บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 763
บทที่ 763 ปฏิบัติอย่างเที่ยงธรรม
ดวงอาทิตย์ในตอนเที่ยงวันส่องแสงแผดเผา กลุ่มควันขนาดใหญ่พัดปลิวอยู่บนท้องฟ้า
โยนคนของเอ่อตานลงมาจากภายในโรงเตี๊ยม ไม่รู้ว่าเป็นหรือตาย ทหารที่สวมชุดดำพวกนั้นแยกย้ายหายไปคนละทิศละทาง ทหารที่เฝ้ารักษาการประตูของเมืองหลวงถูกโจมตีจนตั้งรับไม่ทัน คนที่มุงดูอยู่รอบบริเวณสี่ทิศต่างพากันกรีดร้องเสียงหลงและวิ่งหนีตายไปด้วย ยังมีเลือดสาดกระเซ็นไปโดนใบหน้าของราษฎรด้วย ข้างนอกช่างวุ่นวายยิ่งนัก
ซ่านจินจื๋อถอดชุดคลุมสีดำและหน้ากากที่สวมอยู่ของตัวเองออก ดวงตาคมกริบดุจพญาเหยี่ยวของเขาตอนนี้ไปตกอยู่บนตัวของฉีหรัว ยังมีคนอีกกลุ่มที่ตามฉีหรัวมาจากสำนักเยียนหยู่เก๋อสุ่มอยู่บนหลังคา เห็นได้ชัดว่าฉีหรัวพึ่งรู้ข่าวถึงรู้ว่าจะต้องรับมืออย่างไร มองไปยังเขาอย่างกระวนกระวาย“ท่านอ๋อง ตามตัวของท่านยังมีกลิ่นของควันไฟอยู่ จะถูกพบเข้าได้ง่าย ทางที่ดีท่านไปอาบน้ำล้างตัวเถิด”
ซ่านจินจื๋อพยักหน้า แล้วจึงเช็ดคราบเลือดที่ติดอยู่บนดาบจนสะอาด จากนั้นก็โยนผ้าเช็ดหน้าผืนเล็กไปที่กะละมัง
ของพวกนั้นแค่ต้องการทำให้เกิดเหตุการณ์จลาจลจึงใช้เลือดหมูในการป้ายบนดาบ
โชคดีที่สำนักเยียนหยู่เก๋อทำการค้าเกี่ยวกับเครื่องแป้ง ถึงจะใช้สุนัขในการดมกลิ่นตามหาก็คงต้องใช้เวลานาน ยิ่งไปกว่านั้นแน่นอนว่าฉีหรัวยังมีความสามารถในการซ่อนคนเป็น นางจัดการให้ซ่านจินจื๋อไปอยู่ที่ห้องเก็บฟืน ซ่านจินจื๋อทำเพียงแค่เปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าที่ฉีกขาดเล็กน้อยแล้วสวมหน้ากากหนัง เสร็จแล้วจึงเรียกสาวใช้วางท่ามองเขาอยู่ แสดงแล้วช่างเหมือนยิ่งนัก
ทหารที่อยู่ประตูด้านนอกก็เรียงกันเข้ามาเหมือนปลา พอเห็นฉีหรัวก็ต้องไว้หน้าอ๋องจงผิง จึงพูดอย่างเกรงใจ“คุณหนูฉีขอรับ วันนี้ท่านทำเรื่องที่อันตรายมากเกินไป”
