บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 758
บทที่ 758 หลับไม่ตื่น
ในวันที่สองเห็นแม่เล้าอีกครั้ง กู้อ้าวเวยก็ไม่มีความคาดไม่ถึงใดๆ
เพียงแต่ครั้งนี้ซ่านต้วนเฟิงกับหญิงนางโลมพวกนั้นไม่ได้มาด้วย แม่เล้าคนนี้ก็เดินยิ้มเข้ามา แล้วมองไปที่กระดาษร่างที่เต็มเกลื่อนอยู่บนโต๊ะ บนนั้นมีชื่อของยาเพิ่มขึ้นมา แล้วก็มองไปที่เสื้อผ้าอันหรูหราของกู้อ้าวเวย แต่ใบหน้าของนางยังคงสะอาดเกลี้ยงเกลาไม่มีเครื่องสำอางบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย มีเพียงแค่แก้มข้างหนึ่งที่บวมขึ้นมาเล็กน้อย แล้วจึงเปิดปากเอ่ยพูดขึ้น“องค์ชายทำให้ใบหน้าอันงดงามเสียเปล่าเสียจริง.…..”
“แค่ถูกตบไปฉาดเดียวเอง”เสียงของกู้อ้าวเวยยังคงอู้อี้ มือที่ถูกบีบจนหงิกงอเล็กน้อยถูกวางอยู่ข้างๆ สีหน้าไร้ความรู้สึก“นำตำรับยาที่ข้าเขียนจดไว้ไปหายามา”
“ที่ข้ามาวันนี้.…..”
“ไม่ไปหายามา หลังจากนี้เจ้าก็เตรียมสอนร่างไร้วิญญาณของข้าแล้วกัน”กู้อ้าวเวยเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก เพียงแต่
เสียงตกใจของแม่เล้าดังขึ้น รีบให้คนไปหายามา ทางนี้ยังไม่ทันได้พูดอะไร กู้อ้าวเวยก็เปิดปากพูดขึ้นมาอีกครั้ง“เจ้าไปบอกกับซ่านต้วนเฟิง ถ้าหากเขาหาคนมาทำให้เตียงข้าอุ่นขึ้นมาได้ก็เพียงพอแล้ว แต่ถ้าหากอยากจะให้ข้าเปลี่ยนเป็นหมาของเขา วันนี้ก็ให้เขาไปรอเจอข้าที่นรกได้เลย”
“ท่านพูดเรื่องอะไรน่ะ!”เสียงแหลมของแม่เล้าเอ่ยพูดขึ้น“จากที่ข้าดูองค์ชายเก้าก็หน้าตาหล่อเหลาองอาจ ในภายภาคหน้าถ้าหากสามารถครองบัลลังก์ได้ ท่านก็จะเป็นสตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุด.…..”
“ไม่อยากใช้ใช้แม้แต่ตะเกียบไม้ เจ้าคิดว่าในภายภาคหน้าข้าจะสามารถสวมมงกุฎของราชินีที่หนักเป็นกิโลได้หรอ?”กู้อ้าวเวยพูดเช่นนั้น เล็บมือก็ค่อยๆกรีดกรายผ่านคางของแม่เล้าไป“ข้าไม่อยากได้ชื่อเสียงเกียรติยศอะไร ข้าอยากได้เพียงชีวิตที่เป็นของข้าเอง ขอเพียงแค่ซ่านต้วนเฟิงรับปากว่าจะเชื่อฟังคำสั่งของข้า ข้าก็จะยอมฟังเขาเช่นกัน ถ้าหากไม่เป็นไปตามนั้น ไม่ใช่ข้าตาย เขาก็ต้องเป็นคนตาย”
พูดจบ กู้อ้าวเวยค่อยๆผลักคนออกไป ราวกับเมื่อครู่เป็นความนิ่มนวลดุจน้ำ การขยิบตานั้นราวกับกลีบดอกไม้ปรากฏขึ้น
แม่เล้าจึงหมดคำพูด คิดวิเคราะห์ในใจเล็กน้อย แล้วจึงค่อยๆเดินจากไป เดินกลับเข้ามายังห้องอักษรยอมรับชะตากรรม คุกเข่าลงพื้นด้วยสีหน้าเย็นสงบ“องค์ชายเก้า บุคคลท่านนี้ไม่สนความเป็นความตาย ถ้าหากอยากพูดให้นางใจอ่อน มีเพียงท่านแล้วเพคะ”
