บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 786
บทที่ 786 ไม่เหลือใครแล้ว
ไม่รู้ว่าเมื่อคืนทั้งสองคนคุยกันนานเท่าไร
ตื่นเช้าวันต่อมา ซ่านจินจื๋อก็รีบลืมตาขึ้นมา ด้วยสัญชาตญาณของเขา น้อยมากที่จะไม่รู้สึกตัวเลย ร่างกายที่กำลังผ่อนคลาย ก็สะดุ้งขึ้นมาเพราะสถานที่ที่ไม่คุ้นเคย แล้วก็รู้สึกว่ายังมีคนอยู่ในอ้อมแขนและหน้าอกของตน มีเส้นผมยาวสยายออกไปด้านนอก แล้วมีใบหน้าที่ถูกผ้าห่มบดบังเล็กน้อย
แล้วก็ค่อยๆ กลับลงไปนอนใหม่ ซ่านจินจื๋ออดคิดไม่ได้ว่าปกติกู้อ้าวเวยอยู่ด้านนอกจะขี้อ้อนแบบนี้หรือไม่
ไม่นาน ด้านนอกก็มีแสงสว่าง ด้านนอกประตูเฉิงยีเฉิงเอ้อมาเปลี่ยนเวรกัน ก็เปิดประตูเบาๆ พอเห็นชายที่นอนบนเตียงลืมตา เฉิงยีก็เดินเข้ามาเบาๆ แล้วเดินเข้ามาคุกเข่าลงเบาๆ “กู้เฉิงและซ่านต้วนเฟิงไม่เห็นด้วยที่จะให้ฝ่าบาทออกไปรักษาโรค ในฎีกาบอกว่าให้ซ่านต้วนเฟิง เป็คนพาท่านทั้งสองออกไปด้วยตนเอง”
“อืม” ซ่านจินจื๋อพยักหน้า แล้วโบกมือให้เฉิงยีออกไป ตอนนั้นเองก็เห็นเฉิงเอ้อถือถุงผ้าเข้ามา แล้วเอาเสื้อผ้าของชาวบ้านธรรมดาออกมา แล้ววางบนโต๊ะข้างเตียงอย่างเป็นระเบียบ
จากนั้น ทั้งสองก็ออกไปอย่างเงียบๆ จากนั้น แขนที่กอดเอวของซ่านจินจื๋ออยู่ ก็รัดแน่นขึ้น แล้วก็เงยหน้ามองด้วยสายตาเพิ่งตื่น พูดว่า “เกิดอะไรขึ้นหรือ?”
“เจ้าหลับลึกดีนะ” ซ่านจินจื๋อลูบหัวนาง รู้ว่านางเป็นแบบนี้ เพราะยังนอนไม่อิ่ม แล้วก็พูดเบาๆ ว่า “นอนไปอีกหน่อยเถอะ ยังเช้ามากอยู่เลย”
กู้อ้าวเวยดอกแขนแน่นขึ้น แล้วก็ทำท่านอนในอ้อมแขนของซ่านจินจื๋อเสียเลย
ในตอนนั้นเอง ด้านนอก มีซ่านต้วนเฟิงเตรียมการรอไว้ หลังจากกินข้าวเช้า ก็รอต่อไปอีก2ชั่วยาม ยู่จือก็โมโห จนอยากจะใช้หนอนพิษกู่ทำให้กู้อ้าวเวยตื่นนอน แต่โชคดีที่ยู่หงห้ามไว้ “ทำไมเจ้าชอบนางขนาดนี้?”
“เป็นครั้งแรกที่ข้าใช้พิษกู่แล้วควบคุมไม่ได้ ใครให้เจ้าไปรับใช้เจ้านายที่ไม่ได้เรื่องเล่า!” ยู่จือก็โมโหกระทืบเท้ากระโดดไปบนตัวของยู่หง เหมือนกับตังเมที่เหนียวสะบัดไม่หลุด แล้วนางก็พูดด้วยสายตาปริบปริบว่า “ราชนิกุลพวกนี้ ไม่มีดีสักคน พวกเขาจะต้องไม่ได้ดังหวังหรอก”
ยู่หงทำหน้านิ่งๆ แล้วนางมันออกไปจากตัวตนเอง “เจ้าจะทำนายอีกแล้วใช่ไหม?”