ฉีหรัวก็ไม่ทำให้พวกที่เลียแข้งเลียขาพวกนี้ลำบากใจ เพียงแค่วางแผนแล้วยิ้มพลางพูดขึ้นว่า“ท่านพูดอะไรน่ะ วันนี้โรงเตี๊ยมข้างๆเกิดเรื่องขึ้น พรุ่งนี้รายได้กิจการของข้าก็คงน้อยลงไป หากท่านสามารถหาคนร้ายจนเจอ ข้าก็คงหากำไรกลับมาได้บ้าง”
“ใช่แล้วๆ”ทหารรีบพยักหน้า รู้เพียงแต่ว่าฉีหรัวรู้จักพูดรู้จักจา
ทหารคนอื่นหยิบค้นผ้าเช็ดมือที่เปื้อนคราบเลือดสาวเท้าออกมาพลางพูดขึ้นว่า“ใต้เท้า ข้าพบ……”
“ไอ้หยา!”ฉีหรัวรีบลุกยืนขึ้น รีบไปแย่งผ้าเช็ดมือที่เปื้อนเลือดโยนไปให้สาวใช้ที่อยู่ข้างหลัง สาวใช้ข้างหลังเขินอายจนหน้าแดงไปทั้งหน้า แล้วจึงพูดเสียงเบาออกไปว่า“เป็นเลือดระดูของเสี่ยวหลิงเอ๋อ ……”
พอคำนี้ถูกพูดออกไป ทหารที่อยู่ ณ ที่นี้ก็หน้าดำหน้าแดงกันทั่ว ทหารที่เป็นหัวหน้าก็ตบเข้าไปที่ศีรษะของทหารคนนั้น“เจ้าทำอะไรเป็นบ้าง!เห็นคนอื่นอีกหรือไม่?”
“คนที่อยู่ข้างหลังจวนก็มัวแต่ทำงานกัน ในห้องเก็บฟืนยังมีชายหนุ่มคนหนึ่งกำลังตัดฟืน นอกจากสาวใช้ที่กำลังทะเลาะกันอยู่ ก็ไม่มีใครอื่นแล้วขอรับ”คนผู้นั้นนวดคลึงศีรษะไปมา รู้สึกเพียงแค่ว่าเลือดที่อยู่ในมือเหตุใดถึงผิดปกติ
ฉีหรัวอาศัยจังหวะนี้ยื่นผ้าเช็ดหน้าขึ้นไป“ขออภัยท่านด้วย สาวใช้ทั้งเรือนของข้า เรื่องพวกนี้มีให้เห็นอยู่ตลอด เพียงแต่คิดไม่ถึงว่าวันนี้ท่านจะมาตรวจหลังจวนจึงไม่ได้หาคนตามไปด้วย”
มองดูผ้าเช็ดหน้าที่ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ทหารอื่นๆยังมีกะจิตกะใจที่ไหนมาจำได้ จึงรีบไปตามหาสถานที่อื่นๆ
ยังดีที่ส่งคนพวกนี้ออกไปแล้ว สาวใช้ที่แก้มแดงข้างๆนางจึงหัวเราะดังขึ้น หยิบผ้าเช็ดหน้าที่เปื้อนคราบเลือดหมูไปซักทำความสะอาด
ฉีหรัวมองดูสาวใช้สองสามคนที่ยิ่งอยู่ยิ่งทะลึ่งขี้เล่นอย่างเหนื่อยใจ แล้วจึงสาวเท้าไปที่ห้องเก็บฟืน พอถอยหลังจากผู้คนรอบกายแล้ว
ซ่านจินจื๋อไขว้เท้านั่งอยู่บนกองฟาง ในมือจับปิ่นของผู้หญิงอยู่ บนปิ่นปักยังมีพลอยทับทิมสีแดงเหมือนสีเลือดของพกพิราบ สีคล้ำจางๆ แต่หากดูอย่างละเอียด พลอยทับทิมเม็ดนี้เทียบได้กับหยกสีเลือดชั้นเลิศได้เลย จะเป็นของปลอมไปไม่ได้เป็นอันขาด
“ท่านอ๋อง ท่านไปได้มันมาจากโรงเตี๊ยมหรือ?”
