บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 761
บทที่ 761 ไม่แบ่งรัก ไม่แบ่งงาน
ในวันที่ฤดูใบไม้ผลิ ด้านนอกของแคว้นเทียนเหยียนหุบเขาสีเขียวมรกต
ไปจับขบวนของซ่านจินจื๋อกับซ่านเซิ่งหานพบเจออย่างไม่คาดฝัน และรถม้าของกู้อ้าวเวยก็เกิดเจอดักโจมตีเหมือนทั้งคู่จะได้ยินพร้อมกัน สายตาของคนทุกผู้มองมา ซ่านจินจื๋อโกรธจนทำร้ายซ่านเซิ่งหานตกลงมาจากรถม้า ถ้าหากไม่มีคนของซ่านเชียนหยวนห้ามไว้ ตอนนี้ทั้งสองคนจะกลับไปอย่างขาดแขนขาดขา
เรื่องนี้ถูกรายงานขึ้นไปยังพระราชสำนัก ฮ่องเต้โกรธเกรี้ยวเป็นอย่างมาก ขอร้องให้รอทั้งสองกลับมาแล้วจะจัดการขังไว้ในจวนของซ่านเชียนหยวน อีกด้านหนึ่งจะให้ต้าหลี่เซ่อชิงกับนางกำนัลและกงกงทำงานร่วมกัน ตามหาคนที่ลงมือวางยาให้เจอเสียก่อน ศาลไต่สวน ให้คนไปตรวจค้นขีปนาวุธที่อ๋องจิ้งไม่ได้รายงานและหลักฐานที่องค์ชายสามก่อกบฏ ทั้งสองที่เห็นว่าหัวจะรักษาไว้ไม่ได้
ในเวลานี้นั่นเอง ทั้งสองถูกควบคุมตัวให้อยู่ในจวนของซ่านเชียนหยวน กลับมีแต่ความเงียบสงบ
ฉีหรัวในตอนแรกคิดอยากทำตัวอยู่เหนือปัญหา ติดต่อหลิวเอ๋อและจื่อเหมิงที่อยู่ยังโรงเตี๊ยมให้ตามหาเบาะแสของกู้อ้าวเวย แต่จื่อเหมิงและหลิวเอ๋อก็ต่างไม่อยู่ นางทำได้เพียงแค่มาเก้อ ซ่านเชียนหยวนข้อร้องอ้อนวอนให้นางไปพักที่จวนสองสามวัน นางทำได้เพียงแค่นำเรื่องนี้ส่งต่อให้หยินเชี่ยวกับฉีหลิน นำของมากันเอง
พอวันนี้มาถึง เห็นซ่านจินจื๋อกับซ่านเซิ่งหานนั่งรับประทานอาหารด้วยกัน ทั้งสองต่างไม่พูดไม่จาอะไร
นางจึงกระแอมไอไปสองครั้ง ทำความเคารพแล้วค่อยนั่งลง นั่งอยู่ข้างๆซ่านเชียนหยวน พึ่งหยิบจับตะเกียบขึ้นมาก็ได้ยินเสียงของซ่านเซิ่งหานดังขึ้น“ข้าร่วมมือกับกู้เฉิงจริงๆ แต่กู้เฉิงกับคนที่พ่ายศึกพวกนั้นเป็นคนที่ข้าใช้งาน พวกที่ถูกไต่สวนอยู่ที่ศาลเป็นคนของข้า เป็นคนอีกกลุ่มหนึ่ง ”
“จากที่กล่าวมานั้น คนพวกนี้อาจจะเป็นองค์ชายคนอื่นๆก็เป็นได้ อย่างไรเสียคนของซ่านต้วนเฟิงถูกจัดการถอนรากถอนโคนไปจนหมดสิ้นแล้ว”สีหน้าของซ่านจินจื๋อ แต่ถ้าหากสังเกตอย่างละเอียด แม้กระทั่งสามารถมองเห็นชามใบเล็กๆเริ่มมีรอยแตกร้าว
ฉีหรัวตะลึงงัน แม้แต่ตะเกียบยังไม่กล้าขยับ ซ่านเซิ่งหานเริ่มเปิดปากพูดอีกครั้ง“สามารถสงสัยองค์ชายหกได้”
“ข้าเพียงอยากจะรู้ว่า……”ชามและตะเกียบที่อยู่ในมือของซ่านจินจื๋อในที่สุดก็แตกละเอียดเม็ดข้าวสีขาวร่วงหล่นตามตัวของเขา“ใครกันแน่ที่ลักพาตัวเวยเอ๋อ!”
