บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 804
บทที่ 804 ไม้แกะสลัก
ตอนนี้ถ้ายังไม่ไปอีก จะเป็นเวลาไหนได้อีกล่ะ
ซ่านต้วนเฟิงใช้เรื่องที่จะส่งองค์หญิงเอ่อตานกลับเทียนเหยียนมาหาราชทูตของเอ่อตานที่โรงเตี๊ยม การเยี่ยมนับครั้งได้ในที่สุดเขาก็ได้พบกับหยุนหว่านตัวจริงที่อยู่ตรงหน้า
คนที่อยู่เบื้องหน้าในวันนี้สวมชุดสีขาวบริสุทธิ์ ใบหน้าที่มีผ้าปิดหน้าสีขาวสามารถปิดได้แค่เพียงครึ่งหน้าเท่านั้น แต่รอยแผลที่อยู่บนหน้าแทบจะทั้งใบหน้าทำให้ดูดุร้ายน่ากลัวยิ่งนัก และดวงตาคู่นั้นยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังงาน
“ท่านแม่ ท่านอยู่ที่นี่จะเป็นอันตราย ถ้าหากพวกเรารีบกลับเอ่อตาน จะเป็นการดีหรือไม่?”
ใบหน้าของกู้อ้าวเวยพูดอย่างอารมณ์ดี กริชที่จี้อยู่ด้านหลังของนางก็ถอยกลับไปบ้างเล็กน้อย
หยุนหว่านกลับกระแทกแก้วน้ำชาในมือลงโต๊ะอย่างแรง แล้วกวาดสายตามองไปที่ข้างหลังของกู้อ้าวเวย“เวยเอ๋อ แต่คนพวกนี้กำลังขู่เจ้า”
“มีท่านพ่อกับท่านแม่ จะมีใครสามารถขู่ลูกได้ล่ะ?”กู้อ้าวเวยยิ้มขึ้นบางๆ หยิบแก้วน้ำชาในมือขึ้นมา แล้วเงยหน้าขึ้น“ชิงจือไปที่เอ่อตานแล้ว ในใจของข้ารู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาบ้างแล้ว”
สีหน้าของหยุนหว่านถึงค่อยๆอบอุ่นขึ้นมาเล็กน้อย แล้วปล่อยลมหายใจพู่อย่างโล่งอก“ช่างเถิด คนเป็นแม่ก็แบบนี้แหละ เพียงแต่……”
“ท่านแม่ ข้ายังอยากพาซูพ่านเอ๋อไปด้วย ได้หรือไม่?”กู้อ้าวเอ่ยตัดบทคำพูดของนาง
สายตาของหยุนหว่านมีความกระวนกระวายพาดผ่าน หลังจากนั้นก็มีเสียงกระแอมดังขึ้นสองครั้ง แล้วถามขึ้นมาว่า“เพราะอะไร?”
“นางยังมีประโยชน์ เมี่ยวหารยังไม่ได้นำยาถอนพิษให้ลูก”พูดจบ กู้อ้าวเวยก็เบะปาก มองนางอย่างออดอ้อน“เป็นเพียงแค่ศัตรูเอง พาไปด้วยก็สามารถเป็นที่รองรับของลูกได้ด้วย”
หยุนหว่านใช้สีหน้าหลอมเหล็กให้เป็นเหล็กกล้าไม่ยังนาง สุดท้ายก็พยักหน้าอย่างเคร่งขรึม“แม่จะเตรียมโซ่ตรวนไว้ให้เจ้า”
พอพูดจบ กริชที่อยู่ข้างหลังนางก็จี้ไปข้างหน้าเล็กน้อย
กู้อ้าวเวยยืดตัวตรงเพื่อลบคมกริช บนหน้าผากมีหยาดเหงื่อบางๆ แล้วเอ่ยขึ้นต่อว่า“ข้ายังต้องการพาคนสองสามคนไปกับข้าด้วย”
“แม่เตรียมรถม้าให้เจ้าไว้เพียงคันเดียว”หยุนหว่านมองไปยังซ่านต้วนเฟิงด้วยสีหน้าเย็นชา ราวกับรู้ว่าเขากำลังวางแผนอะไรอยู่
“รถม้าคันเดียวพอแล้วเจ้าค่ะ”กู้อ้าวเวยเอ่ยปากขึ้นอย่างปากยิ้มแต่กายไม่ยิ้ม