“นี่เป็นเครื่องประดับของท่านแม่ ก่อนหน้านั้นข้าเคยเห็นมาครั้งหนึ่ง”ซ่านจินจื๋อวางปิ่นลงไปในมือของฉีหรัว“รอท่านแม่กลับมา เจ้าส่งมอบไป ข้าจะเข้าวัง”
“ท่านไปคนเดียวอย่างนั้นหรือ?ไม่บอกกล่าวอ๋องจงผิงหน่อยหรือ”ฉีหรัวค่อยๆเก็บปิ่นหยกสีเลือดเข้าไปไว้ในแขนเสื้ออย่างระมัดระวัง ได้แต่มองดูซ่านจินจื๋อหยิบชุดสีเขียวอ่อนที่วางอยู่ข้างๆขึ้นมาสวม
“ข้าไปแค่แน่ใจสถานการณ์ในวังตอนนี้ ยิ่งไปกว่านั้นภายในวังหลวง ข้ายังสามารถรู้อะไรอีกเยอะ”เป็นสถานที่ที่คนเยอะ ซ่านจินจื๋อไม่ได้พูดคำข้างหลังออกไป เพียงแต่รีบสาวเท้าก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว“ฝากบอกหยวนเอ๋อด้วยว่า ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องนั่งรอความตาย พวกเจ้าอยากทำอะไรก็รีบทำซะ ไม่อย่างนั้นถ้ารอให้พวกเราโดนคนผู้นั้นกินจนไม่เหลือซาก ถึงตอนนั้นจะไม่สามารถทำอะไรได้จริงๆ”
ถ้าหากตอนนี้หยุนหว่านมาถึงแคว้นเทียนเหยียนแล้ว ถ้าอย่างนั้นนางไปไหนกันล่ะ?
ซ่านจินจื๋อไม่กล้าคิดต่อไป ถ้าหากบอกว่ากู้อ้าวเวยรู้เรื่องพวกนี้จึงทำให้ปลอดภัยดีในตอนนี้ ถ้าอย่างนั้นหยุนหว่านก็จะกลายเป็นมีดที่คอยเสียบอยู่บนหัวของกู้อ้าวเวย——ขอเพียงแค่มีคนให้ประโยชน์จากความสัมพันธ์ระหว่างหยุนหว่านกับกู้อ้าวเวย เขาก็ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเหมือนกัน
อีกทั้งเรื่องของหยุนหว่านมีน้อยคนนักที่จะรู้ หลิวเอ๋อกับจื่อเหมิงในตอนนี้ก็ไม่มีทีท่าจะตอบกลับ โชคดีที่ทำเพื่อเป็นการตามหาหยุนหว่าน
แต่ราชทูตหายไปหนึ่งคน แล้วฮ่องเต้ที่อยู่ในแคว้นเทียนเหยียนมาเป็นเวลานานเหตุใดถึงไม่มีข่าวคราวเลยแม้แต่น้อย?
อาศัยตำแหน่งป้ายตรงเอวกับฮ่องเต้ที่เหลือไว้เพียงคนสนิทชิดใกล้ ซ่านจินจื๋ออาศัยความสัมพันธ์ที่มีกับนางสนมปลอมตัวเข้ามาในวัง เข้ามาอย่างง่ายดายโดยไม่มีอุปสรรค กงกงที่คอยปรนนิบัติรับใช้ข้างกายของฮ่องเต้รออยู่สถานที่ที่คนผ่านน้อย ทำให้เคารพ“ท่านอ๋อง”
ซ่านจินจื๋อค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา สายตาเยือกเย็น“เจ้ามายืนรอข้าที่นี่ ด้วยเหตุอันใดกันหรือ?”
