บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 795
บทที่ 795 ดาบเล่มแรกและจุดเริ่มต้น
“ตอนเด็กมีปมที่จากสภาพแวดล้อม เป็นปมที่แม้ว่าจะเติบโตมาแล้ว ก็ลบทิ้งยาก มีพ่อแม่ที่เห็นลูกตนเองเป็นสิ่งของไว้เพื่อใช้งาน พวกเขายังไม่ถึงขั้นปัญหาทางจิต แต่ก็ต้องตกอยู่ในความเจ็บปวดไปทั้งชีวิต”
ในมหาวิทยาลัยมีอาจารย์ที่ปรึกษาคอยบอกแบบนี้อยู่หน้าอาคารเรียน แล้วก็ตบไหล่นางบอกว่า “เจ้าต้องมีความสุขมากกว่าคนอื่น แต่เจ้าเลือกการแพทย์ ที่ต้องนำความสุขไปให้ผู้อื่น ข้าเชื่อว่าเจ้าต้องประสบความสำเร็จ ถึงแม้จะมีเพื่อนที่คอยอิจฉาเจ้าอยู่ข้างหลัง”
กู้อ้าวเวยลืมไปแล้วว่าตนเองตอบอาจารย์ผู้นั้นว่าอย่างไร
แต่ตัวกลับแข็งทื่อเหมือนหินที่ตกลงน้ำ ความเจ็บปวดที่หน้าอกและลำคอ เหมือนว่าในคอนั้นถูกไฟเผาไหม้จนไม่เหลือออกซิเจน เจ็บจนต้องเอาอาวุธแหลมๆ แทงเข้าไปที่จุดขมับ แล้วเรียกนาง ตอนนี้คมดาบได้หยุดอยู่หน้าดวงตานาง
สีและกลิ่นของผ้าม่านทำให้นางรู้ว่าตนเองอยู่ที่ไหน ในหัวนั้นโล่ง เหมือนมีเทพเอายาเซียนมาให้นางกิน รูม่านตาเริ่มหดตัวกลับ แล้วก็จ้องมองมือของหญิงคนนั้น แล้วก็ยู่หงที่มาห้ามคมดาบไว้
“คำพูดก็เหมือนคมมีด แต่ข้าเป็นคนหลอมดาบนั้น” กู้อ้าวเวยเหมือนจะตอบคำถามของอาจารย์ที่ปรึกษาคนนั้น ตอนนี้เหมือนจะรู้สึกตัว แล้วก็ลุกขึ้น ยู่หงรีบเอามีดดาบในมือเยว่ออกมา แล้วกดตัวนางลงพื้น ตะโกนว่า “เจ้าบ้า ตาของเจ้าเกือบจะ…………”
“มีคนมากมายอยากฆ่าข้า แสดงว่าข้ามีคุณค่า” กู้อ้าวเวยถอนหายใจ แล้วนั่งบนเตียงมองดูยู่หงกดเยว่ไว้ พร้อมพูดว่า “มีคนคิดร้ายเพราะในใจริษยา แต่ข้ากลับลืมไปว่าความสามารถของข้าทำให้พวกนางอิจฉา”
เยว่กัดฟันแน่น แล้วตะโกนดิ้น “พวกเจ้ารับปากข้าแล้ว ขอเพียงข้าพาซูพ่านเอ๋อและเมี่ยวหารกลับมา พวกเจ้าจะให้ข้าฆ่านาง”
“ไม่ใช่ตอนนี้” กู้อ้าวเวยช่วยพูดประโยคต่อไปแทนยู่หง ถูกดึงคอเสื้อ แล้วถูกท่อนเหล็กขนาดเท่ากำปั้นทุบตี มีแต่ความเจ็บปวด และนางก็คิดได้ว่าหัวใจก็ใหญ่ประมาณมือเหมือนกัน แล้วก็พูดว่า “ซ่านจินจื๋อละ?”