การตัดสินใจวันเวลาที่จะไปจากที่นี่สิ้นสุดลงด้วยบทสนทนาของแม่ลูกสองคน
ในตอนที่จากไปนั้น กู้อ้าวเวยรู้สึกว่าข้อมือของตัวเองเริ่มเจ็บขึ้นมาเรื่อยๆ ยู่หงที่อยู่ด้านข้างผลักตัวยู่จือไปด้านหน้า พลางเตือนนางไปด้วยว่า“โซ่ตรวนไม่มีประโยชน์อะไร แต่ยาพิษ เจ้าน่าจะรู้ดี”
“ข้าเหนื่อยมากแล้ว”กู้อ้าวเวยทำได้เพียงยกมือขึ้นแล้วนวดไปที่ขยับ พิงตัวบนรถม้าอย่างเหนื่อยล้า หลังจากที่มองดูซ่านต้วนเฟิงอย่างนิ่งเฉยแล้ว ถึงได้หลับตาลง ราวกับพูดเองเออเองว่า“ถ้าหากท่านแม่รู้ว่าข้าทำเพื่อพวกเจ้า เกรงว่าคงจะสั่งสอนข้าชุดใหญ่แน่”
หลังจากนั้น ก็มีเสียงของลมหายใจเข้ามาแทนที่
คิ้วของซ่านต้วนเฟิงตั้งขึ้นมา และคนรับใช้ที่ตามอยู่ข้างๆมาตลอดก็ปีนขึ้นรถม้ามา ฉีกหน้ากากหนังคนออกมา ทำให้เห็นใบหน้าของกู้เฉิง เขาใช้สีหน้าเคร่งขรึมมองไปที่กู้อ้าวเวยที่กำลังนอนหลับอยู่อย่างนิ่งเฉย ในใจของเขาเชื่อไปเกินครึ่ง
ยู่หงปิดหูทั้งสองข้างของกู้อ้าวเวย แล้วเอ่ยเสียงต่ำไปว่า“นางหลับแล้วจริงๆ ชีพจรไม่สามารถหลอกคนได้”
“ดูท่าแล้วคนผู้นั้นจะเป็นหยุนหว่านจริงๆ ไม่ใช่ตัวปลอม”ซ่านต้วนเฟิงสีหน้าคร่ำเคร่ง แผนการทั้งหมดของเขาตอนนี้ล่มไปแล้ว ตอนแรกเขาควรเหยียบอยู่บนทางแล้วเดินไปข้างหน้าตามทางที่กู้เฉิงปูไว้
“เป็นความจริง ถ้าหากไม่ใช่หยุนหว่านตัวจริง นางคงไม่ผ่อนคลายขนาดนี้”กู้เฉิงคิดว่าเขารู้จักลูกสาวที่เขาเลี้ยงมาสิบกว่าปีเป็นอย่างดี คิดเหมือนกับคนอื่นๆ
ไม่ว่ากู้อ้าวเวยจะฉลาดสักเพียงไหน นางก็แค่เด็กสาวที่อายุยี่สิบห้าต้นๆเท่านั้น
เพียงแต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครมองเห็นเส้นเลือดอันปูดนูนของซ่านต้วนเฟิง
……
ในตอนที่กู้อ้าวเวยตื่นขึ้นมานั้น นางก็กลับมาอยู่ในจวนองค์ชายเก้าแล้ว
นางก้าวลงจากรถม้าอย่างสะลึมสะลือ ข้อมือที่ถึงแม้จะไม่มีกุญแจมือล๊อคเอาไว้แล้ว แต่กลับยังเจ็บปวดจากการที่ใส่มาเป็นเวลานาน แม้แต่แขนข้างหนึ่งยังมีอาการสั่นเบาๆ
ยืนอยู่ข้างหน้าของจวนองค์ชายเก้า นางมองไปยังวังหลวงแวบหนึ่ง ราวกับกำลังคิดอะไรอยู่
ซ่านต้วนเฟิงหยุดฝีเท้าแล้วมองไปยังนาง“องค์หญิง คนรักของท่านบัดนี้ไม่อาจหยุดฝีเท้าได้เพื่อท่านอีกแล้ว”
“เป็นข้าเองที่บอกให้เขาทำเช่นนั้น”แล้วก็เก็บสายตากลับไป กู้อ้าวเวยหดไหล่อันบอบบาง หลังอันเรียบตรงในตอนนี้เป็นเพราะว่าผ่อนคลายถึงได้โค้งงอลง เพียงแต่ถอนหายใจอย่างแผ่วเบา“แต่ข้าเพียงแต่รอให้ถึงวันนี้ ทุกอย่างเหมือนจะเป็นโชคชะตาฟ้าลิขิต”
“จะเล่นอะไรอีก?”