“ฮ่องเต้รู้แล้วว่าคนลงมือที่โรงเตี๊ยมเป็นฝีมือของท่าน ตั้งใจให้กระหม่อมมารอท่าน”กงกงคนนั้นพูดจบ ก็ยิ้มตาหยีแล้วเดินเข้าไปช่วยซ่านจินจื๋อจัดเสื้อผ้าอาภรณ์ให้เรียบร้อย ใช้เสียงที่สามารถได้ยินกันเพียงแค่สองคนเปิดปากพูดขึ้นว่า“ฮูหยินหยุนหว่านกำลังตามหาคนร้ายในวังหลวง เรื่องของวันนี้ ทำตามแผนการพอดี เป็นการดีต่อพระราชบัญชาของฮ่องเต้”
ทำตามแผนการ หยุนหว่านอยู่ในวังหลวง……
ซ่านจินจื๋อเข้าใจในทันที เป็นเพราะเรื่องของกู้อ้าวเวยจึงทำให้เขาสูญเสียความสามารถในการแยกแยะ
ถ้าเป็นอย่างนี้ หยุนหว่านกับฮ่องเต้ก็มีการแลกเปลี่ยนข้อตกลงกัน
ตามกงกงหนีจากพวกนางกำนัลที่จะปรากฏตัวขึ้น ซ่านจินจื๋อรีบปิดประตูตาม ห้องพักผ่อนด้านในมีหญิงสาวที่สวมชุดของนางข้าหลวงเดินออกมา คือหลิวเอ๋อที่ไม่ได้เจอกันมานาน
ในตอนที่หลิวเอ๋อมองเห็นซ่านจินจื๋อนั้นนางรู้สึกตกใจมาก แต่กลับได้ยินกงกงเอ่ยปากพูดขึ้นว่า“ตามคำสั่งของฮูหยิน ข้าน้อยยังคงอยู่กับอ๋องจิ้งจนถึง ณ ตอนนี้ เรื่องของหลังจากนั้นข้าน้อยก็ไม่รู้อีกแล้ว”
พูดจบ กงกงก็เดินจากไป เหลือไว้เพียงแค่หลิวเอ๋อที่วิ่งกลับเข้าไปภายในห้อง ไปเรียกหยุนหว่านออกมาจากห้อง
พอทั้งสองได้พบเจอกัน ซ่านจินจื๋อก็เปิดปากพูดขึ้นทันที“ท่านแม่ไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
หยุนหว่านอึ้งตะลึงก่อน แล้วหลังจากนั้นก็เปิดปากพูดขึ้นมาว่า“ชิงจือกับพ่อถูกลักพาตัวไป ตอนนี้เวยเอ๋ออาจจะโดนจองจำ ฮ่องเต้ส่งคนออกไปตามหามาได้หนึ่งเดือน ยังคงไร้วี่แวว”
หลิวเอ๋อที่เห็นสีหน้าของซ่านจินจื๋อเปลี่ยนไป ก็รีบเปิดปากพูดต่อไปอีกว่า“พวกเราเกิดมาเพื่อเจอเรื่องพวกนี้ แต่ก็เป็นห่วงว่าคุณหนูตอนนี้จะอยู่ในกำมือของพวกท่าน ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องที่คล้ายกันนี้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นถึงมีข่าวออกมาน้อยมาก ดูท่าตอนนี้ ชางหลานจะอยู่ในช่วงวิกฤติ นายท่านจึงตั้งใจส่งคนเข้าวังมาทำข้อตกลงกับฮ่องเต้ และจะเข้ามายุ่งเรื่องของปริศนาความอมตะ”
ซ่านจินจื๋อในตอนนี้ยังคงนิ่งเงียบพลางมองดูหยุนหว่านที่มีผ้าบางๆปิดบังใบหน้า แล้วจึงเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ“ท่าน……เหตุใดถึงยอมเข้ามาอยู่ในวังหลวง ตอนนี้พวกเราควรออกตามหาเวยเอ๋อมิใช่หรือ?”
“ถ้าหากต้องไปเป็นแมลงวันที่ไร้หัว ข้ายอมรออยู่ที่นี่เสียยังจะดีกว่า”หยุนหว่านกัดฟันแน่น นางเป็นคนดูแลสำนักทิงเฟิงเก๋ออันใหญ่โต ไม่อาจมีเรื่องอันใดที่จะทำได้อย่างสะดวกใจ“แต่เสด็จแม่สามารถปกป้องคุ้มครองพี่น้องของท่านได้”