“ไร้ประโยชน์สิ้นดี!”ซ่านต้วนเฟิงเงื้อมือขึ้นฟาดไปกับที่ฝนหมึกข้างๆมือ สาวใช้ที่ยืนอยู่สองข้างค่อยๆเดินก้าวถอยหลังไปสองก้าว
แม่เล้าคนนี้ก็เป็นคนฉลาดมากพอ สายตาหันไปมองแวบหนึ่ง แล้วเปิดปากพูดขึ้นมาว่า“ในเมื่อไม้แข็งไม่ได้ องค์ชายเก้าไม่ลองใช้วิธีเอาใจ ในเมื่อตอนนี้แคว้นจิ่วเป็นของท่านทั้งหมด ถึงนางจะหนีจากจวนไปได้ ท่านก็สามารถดูแลนางดีๆได้ อีกทั้ง ใช้เด็กเป็นข้อต่อรองกับหญิงหนึ่งคน เป็นเรื่องที่ง่ายกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว”
“ความหมายของเจ้าคือ ให้ข้าไปทำดีกับนังปีศาจนั่นหรือ!”เสียงของซ่านต้วนเฟิงสูงขึ้นเรื่อยๆ แล้วเริ่มดำเนินปฏิการ
อูกงกงที่ยืนอยู่ข้างๆจึงรีบเปิดปากพูดขึ้น“มาม่าพูดก็ไม่มีผิด ตอนนี้เรื่องที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือให้นางพูดวิธีอมตะออกมาให้ได้ ทางที่ดียังสามารถให้ท่านใช้ประโยชน์ได้อีก”
ไฟอันเร่าร้อนสุมอยู่ที่อกของซ่านต้วนเฟิง ในตอนแรกคิดอยากจะปฏิเสธ
แต่สามวันมานี้การที่ต้องพบเจอกับทางตันทุกครั้ง ในที่สุดก็ทำให้ซ่านต้วนเฟิงลังเลตัดสินใจไม่ได้
จนกระทั่งเช้าตรู่ของวันนี้ สายตามองดูหิมะขาวโพลนที่ร่วงโรยโปรยลงมา ในตอนแรกเขายังอยากจะแอบขี้เกียจ แต่กลับถูกอูกงกงเคาะประตูเสียงดัง ตะโกนเสียงดัง“ท่านอ๋องเกิดเรื่องใหญ่แล้ว!”
ตกใจจนกลัวว่ากู้อ้าวเวยจะก่อเรื่องอะไรขึ้นอีกแล้ว นั่งกุมขมับจนหัวโต รีบหยิบเสื้อมาหนึ่งตัวอย่างไม่ใส่ใจแล้วเดินออกไปด้านนอก พุ่งตรงออกไปยังภายในห้องของกู้อ้าวเวย แต่กลับเห็นเพียงแค่หมอสองคนที่แก่มากแล้วกำลังวัดชีพจรอยู่ตรงข้างๆเตียงนอนของหญิงสาว คนที่พูดมากที่สุดในตอนนี้กลับไม่มีเสียงใดๆนอนป่วยอยู่บนเตียงไม่ขยับ มีแต่หน้าอกที่กระเพื่อมขึ้นลงตรงหน้าอกตามอัตราการหายใจ ราวกับไม่มีคนรู้ว่านางยังมีชีวิตอยู่
“นี่มันเกิดอะไรขึ้น!”ซ่านต้วนเฟิงตกใจกระวนกระวายในทันที ก่อนหน้านั้นกู้เฉิงให้ตนเองดูแลนางให้ดี
“ข้ากระหม่อมก็ไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ รู้แต่เพียงว่าไม่มีชีพจร ราวกับคนที่ตายไปแล้ว แต่แม่นางคนนี้ก็เหมือนกับแค่เพียงหลับไปเท่านั้น พิษในร่างกายก็เกิดหยุดชะงัก นี่……นี่มันเหมือนกับคนตายที่ยังมีชีวิตอยู่!ปีศาจ!”ท่านหมอหนึ่งในนั้นสีหน้าขาวซีด มือจับกล่องยาข้างกายจนแน่นพูดอย่างตกใจว่าปีศาจเสร็จก็วิ่งหนีหายไปลับไม่เห็นแม้แต่เงา
ท่านหมออีกคนหนึ่งก็ขาสองข้างสั่น ศีรษะแทบอยากจะมุดหนีไปกับพื้นไป“แม่นางท่านนี้……เกรงว่าจะช่วยชีวิตไม่ได้แล้ว!”