ตะเกียบที่อยู่ในมือของฉีหรัวแทบจะร่วงลงพื้น จ้องมองดวงตาของซ่านจินจื๋อเต็มไปด้วยเส้นเลือดที่ปกติจะนิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหวอย่างตกตะลึง
“พวกเราน่าจะใจเย็นๆแล้วค่อยๆวิเคราะห์เหตุการณ์”ซ่านเซิ่งหานที่เห็นเป็นเรื่องปกติเปิดปากพูด กัดฟันพูด“เสด็จอา”
ซ่านเชียนหยวนจึงรีบลุกยืนขึ้น แล้วจึงเดินไปข้างกายของซ่านจินจื๋อ“เสด็จอา ข้าได้ส่งคนไปตามหาแล้ว……”
“เหตุใดองค์ชายเก้าถึงสามารถมาถึงแคว้นเทียนเหยียนในเวลานี้ได้?”ซ่านจินจื๋อจึงคว้าเสื้อของซ่านเชียนหยวน ความกดดันรอบกายทำให้หน้าผากของฉีหรัวมีเหงื่อผุดขึ้นบางๆ
“ยังมีเวลาครึ่งเดือน ก่อนหน้านี้ พวกเราไม่ควรทำตามแผนที่วางไว้ รีบเข้าวังตามหาคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังใช่หรือไม่?”ซ่านเชียนหยวนวางมือลงอย่างระมัดระวัง นวดมือให้ฉีหรัว
ฉีหรัวขมวดคิ้วเป็นปมแล้วมองไปยังซ่านจินจื๋อ
นางคิดไม่ถึงว่าซ่านจินจื๋อจะเป็นชายที่บ้าคลั่งเพราะผู้หญิง อีกทั้งในความคิดของนาง ถึงคนกลุ่มนี้จะอาศัยช่วงชุลมุนแล้วใช้แฝงตัวเป็นทหารชุดดำมาพาตัวกู้อ้าวเวยไป เป็นเพียงแค่การสงบศึกชั่วคราวระหว่างซ่านเซิ่งหานกับซ่านจินจื๋อ คนที่อยู่เบื้องหลังยังซ่อนตัวอยู่ ถ้าหากทุกอย่างไม่ใช่เรื่องที่กู้เฉิงหักหลัง ถ้าอย่างนั้นสิ่งที่ซ่านเซิ่งหานสามารถควบคุมได้ก็จะสมบูรณ์มากขึ้น
อย่างเช่นในที่สุดซ่านต้วนเฟิงก็เป็นหุ่นเชิดในมือของเขา และกู้เฉิงก็ยืนข้างเขาในตอนนี้
ถ้าเป็นอย่างนี้ ปลายธนูก็จะถูกชี้เป้าไปไปยังองค์ชายเก้า คนกลุ่มนั้นตอนนี้ยังคงรักษาสมดุล และจะใช้เวลาในวันที่ฮองเฮาคนใหม่รับตำแหน่ง ทำตัวเป็นกลางเพื่อแสดงให้เห็นถึงความจงรักภักดีต่อฮ่องเต้ ถ้าเป็นอย่างนี้ องค์ชายหกเป็นคนที่น่าสงสัยมากที่สุด
“คนร้ายที่อยู่เบื้องหลังก็จะไม่กลับมาอีก ขอเพียงกำจัดองค์ชายหกและองค์ชายเก้าให้พ้นทาง ทำให้ซ่านเซิ่งหานขึ้นรับตำแหน่งรัชทายาทได้ก็พอ”ซ่านจินจื๋อปล่อยคอเสื้อของซ่านเชียนหยวน ใช้มือข้างหนึ่งยันโต๊ะไว้ ใช้มืออีกข้างบีบนวดที่ขมับเบาๆ“ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนแล้ว ข้าชอบการจู่โจมมากกว่า”