“มันเป็นเรื่องที่ข้าต้องทำทุกวัน” ยู่จือหัวเราะ แล้วปีนขึ้นมาใกล้ๆ “ช่วงนี้ข้าจะพาเจ้าออกไปจากสถานที่พวกนี้”
“อย่าคิดไปไกลเลย ใต้เท้ากู้เฉิงเป็นคนให้ชีวิตใหม่ข้า” ยู่หงโบกปัดนางอย่างโมโห
“กู้เฉิงไม่ใช่พ่อเจ้าเสียหน่อย แล้วอีกอย่างเจ้าก็กลับไปกับข้า ข้าจะดูแลเจ้าเอง…….” ยู่จือก็รีบถกกระโปรงเดินตามไป ผ้าคลุมไหล่เฉียดสายตาของซ่านต้วนเฟิงออกไปจากห้องโถง
พอวางแก้วในมือลง ซ่านต้วนเฟิงก็หมั่นไส้ความเป็นผู้หญิงที่ไม่เหมือนใครของยู่จือและกู้อ้าวเวย ในเวลานั้น เห็นว่าใกล้จะเที่ยงแล้ว ในใจก็อดไม่ได้ “ไปตะโกนป่าวร้องเรียก2คนนั้นมา!”
“รับทราบ!” ชายรับใช้ด้านข้างก็รีบไปจัดการ
ไม่นานนัก ข้างประตูก็มีเงา2คนเข้ามา ปกติแล้วจะมีคนรับใช้ช่วยแต่งตัวสวยเวลาออกห้อง แต่คราวนี้ใส่ชุดสีพื้นๆ ออกมา ไม่มีเครื่องประดับบนหัวเลย เหมือนกับเอาผ้าขาวๆ มามัดเฉยๆ แต่ซ่านจินจื๋อนั้นเป็นชุดผ้าต่วนหรูหรา ไม่เข้ากับคนรอบข้างสักนิดเดียว
พอเดินเข้ามาใกล้ๆ ซ่านต้วนเฟิงก็เพิ่งสังเกตุเห็นว่ากู้อ้าวเวยไม่ได้แต่งหน้า ใบหน้านั้นอมยิ้มอยู่ แล้วนิ้วมือที่อ่อนช้อยและขาวนวลดั่งหยกก็มาดึงซ่านจินจื๋อขึ้น พอเข้ามาในห้องโถงก็หันไปมองซ่านต้วนเฟิง “อรุณสวัสดิ์ องค์ชายเก้า”
“อรุณสวัสดิ์” รีบตอบกลับไป แต่เห็นซ่านจินจื๋อมองตาขวาง ซ่านต้วนเฟิงก็เลยเอมือขึ้นมาลูบคอตัวเอง พอเห็นเสด็จอาตนเองก็ไม่มีคำพูดอะไรออกมาขัดขวางเลย ส่วนซ่านจินจื๋อก็พากู้อ้าวเวยมานั่งอย่างรู้งาน แล้วก็สั่งให้คนยกกับข้าวเข้ามา
ในเวลานั้น กู้อ้าวเวยก็เอามือมาค้ำโต๊ะอย่างไม่สวยงาม แล้วก็เอามือเท้าคางทำท่าหาวนอน “ทำไมต้องเป็นจี้ซื่อถาง (ร้านขายยา) แต่ไม่ใช่โรงหมอโหย่วเว่ย บางทีข้าอาจจะได้พบชิงจือและอาโม่”
“ซู๋โหย่วเว่ยเห็นเจ้าเป็นคนกันเอง ถ้าจะรวมหัวกันหลอกข้า ก็อาจเป็นไปได้” ซ่านจินจื๋อเอามือมาจับไรผมข้างหูนาง “มัดผมดีๆ เถอะ”
“ไม่ต้องหรอก ไม่เป็นไร” กู้อ้าวเวยปัดมือของซ่านจินจื๋อออก “มืออย่าวุ่นวายมากนัก กลางวันแสกๆ มีอย่างที่ไหนกัน”
ซ่านจินจื๋อหัวเราะ “เจ้ายังรู้จักกาลเทศะอยู่หรือ?”
