้ๆ ค่ายธารทหาร จุดประสงค์เพียงอย่างเดียวในการวางพิษ คือปล่อยให้คนที่ไม่มีเรี่ยวแรงเหล่านั้นหนีออกไปทางน้ำ
ตลอดทางที่พาทุ้งโจวมายังลาน ทหารคนอื่นๆ กลับทำได้เพียงพักผ่อนในอุโมงค์เป็นการชั่วคราว ซ่านจินจื๋อส่งคนสองสามคนไปเฝ้าอุโมงค์ลับ เผื่อกรณีฉุกเฉิน
ครั้นกลับถึงลานบ้าน ซ่านจินจื๋อ เซียวไห่ก็ถูกไล่ออกมา กู้อ้าวเวยยังขว้างขวดหยกขวดหนึ่งให้แก่เขา “นี่คือยาแก้พิษของแม่ทัพตัวอ้วนนั่น”
“ท่านว่า พระชายาให้ท่านไปถามไถ่น้ำคำจากเจ้าอ้วนนั่นหรือไม่” เซี่ยวไห่มองขวดหยกในมือของเขา
“เจ้าไปเถิด” ซ่านจินจื๋อโยนขวดนั่นให้เขา เซียวไห่จำต้องไปด้วยตนเอง ส่วนเขาทำเพียงนั่งโต๊ะหินที่ลานบ้านข้างๆ และหมุนดาบพกโหวเซ่อในมือเล่น
กู้อ้าวเวย กลัวตายบ้างหรือไม่?
ไม่ว่าจะเป็นการช่วยชีวิตคนบนภูเขาก็ดี หรือว่าควบม้าก็ดี จนกระทั่งตอนนี้ยังจงใจถูกศัตรูจับตัวไป
นางจำความตายที่เกิดจากพิษของโหวเซ่อไม่ได้เลยสักนิดเชียวหรือ
นางกลับยังคงเอาใจใส่ต่อชะตาชีวิตของผู้อื่นเยี่ยงนี้
ไม่รู้ว่ารอนานเท่าใด บานประตูเบื้องหน้าถูกเปิดออก กู้อ้าวเวยที่เหงื่อชุ่มกระหม่อมบ่างเท้าอย่างเนิบนาบ เดินโซซัดโซเซไปยังข้างโต๊ะหินพลางรินชาหนึ่งแก้ว จากนั้นก็ฟุบลงบนโต๊ะหินนั้นก่อนผล็อยหลับไป
ซ่านจินจื๋อไม่จำเป็นต้องเข้าไปยืนยัน ต้องการเพียงให้คนเอาเสื้อคลุมมาปกบนไหล่ให้แก่กู้อ้าวเวย รอคอยให้ค่ำคืนนี้ผ่านไปอย่างเงียบสงบ
เขาร่ำสุราสองขวดเพียงลำพัง ร่างกายเพิ่งจะอบอุ่น นึกอยากหยิบขวดที่สามแต่กลับพบว่ามันว่างเปล่า หันหน้ากลับไปมอง กู้อ้าวเวยใช้ดวงตาคู่โตทอดมองทางเขา มือกำลังกำขวดสุราขวดนั้นอยู่ เพิ่งจะเทลงหนึ่งจอก ก่อนหัวเราะเบาๆ “ลืมบอกไปเลย แม่ทัพทุ้งไม่มีปัญหาแล้ว”
ซ่านจินจื๋อจนปัญญา ชักมือกลับมา ทำเพียงแหงนหน้ามองแสงจันทร์ พลางกล่าวเสียงต่ำ “ขอบคุณมาก”