เมื่อครู่ยังบ้าคลั่งเพราะผู้หญิงคนหนึ่งนิ่งเงียบลงมากะทันหัน ซ่านเชียนหยวนกับซ่านเซิ้งหานต่างไม่คาดคิด
ฉีหรัวเห็นดังนั้นเห็นว่าเป็นเวลาที่เหมาะ จึงใช้อย่างเป็นประโยชน์“แต่ตอนนี้มิติของพวกเจ้าทั้งสองคนยังไม่ดีพอ อยากจะทำให้ล้ม……”
“ท่านแม่อยู่ที่นี่ นั่นหมายความว่าข้อมูลของเรามีแต่มากไม่มีน้อย หลักฐานพวกนั้น สามารถมอบให้คนของทิงเฟิงเก๋อไปจัดการ ในตอนก่อนที่ซ่านต้วนเฟิงจะกลับมา จัดการกลุ่มคนขององค์ชายหกให้หมด ข้ารู้ถึงกำลังของทางด้านเขาเป็นอย่างดี ถึงจะมีการเปลี่ยนแปลง อยากจะทำให้เขาล่มสลายก็จะยิ่งง่าย”ซ่านจินจื๋อวางมืออีกข้างลง สายตาจ้องมองไปยังซ่านเซิ่งหานไม่วางตา“โยนความผิดของเจ้าไปให้เขาทั้งหมด เตะเขาออกไปก่อน เงื่อนไขคือหลังจากที่เจ้าขึ้นรับตำแหน่งแล้วต้องทำให้เขาเป็นคนธรรมดา”
ซ่านเซิ่งหานตะลึงก่อน แต่พอคิดถึงซ่านจวนฮ่าวที่ถูกกำจัดออกไปในตอนนั้น จึงขมวดคิ้ว“วิธีการนี้ไม่สามารถใช้ครั้งที่สองได้”
“เพราะว่าเขาก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าพวกเราสามารถใช้เป็นครั้งที่สองได้”ซ่านจินจื๋อหัวเราะออกมาเสียงเย็นจากลำคอ“หลังจากที่ล้างตราบาปของเจ้า เจ้านำเรื่องของทหารชุดดำโยนไปให้ซ่านต้วนเฟิง ข้าจะคิดวิธีให้ซ่านต้วนเฟิงเข้าคุกให้ได้ หลังจากนั้นไม่ว่ากู้เฉิงจะเป็นคนภักดีหรือไม่ ไปสอบถามความเห็นของท่านแม่ก่อน จนเขาหาวิธีหนึ่งที่สามารถจัดการกู้เฉิงได้”
ท่านแม่จากปากของเขา แน่นอนว่าคือหยุนหว่าน
แต่ถ้าเป็นอย่างนี้……
“เจ้าสามารถถูกแย่งชิงอำนาจไปได้”ซ่านเซิ่งหานไม่เชื่อว่าซ่านจินจื๋อจะปล่อยเองพวกนี้ไปเป็นแน่
“แต่นี่เป็นวิธีที่จะสามารถช่วยเวยเอ๋อมาจากมือของคนอื่นได้เร็วที่สุด ข้าไม่อยากต้องตามหาเหมือนแมลงไร้หัวเช่นนี้ ข้าเพียงแค่อยากกำจัดศัตรูทั้งหมดทิ้งไปให้หมด แล้วได้มาซึ่งในสิ่งที่ข้าต้องการ”ซ่านจินจื๋อตอบกลับอย่างรวดเร็ว พูดชัดถ้อยชัดคำ
เขาไม่รู้ว่าเหตุใดถึงต้องคอยเฝ้าอย่างนี้ ไม่ว่าจะต้องใช้การสู้รบเข้าโจมตีก่อน หรือจะต้องใช้บรรดาพี่น้องมาปกป้องความไร้ยางอายรวบรวมอำนาจทางทหาร ซ่านจินจื๋อเกิดมามีคนอิจฉา
