บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 799
บทที่ 799 แตกต่างกันทั้งข้างในและข้างนอก
ในระหว่างที่กำลังวุ่นอยู่ ฤดูร้อนก็ได้พัดผ่านไป
ซ่านจินจื๋อไปได้ไปจากวังแม้แต่ครึ่งก้าว แต่คนร้ายที่ยังอยู่ในวังก็ยังคงหาไม่เจอ
ใบไม้สีเขียวถูกย้อมไปด้วยสีเหลือง แล้วใบไม้ที่เฉดสีต่างกันนั้นก็ร่วงหล่นลงมาจากกิ่งไม้
กู้อ้าวเวยที่สวมเพียงชุดยาวสีเขียวไผ่นั่งอยู่บนชิงช้าที่แขวนอยู่ใต้ต้นไม้แกว่งไปมาอย่างช้าๆ ปลายเท้าที่สัมผัสกับผิวน้ำในสระไม่เลยข้อเท้า สาวใช้ที่เฝ้าอยู่รอบสี่ทิศได้แต่มองอย่างตกใจ แต่นางกลับเหยียบวงน้ำเล่น ราวกับนางไม่ใช่ไม่ใช่คุณหนูผู้มีร่างกายอ่อนแอที่ป่วยกำเริบหลายวันก่อน
กู้เฉิงกับซ่านต้วนเฟิงที่ตัดสินใจก่อนที่จะเดินทางมานั้น กู้อ้าวเวยกระโดดลงมาจากชิงช้าที่กำลังแกว่งอยู่ แล้วเขย่งเหยียบก้อนหินปูพื้นในสระน้ำไม่กี่ก้าว ผมยาวสลวยมีน้ำเกาะอยู่บนเส้นผมเล็กน้อย ไม่ได้เป็นอุปสรรคกับนางที่กำลังหยิบยกกระโปรงขึ้นมาหมุนไปหนึ่งรอบ แล้วมองพวกเขา“ซ่านจินจื๋อจะมาพบข้าอย่างนั้นหรือ?”
“น้ำท่วมในช่วงฤดูร้องยังไม่ได้จัดการ เขาส่งคนมารับเจ้าไปส่งโรงเตี๊ยม กลับแคว้นเอ่อตานพร้อมกับพวกราชทูต”ซ่านต้วนเฟิงเปิดปากพูด แต่กลับมองดูปลายกระโปรงที่เปียกน้ำจนเขาต้องกลืนน้ำลาย
“เป็นอย่างนี้นี่เอง เขายังคงห่วงความปลอดภัยของข้า”กู้อ้าวเวยยังคงจับกระโปรงขึ้นเหยียบไปที่วงน้ำสองดวง แล้วก็เดินไปจากตรงนั้น เหยียบย่ำทางที่เป็นกระดานหินเล็กๆเดินตรงไปยังโต๊ะหินอ่อนข้างหน้า สาวใช้รีบยื่นน้ำสะอาดมาให้ แล้วจะก้มตัวลงเพื่อสวมรองเท้าให้นาง
“เจ้าคิดว่าพวกข้าจะปล่อยเจ้าไปง่ายๆอย่างนั้นหรือ?”ซ่านต้วนเฟิงพากู้เฉิงเดินไปยังข้างหน้า
“ครั้งนี้อยากจะใช้ใครขู่ข้าอีกล่ะ?”
“ตอนนี้หยุนหว่านถูกคนร้ายที่อยู่เบื้องหลังขังไว้ในวังหลวง เจ้าสามารถไปได้ แต่นางกลับไปไหนไม่ได้”กู้เฉิงพูดต่อประโยคครึ่งหลัง
กู้อ้าวเวยมองค้อนเขาไปหนึ่งครั้ง รู้อยู่แล้วว่าเขามีสายสืบอยู่ในวังหลวง แต่มาวันนี้คนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ถูกเปลี่ยนคนแล้ว นางกลับตามหาไม่เจอว่าใครที่อยู่เบื้องหลังกันแน่ ยิ่งหรี่ตามองอีกครั้ง“ซ่านจินจื๋ออยู่ในวัง ต้องปกป้องนางอยู่แล้ว”
“ซ่านจินจื๋อยังไม่ใช่ฮ่องเต้”จมูกของกู้เฉิงมีเสียงหัวเราะกลั้นขำออกมาเบาๆ“เจ้ากับข้าเป็นพ่อลูกกันมานับสิบปี แน่นอนว่าข้าก็ไม่ได้อยากทำให้เจ้าลำบากใจ ขอเพียงแค่เจ้าใช้ตำแหน่งขององค์หญิงเอ่อตานพาพวกข้าสองคนเดินทางไปยังแคว้นเอ่อตานได้อย่างปลอดภัยก็พอ”
“พวกเจ้าสองคน?”สายตาของกู้อ้าวเวยกวาดตามองไปที่กู้เฉิงกับซ่านต้วนเฟิง
“ถ้าหากข้าไม่ไปตอนนี้ล่ะ เจ้าก็จะรอความตายอยู่ที่นี่อย่างนั้นหรือ?ยิ่งไปกว่านั้นถ้าหากไปกับเจ้า ไม่แน่ยังสามารถนำปริศนาของความอมตะกลับมาก็เป็นได้”พูดจบ มือของซ่านต้วนเฟิงก็ไปตกอยู่ตรงข้อเล็กของกู้อ้าวเวย เสียงดังกร๊อบอันเย็นเฉียบดังขึ้น
พอดีกับที่สาวใช้สวมรองเท้าให้กับนาง นางเงยหน้าขึ้นมามองทั้งสองคน“พวกเจ้าไม่กลัวว่าซ่านจินจื๋อจะรู้หรอกหรือ?”