หน้าของยู่หงนิ่งไป
“ข้าถูกทิ้งไว้ที่นี่แล้วใช่ไหม?” กู้อ้าวเวยบึนปาก เหงื่อตกจากหน้าผากลงมาที่ขอบตา แล้วใหลเป็นรอยมาที่แก้ม เห็นเป็นความเจ็บปวดผ่านดวงตาที่งามดั่งลูกท้อ “ช่างเถอะ ดูเหมือนข้าจะมีร่องรอยแล้ว”
พวกนั้นทำให้นางนึกถึงความฝันครั้งก่อน
บางทีอาจจะเป็นชะตากรรมที่เง็กเซียนฮ่องเต้ประทานให้นาง เป็นตะเกียงจุดเริ่มต้นของนาง
ราชวงศ์ตระกูลซ่านไม่มีทรราชมากเท่าไร ถึงจะมีบ้าง แต่ก็ไม่ค่อยมีใครทำตาม โรคทางประสาทก็ส่งต่อทางพันธุกรรมน้อยมาก แต่ถ้าพวกองค์ชายทั้งหลายถูกเลี้ยงดูมาแบบนั้น อาจจะมีปัญหาความบกพร่องทางบุคลิกภาพแน่นอน
และโรคพวกนี้ มันจะเหมือนกัน หรืออาจจะเหมือนซ่านต้วนโฉงเลยก็ได้
การย้ำคิดย้ำทำไม่ฟังใคร
ก็เหมือนที่ซ่านต้วนโฉงทำ ซ่านจินจื๋อและซ่านเชียนหยวนไม่ได้ย้ำคิดย้ำทำ แต่องค์ชายทั้งหลายเป็นแบบนั้นหมด
ตอนกำลังคิดอยู่นั้น ยู่หงก็เอาตัวเยว่ออกไปแล้ว แล้วก็เป็นใบหน้าของซ่านต้วนเฟิงที่นิ่งๆ ใบหน้าที่เต็มไปด้วยการไม่ได้มาดีและความโกรธ ถ้าไม่ใช่เพราะว่ารู้ว่ากู้อ้าวเวยรู้ว่าควรทำอย่างไรกับซ่านจินจื๋อ บางทีนางอาจจะฆ่าคนเสียตรงนี้เลยก็เป็นได้
“นี่คือแผนที่เจ้าเสนอให้ซ่านจินจื๋อหรือ? ชิงบังลังก์ก่อนหรือ?”
“ข้าไม่มีปัญญาขนาดนั้นหรอก และก็ไม่อยากเป็นแม่ของแผ่นดินด้วย” กู้อ้าวเวยกำเสื้อแล้วเงยหน้าขึ้น ยังรู้สึกเจ็บที่หางตาเนืองๆ แต่หัวนางนั้นโล่งมาก “แผนการของพวกเจ้าถูกขัดขวางแล้ว พวกเจ้าไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพี่น้องเขานั้นมันจะดีมาได้ ถึงขนาดยอมยกบ้านเมืองให้อีกคนดูแลได้”
“ข้ารู้ดี เพราะท่านเองก็เป็นแบบนี้” ซ่านต้วนเฟิงเอามือต่อยผนัง จนหนังมือแตก แต่เขาไม่รู้สึกเพราะว่าโกรธ เลยตะโกนว่า “แต่ไอ้คนสมควรตายอย่างกู้เฉิงยังอยากให้เจ้ามีชีวิตอยู่”
กู้อ้าวเวยตกใจ แล้วก็ขยับตัว แล้วมองเขาเอียงๆ “ฮ่องเต้ไม่ใช่คนแร้งน้ำใจขนาดนั้น”
“ดังนั้นเขาก็สามารถมีลูกเป็นสิบคนได้ แล้วเลี้ยงพวกเราเหมือนลูกเป็ดอย่างนั้นหรือ!”
“หุบปากนะ!”