ซ่านเซิ้งหานกำหมัดจนแน่น“ข้าหวังว่าเจ้าจะสามารถจำคำนี้ไว้ไปจนวันตาย อย่างไรเสียข้าก็เคยสัญญาจะทำเรื่องหนึ่งกับนาง”
“สัญญาอะไร?”ใบหน้าของซ่านจินจื๋อขรึมลง
“ชาตินี้เจ้าก็ไม่มีทางรู้หรอก”ซ่านเซิ้งหานลุกขึ้นยืน เคาะโต๊ะเสียงดังโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอกมอง แล้วมองไปยังซ่านจินจื่ออย่างหยิ่งยโส“มีเพียงเรื่องเดียวที่เจ้าต้องรู้ คนที่จะเป็นฮ่องเต้ที่ภายภาคหน้ามีเพียงข้าคนเดียวเท่านั้น และเจ้าจะต้องเป็นคนที่ต้องรับใช้ข้า”
โอหังอวดดี กำเริบเสิบสาน ไร้มารยาท
ซ่านเซิ่งหานเหมือนใช้คางมองซ่านจินจื๋อ มองดูหน้าตาที่เหมือนสีเหล็ก แล้วจึงเปิดปากพูดต่อไปว่า“ที่ข้ามีทุกอย่างมาได้ เป็นสิ่งที่กู้อ้าวเวยให้ข้ามาทั้งนั้น แต่เจ้าเหมาะเป็นเพียงแค่คนที่มอบชีวิตให้นาง เจ้าไม่เคยชนะข้าเลย”
พูดจบ ซ่านเซิ่งหานยืดตัวตรงแล้วเดินจากไป สายตากลับมีความอ่อนแอแวบผ่านเข้ามา
ในที่สุดเขาก็ได้เวลาปล่อยมือแล้วสินะ
แต่ซ่านจินจื๋อที่อยู่ข้างหลังกำหมัดชกลงไปบนโต๊ะอย่างแรง ดวงตาทั้งคู่แดงก่ำ“ใช่สิ ข้าไม่เคยคู่ควร……”
ฉีหรัวเห็นท่าทีของทั้งสองคน ทำเพียงแค่ดึงซ่านเชียนหยวนออกมา แล้วสั่งการให้ทุกคนออกไปให้หมด ได้เพียงแค่ยืนมองต้นอ่อนที่งอกแตกกิ่งก้านสาขาบนต้นไม้ แล้วเปิดปากพูดกับซ่านเชียนหยวน“ตอนนี้ข้าไม่อิจฉากู้อ้าวเวยเลยแม้แต่น้อย”
“เจ้าอิจฉานางที่มีคนชื่นชมมากขนาดนั้นหรือ?”ซ่านเชียนหยวนตะลึง แล้วค่อยๆโอบรัดคนเข้ามาอยู่ในอ้อมอก
“ใช่ ข้ายังอิจฉานางที่มักจะเดินออกมาจากความยากลำบากได้เสมอ”นานๆฉีหรัวจะเอาหัวแนบซบอกของซ่านเชียนหยวนโดยดีไม่ดื้อรั้นพลางเอ่ยเสียงต่ำ “แต่ข้าไม่อิจฉาแล้วล่ะ เพราะว่าข้าไม่มีทางมอบความรักให้ใครหนึ่ง แล้วจึงนำของจากฟ้าให้ชายอีกคน ถ้าหากเป็นข้า ข้าหวังว่าจะมอบความรักและของที่ดีที่สุดให้ใครคนหนึ่งทั้งหมด”
ซ่านเชียนหยวนหัวเราะเบาๆ“เพราะฉะนั้นข้าถึงเป็นคนที่โชคดีที่สุดยังไงล่ะ”
“ใครให้ข้าตามใจเจ้าล่ะ”ฉีหรัวหัวเราะตาม หวังเพียงแค่ว่าสักวันเรื่องวุ่นวายพวกนี้จะจบลงไปสักที