“ข้าไม่มีกาลเทศะอยู่แล้ว แต่เจ้าเป็นถึงอ๋องจิ้ง จะมาเป็นคนไม่มีศักดิ์อย่างข้าได้อย่างไร” กู้อ้าวเวยยิ้มๆ แล้วยื่นมือออกมา แล้วเอามือช้อนคางของซ่านจินจื๋อ “แต่ข้าก็ยังชอบกริยาที่ไม่มีกาลเทศะของเจ้านะ”
ซ่านจินจื๋อมองนาง ในสายตาเหมือนจะเห็นนางเพียงผู้เดียว โดยไม่สนใจซ่านต้วนเฟิงที่อยู่ข้างๆ ดูเหมือนว่าเขาจะพูดอะไร และไม่สนใจยู่จือยู่หงที่พากู้เฉิงเยว่เดินเข้ามา มัวสนใจแต่ จับมือของนางดึงออกจากคาง แล้วก้มลงจูบมือของนาง “แบบนี้นะหรือ?”
กู้อ้าวเวยนิ่งไป แล้วนางก็หน้าแดง แล้วเอามือมาช้อนคางเขาอีก “เจ้านี่หน้าไม่อายจริงๆ เจ้ารู้หรือไม่ว่าตอนนี้ข้าอยู่ในค่ายของศัตรู”
“เมื่อวานที่บังคับข้าให้ยอมรับในค่ายศัตรูนั้นคือใคร?” ซ่านจินจื๋อจับมือนาง นางก็ทำตาโกรธตอนที่กำลังมองเยว่ เสียงนิ่มๆ ก็เริ่มเป็นเสียงแข็ง “เยว่ที่เจ้าเชื่อใจก็พาซูพ่านเอ๋อและเมี่ยวหารมาที่นี่แล้ว”
พอได้ยินดังนั้น กู้อ้าวเวยก็หันไปมองคนรอบข้าง ส่วนเยว่ก็หน้าเสียมาก กู้อ้าวเวยจับมือซ่านจินจื๋อ แล้วลุกขึ้น ตอนที่นางกำลังจะปล่อยมือนั้น สายตาก็เผยอมยิ้มขึ้นมา แล้วเดินมาข้างหน้าเยว่ แล้วตั้งใจมองนาง “เจ้าทำดีมาก ซูพ่านเอ๋อจะอยู่กับข้าเท่านั้น”
“นางปีศาจ” เยว่ด่าเสียงต่ำ
“ในฐานะที่เป็นศัตรูเจ้า สองคำนั้นมันเข้ากันดี” กู้อ้าวเวยยื่นมือออกมา แล้วผลักไหล่ของนางเพื่อจะเปิดทาง แล้วเดินออกไป “ข้าจะไปพบเมี่ยวหาร ไม่อยากให้ใครมารบกวน”
กู้เฉิงทำตาหยี แล้วทำท่าทางให้คนตามออกไป
“กู้เฉิง ข้าคิดว่าเจ้ายังไม่เข้าใจความหมายของกู้อ้าวเวย” เสียงของซ่านจินจื๋อพูดพร้อมกับเสียงเดินของสองคนที่ตามกู้อ้าวเวยออกไป เฉิงยีและเฉิงเอ้อก็เดินตามนางออกไป
ซ่านจินจื๋ออ้าปากพูด “เจ้ามีวิธีที่จะควบคุมอ๋องจิ้งและองค์หญิงเอ่อตาน อย่าคิดว่าจะทำอะไรก็ได้”
“เขาเข้าใจความหมายของข้า” กู้อ้าวเวยเดินยิ้มออกไป แล้วก็เอากระดาษไขมาจากมือของเฉิงยีเฉิงเอ้อ แล้วก็หันมายิ้มทำตาหยีกับกู้เฉิง “แล้วอีกอย่างเขาก็รู้ว่าข้าชอบอะไร ไม่ใช่มาข้าวให้น้ำข้าอย่างเดียว”
ซ่านต้วนเฟิงและกู้เฉิงหน้าเสีย แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ทำอะไรไม่ได้