“ถ้าหากเขารู้เรื่องของเจ้ากับองค์ชายสาม”กู้เฉิงส่ายหัวไปมาอย่างเบื่อหน่าย ที่ต้องทำเช่นนี้ นั่นก็เป็นเพียงเพราะไม่มีทางเลือก
คิ้วขมวดเป็นปมแน่น ในที่สุดกู้อ้าวเวยก็รู้ว่าเหตุใดจดหมายที่ตัวเองส่งเข้าวังไปถึงไม่ได้รับการตอบกลับ
มังกรที่ยิ่งใหญ่ยังไม่อาจทับหัวงูบนดินได้
ถึงแม้ว่าซ่านจินจื๋อจะมีความสามารถ มีกองกำลังทหารอำนาจอยู่ในมือ แต่ขอเพียงแค่คำสั่งของซ่านต้วนโฉงแค่หนึ่งคำ ทั้งแคว้นก็จะต้องทำตามคำสั่งของเขา ถึงในมือของเขาจะไม่มีสัญลักษณ์ทางทหาร ขอเพียงเขาเป็นจักรพรรดิ เท่านั้นก็มากพอแล้ว
ดังนั้นต่อมา นางจะคนอื่นควบคุมมันก็ไม่แปลก
แต่นางเพียงแค่สงสัยว่า พิษของรากถุงน้ำดีหงส์ในร่างกายของเขาจะกำเริบขึ้นเมื่อไหร่
กำลังคิดเรื่องนี้พอดี นางก็มองเห็นสายตาของซ่านต้วนเฟิงมีบางอย่างแวบผ่านไป ในขณะที่สายตาของฝ่ายตรงข้ามกำลังสับสนวุ่นวายอยู่นั้นมือของนางก็คว้าไปที่แขนของเขาอย่างรวดเร็ว ในขณะที่พยุงเขาให้ยืนอย่างมั่นคงอยู่นั้น หลังจากที่รอให้เขาได้สติเขาก็บีบนวดคลึงขมับเบาๆ แล้วจึงพูดต่อไปว่า“ช่วงนี้องค์ชายเก้าทรงพระประชวรแล้ว”
“เจ้าไม่ต้องสนใจ”ซ่านต้วนเฟิงสะบัดมือของนางทิ้ง แต่ข้อมือกลับถูกมัดเข้าด้วยกัน เขาทำได้เพียงแค่รำคาญใจจนต้องแกะสิ่งที่พันธนาการออกไป แล้วเซก้าวถอยหลังไปสองเก้า มือข้างหนึ่งจับหน้าหน้าผากไว้“ฤดูใบไม้ร่วงใกล้เข้ามาแล้ว”
“ไปหาหมอมาตรวจดูเถอะ”กู้เฉิงยังคงอดพูดมากไม่ได้
ซ่านต้วนเฟิงใช้สายตาเอาแต่ใจอวดเก่งมองไปที่เขา“อย่าคิดว่าข้ายังเป็นเด็กอยู่ ข้าเคยบอกแล้วใช่ไหมว่าทำงานด้วยกันเท่านั้นเรื่องส่วนตัวไม่เกี่ยว”
กู้เฉิงที่ถูกตำหนิเขาทำได้เพียงแค่กัดฟันแน่น จนกระทั่งซ่านต้วนเฟิงหายลับไปจากสายตาแล้ว
เก็บทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในสายตาทั้งหมด กู้อ้าวเวยคิดไม่ถึงว่าพิษจะออกฤทธิ์ช้าขนาดนี้
เพียงแต่ นางยังมีอีกเรื่องที่ต้องการให้คนอื่นช่วย พอคิดได้ดังนั้น นางจึงเงยหน้าขึ้นมาแล้วมองไปยังกู้เฉิง“ข้าอยากจะไปหาฉีหรัว”
“เจ้าคิดอยากจะทำอะไรอีก?”