เมื่อวานยังดีๆอยู่เลย เหตุใดวันนี้ถึง……
ซ่านต้วนเฟิงไม่สนใจแล้วกระชากหมอคนหนึ่งขึ้นมา ใบหน้าอ่อนเยาว์นั่นตอนนี้เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยว“ช่วยชีวิตนางให้ได้!ถ้าหากไม่ให้นางพูดเรื่อง……”
“องค์ชายเก้าพ่ะย่ะค่ะ”อูกงกงตัดบทอารมณ์โกรธของซ่านต้วนเฟิง แล้วเอ่ยเสียงต่ำ“นางยังมีชีวิตอยู่ สำหรับพวกเราแล้วเพียงแค่นี้ก็เพียงพอแล้ว ถ้าหากพูดไม่ผิด นางพูดความจริงกับซูพ่านเอ๋อแล้ว แล้วนำแผนที่ล่องหนบอกกับหยุนชิงหยางแล้ว เราใกล้เข้าแล้วจริงๆ อีกทั้งนางยังกลับใหลอยู่ ท่านสามารถบอกใครต่อใครได้อย่างเปิดเผยว่าองค์หญิงของเอ่อตานอยู่ข้างท่านแล้ว เป็นความคิดที่ดีมาก”
“หยุนชิงหยางก็กระดูกแก่ที่แทะยากมาก จะสามารถ……”
“หลานสาวของเขายังอยู่ในกำมือของท่าน อีกทั้งเรื่องปริศนาความเป็นอมตะเรายังไม่เร่งรีบ มาวันนี้เรื่องที่สำคัญที่สุด นั่นก็คือบัลลังก์ของท่าน แต่กับนางไม่ว่าอย่างไรแล้ว เป็นเพียงแค่เครื่องต่อรองแค่นั้น”ตอนนี้อูกงกงมองอย่างดูถูกดูแคลนไปที่หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียง นางกำเนิดมามีใบหน้าอันงดงามพร้อมกับเลือดเนื้อของตระกูลหยุน เป็นตราบาปที่เพิ่มขึ้นไปบนตัวนางอีก
พูดถึงตรงนี้ ซ่านต้วนเฟิงถึงค่อยๆสงบใจเย็นลงเล็กน้อย แต่คิ้วที่ยังคงขมวดอยู่“ถ้าเกิดกู้เฉิงถามขึ้นมาล่ะ”
“ก็ให้หยุนชิงหยางมาไถ่ชีวิตของหลานสาวของเขา เก้าเมืองกว้างใหญ่ กระหม่อมไม่เชื่อว่าพวกเขาสามคนจะสามารถหนีออกไปได้”อูกงกงพูดจบ ก็ช่วยท่านหมอที่อยู่ในมือของซ่านต้วนเฟิงออกมา แววตาเยือกเย็น“เรื่องนี้จะแพร่งพรายออกไปไม่ได้”
“ขอรับ……ขอรับ!”ท่านหมอคนนั้นวิ่งหนีเตลิดออกมาจากมือของอูกงกง
ทันใดนั้นก็เงียบลง ซ่านต้วนเฟิงในตอนนี้ยกแขนเสื้อขึ้น นั่งลงข้างๆเตียง แล้วตบไปที่หน้าของกู้อ้าวเวยไปมา ใช้แรงไม่มาก แต่คนที่นอนอยู่บนเตียงก็ไม่มีทีท่าใดๆ สาวใช้ที่อยู่ในห้องถูกอูกงกงเรียกเข้ามา“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”
“เมื่อคืน……องค์หญิงทดลองยาถอนพิษ หลังจากที่ดื่มยาต้มถอนพิษไปเล็กน้อย เช้าตรู่ขึ้นมาก็เป็นแบบนี้ไปแล้ว แม้แต่ท่านอนก็ยังเป็นท่าเดียวกับเมื่อคืนวานไม่เปลี่ยนเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับคนตาย……”พูดจบ สาวใช้สองคนก็คุกเข่ากับพื้นจนเสียงดัง
ซ่านต้วนเฟิงยังคงกระชากคนที่นอนอยู่บนเตียงขึ้นมาอย่างไม่ไยดี แต่จนกระทั่งกลิ่นยาบนตัวของกู้อ้าวเวยติดอยู่บนอกของเขา ความคิดวุ่นวายสับสนทั้งหมดของนางอยู่ที่ตาที่ปิดแน่น แต่ในที่สุดก็ไม่มีท่าทีว่าจะฟื้นตื่นขึ้นมาเลยแม้แต่น้อย ความอดทนอดกลั้นของเขาทั้งหมดหายไปจนหมดสิ้น“ไปเอาน้ำมา ข้าไม่เชื่อว่าจะมีคนสามารถนอนตายไปเช่นนี้ได้”
จนกระทั่งน้ำเย็นเฉียบในฤดูหนาวจะถูกสาดจนผมและเสื้อผ้าเปียก กู้อ้าวเวยก็ยังคงไม่ฟื้นขึ้นมา แต่เสื้อผ้าที่เปียกจนสามารถเห็นข้อมือที่บวมจนเขียวช้ำอันน่ากลัว ซ่านต้วนเฟิงมองไปที่นางด้วยสายตาหงุดหงิด“ไปเรียกให้หยุนชิงหยางเข้ามา แล้วให้คนขังเจ้าเด็กชิงจือเอาไว้ เฝ้าเขาให้ดี สามคนนี้ จะปล่อยแม้แต่คนเดียวไม่ได้”
“พ่ะย่ะค่ะ”อูกงกงพยักหน้า แล้วสั่งให้สาวใช้ไปนำเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้นาง ถ้าหากต้องมาหนาวตายท่ามกลางฤดูหนาวเช่นนี้ เกรงว่าคนที่นอนอยู่แม้แต่เสียงเอะก็จะไม่มีแม้แต่น้อย