กู้เฉิงรีบตัดคำบ่นของซ่านต้วนเฟิง เขาเดินเข้ามาเหมือนรู้ว่ากู้อ้าวเวยต้องการคำตอบอะไร เขาหยุดตรงหน้ากู้อ้าวเวย แล้วให้ซ่านต้วนเฟิงออกไป เขาทำเช่นนั้น จนทำให้ซ่านต้วนเฟิงถีบประตูจนพัง ด้านนอกก็มีเสียงของคนรับใช้และทหารส่งเข้ามา เพราะเขากำลังระบายอารมณ์
“เจ้ารู้จากปากเขามามากพอแล้ว”
“เขาโง่จริงๆ แต่ว่า เขาเป็นคนที่มองฮ่องเต้ออก ในใจคน เขามีความสามารถมากว่าพี่ชายคนอื่นๆ ข้าคิดว่าทั้งหมดต้องยกประโยชน์ให้เจ้า” กู้อ้าวเวยพยายามบึนปาก แล้วยิ้ม “ซ่านจินจื๋อจะให้ข้าไปจากที่นี่”
“ซ่านต้วนโฉงเป็นนกในกรง แต่ซ่านจินจื๋อเป็นอินทรีย์ในท้องฟ้ากว้าง ข้าคงไม่เป็นอริกับเขา แต่ก่อนที่เขาจะเสนอข้อตกลงมา เจ้าต้องอยู่ที่นี่ก่อน” สายตากู้เฉิงดีขึ้นมาก แล้วก็เอาผลไม้แห้งจากกระเป๋ามาให้นาง “ข้าจำได้ว่าเจ้าชอบผลไม้แห้งร้านของเขาตั้งแต่เด็ก”
ผลไม้แห้งในมือ กู้อ้าวเวยก็ลังเลกว่าจะหยิบเอามา “ข้าไม่ใจอ่อนหรอก”
“ไม่เป็นอะไร” กู้เฉิงถอนหายใจยาวๆ “บางทีซ่านต้วนโฉงอาจจะชนะ แต่ถ้าได้เห็นเขาตายด้วยน้ำมือเจ้า ก็คงจะดีไม่น้อย”
ครั้งนี้ถึงคราวที่กู้อ้าวเวยนิ่งบ้าง
สักพัก ตอนที่กู้เฉิงกำลังจะออกไป นางก็พูดว่า “ตอนนั้นอยู่ในเป็นสิบปี เจ้าดีกับข้า ไม่เคยให้ใครมารังแกข้า ข้าจำได้ว่าเจ้าเอาของมามากมาย ถึงจะไม่ได้คิดว่ามันจริงหรือปลอม แต่ก็ถือว่าเป็นบุญคุณที่เลี้ยงดู”
กู้เฉิงหยุดเดิน แล้วก็ขำในใจ
คนที่ไม่มีความรู้สึก และสถานการณ์ที่บังคับ ก็ยังลบภาพในอดีตไม่ได้ ก็ยังคงเป็นผลไม้แห้งเหมือนเดิม
“ตอนนี้เป็นเวลาพักยก เพื่อปรับสภาพตัวเอง ถ้าทายไม่ผิด ดาบของคนนั้นควรจะไปจัดการคนอื่น ถ้าเจ้าแผนพลังที่แท้จริง ก็จะตายเร็วหน่อยเท่านั้น” กู้อ้าวเวยกล่าว
กู้เฉิงก็ไม่ตอบ แต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าได้ยินไหม
ประตูถูกล็อคอีกครั้ง กู้เฉิงเพิ่งมายังด้านข้าง ก็ได้ยินคนมารายงาน “ในวังร่วมมือกับองค์ชายเก้า เพื่อสืบเรื่องนักฆ่าในวังหลัง องค์ชายหกถูกกักบริเวณในจวน องค์ชายสามถูกต้าหลี่ซื่อ (ศาลฎีกา) เลี้ยงตัวไป”
เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย กู้เฉิงก็หันไปมองประตูที่ปิดอยู่ แล้วบ่นว่า “ดาบแรกนี้จะหล่นลงบนคอของซ่านต้วนเฟิง”