“ซ่านจินจื๋อไม่อาจให้แม่ของข้าอยู่ในวังได้จริงๆหรอก หรือหยุนหว่านอาจจะไม่ได้อยู่ในวังหลวงแบบที่เจ้าคิดก็เป็นได้ ข้าสิถึงเป็นคนที่ซ่านต้วนโฉงเล็งไว้”ในใจของกู้อ้าวเวยรู้ดีว่าความเป็นไปได้มีน้อยมากๆ
ถึงจะเป็นอย่างนี้ กู้เฉิงก็ยังคงส่งนางไปหาฉีหรัว
ทุกอย่างแสดงให้เห็นว่า สายของกู้เฉิงที่อยู่ในวังยังไม่ได้พบกับหยุนหว่านเลย เพราะฉะนั้นเขาก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งในเรื่องนี้ และก็ทำได้เพียงแค่สิ่งที่พันธนาการกู้อ้าวเวยแกะออกมา เหลือไว้เพียงแค่ห่วงขนาดใหญ่ที่ซ่อนไว้ในแขนเสื้อ
มาวันนี้สำนักเยียนหยู่เก๋อยังเป็นที่รู้จักของคนทั่วๆ ยังมีน้ำยาทาเล็บที่แสนแพง และมีครีมที่แสนถูกอีกด้วย
ในตอนที่กู้อ้าวเวยมาถึง มีคนออกมาต้อนรับอย่างยินดี ผ่านไปไม่นาน ฉีหรัวถึงเพิ่งเดินออกมาจากร้านหนึ่งที่นางพึ่งไปคิดบัญชีมา สายตาคู่หนึ่งมองกู้อ้าวเวยผ่านยู่หงกับยู่จือไป แล้วจึงเลิกคิ้วขึ้น“ข้าเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือว่ากู้อ้าวเวยมาให้ต้อนรับเป็นอย่างดี แต่ไม่เคยพูดว่าสองคนที่มาจะต้องต้อนรับเข้ามาด้วยนะ”
“ข้าลืมเรื่องเล็กๆพวกนี้เองแหละ”เด็กเฝ้าร้านข้างๆร้านรีบออกมาพูด
“พาพวกข้าไปหลบจากลมข้างนอกเถอะ แล้วไปเอาพู่กันกับหมึกมาให้ข้า หลังจากนั้นก็เอาสมุดบัญชีกับลูกคิดมาด้วย ข้าจะคิดบัญชีกับนางให้ชัดเจน ถ้านับๆดูแล้วก็เป็นเวลานานแล้วที่ข้าไม่ได้แบ่งเงินให้นาง”ฉีหรัวทำท่าทางเชิญทั้งสองเข้าไป
ยู่หงยังคงยืนนิ่งตัวตรงอยู่ข้างๆกู้อ้าวเวยไม่ขยับ เหมือนองครักษ์ที่เฝ้าปกป้อง
แต่ยู่จือกลับใช้รองเท้าส้นเหยียบไปมาเสียงดังปึ้งปั้ง ผ้าส่าหรีบนตัวก็สะบัดพลิ้วไปมาสองครั้ง แล้วจึงหัวเราะเสียงเบา“คุณหนูฉีหรัวอยากจะส่งข่าวก็ไม่น่าแสดงออกชัดขนาดนั้นเลยนะ”
“เรื่องที่พวกเจ้าจะลงมือกับนาง ก็เขียนไว้บนหน้าของพวกเจ้าไม่ใช่หรือ?”ฉีหรัวเก็บมือ แล้วสาวเท้ายาวไปนั่งข้างหน้าของกู้อ้าวเวย ชายแขนเสื้ออันกว้างสะบัดฝุ่นที่ไม่มีนานแล้วออกไป แล้วมองอย่างเหยียดหยามไปที่ทั้งสองคน“ในเมื่อมีเป้าหมายเดียวกัน ถึงพวกเราทั้งสองจะส่งข่าวกัน พวกเจ้าจะทำอะไรได้ล่ะ?”
“เจ้าก็รู้อย่างนั้นหรือ?”กู้อ้าวเวยตกใจ
“เจ้าคงคิดว่าตัวเองจัดการได้ทุกเรื่องสินะ ข้าก็ต้องมีที่มาของข่าวแน่นอนอยู่แล้ว”ฉีหรัวมองบน ยกมือขึ้นเพื่อรินน้ำชา แล้วจึงพูดว่า“แม้แต่ข้าอยากส่งจดหมายสักฉบับให้อ๋องจงผิงข้ายังทำไม่ได้เลย ในวังหลวงก็เหมือนป่าช้า ถ้าหากไม่มีขุนนางคอยใช้เงินซื้อพวกขันทีกับนางในในวัง ข้าก็แทบอยากจะพุ่งตัวเข้าไปรู้ความจริงให้ได้”
ในมือกำหมัดแน่น หลายวันมานี้กู้อ้าวเวยไม่ได้รับข่าวเลยแม้แต่น้อย ตอนนี้จึงยิ่งร้อนใจ“องค์ชายสี่ไม่ได้ออกมาหรอกหรือ?”
“ไม่เคย”สายตาของฉีหรัวหนักหน่วง ดุไปแล้วเหมือนจะไม่ได้พูดโกหกเลยแม้แต่น้อย
ยู่หงกับยู่จือจ้องตากันครู่หนึ่ง ต่างได้รับความตกใจจากสายตาของฝ่ายตรงข้าม ยู่จือดึงตัวยู่หงเบาๆ มืออีกข้างหนึ่งกลับกำลังคิดวางแผนในแขนเสื้อ สายตาหนักอึ้งเหมือนกัน“จุดจบถูกกำหนดไว้แล้ว กลับกันเจ้ากับข้า…