“เล่นกับความรักเท่านั้นเอง”กู้อ้าวเวยยกยิ้มขึ้น เดินไปยังสวนหน้าห้องของตัวเองอย่างเรียบเฉย พอกลับมาในห้องได้แล้วก็นั่งลงตรงข้างหน้าต่างอย่างไม่พูดไม่จา ใช้มืออันสั่นเท่านั้นค่อยๆแกะสลักไม้ต่อไป
ยังสามารถเห็นเค้าโครงอันเลือนรางของคนได้ เพียงแต่ไม่ได้ชัดขนาดนั้น
ห้าวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว สายตาของกู้อ้าเวยมืดครึ้มไม่ชัดเจนนำไม้ที่แกะสลักคล้ายรูปปั้นเทพส่งมอบไปให้ในมือของยู่หง พลันเปิดปากพูดขึ้นว่า“นี่เป็นความหวังเดียวของข้าที่จะมอบของไปให้ซ่านจินจื๋อกับมือตัวเอง ไม่ว่าเจ้าจะใช้วิธีอะไรก็ตาม”
“เจ้าต้องไปขอร้องอ้อนวอนจากองค์ชายเก้าหรือใต้เท้ากู้เฉิง”มือหนาของยู่หงยังคงอยู่ในท่าผายมือ
“ถ้าหากแม้แต่คำขอร้องแค่นี้พวกเจ้ายังทำไม่ได้ ข้าก็จะฆ่าตัวตาย”สายตาอันมืดมนของกู้อ้าวเวยทำให้คนรู้สึกเหมือนคนตายไร้ความรู้สึก แต่ในมือของนางไม่มีแม้แต่อาวุธใดๆ
“ใช้ชีวิตของตัวเองมาขู่ ไม่รู้สึกว่าต่ำทรามไปหน่อยหรือ?”ยู่หงไม่พอใจ
“ใช้ได้ก็พอ”กู้อ้าวเวยใช้มือปิดปากตนเองแล้วไอเบาๆ สายตามองไปที่ยาถอนพิษที่วางอยู่บนโต๊ะ หลังจากนั้นก็นำบางส่วนยัดใส่ในถุงกระเป๋าอันเล็ก แล้วพูดขึ้นอย่างประกาศศักดา“ข้าใช้เวลามาสองเดือน ตอนนี้มันเกินขีดจำกัดข้าแล้ว”
สีหน้าของยู่หงครึ้มลง เขารีบนำไม้ที่แกะสลักอันนี้ไปให้ซ่านต้วนเฟิง
ตอนนี้กู้อ้าวเวยเป็นตัวช่วยสุดท้ายของพวกเขา แน่นอนว่าซ่านต้วนเฟิงไม่โง่ขนาดที่จะโยนทิ้งไม้แกะสลักอันนี้ทิ้งไป เพียงแต่หลังจากที่จับลูบคลำถูไม้แกะสลักในมือไปมา แล้วสั่งการให้คนหาวิธีนำไปมอบให้ซ่านจินจื๋อให้ถึงมือ ก็ถือได้ว่าเป็นการเลือกเส้นทางให้พวกเขาอีกทางหนึ่ง
ในคืนวันนั้นเอง ในจวนขององค์ชายเก้าไฟส่องสว่างไสวเรืองรอง
ในเช้าตรู่ของวันที่สอง เพื่อไม่ให้เรื่องเปลี่ยนไป คนทั้งจวนต่างพากันยุ่งวุ่นวายขึ้นเพื่อการเดินทางของวันพรุ่งนี้
ยาถอนพิษสองห่อที่อยู่บนหลังของกู้อ้าวเวย ซูพ่านเอ๋อหันหลังให้กับเสื้อเครื่องใช้กับเงินทองพวกนั้น แล้วพูดขึ้นอย่างรังเกียจ“มันหนักเกินไป ……”
มองนางอย่างเย็นชา กู้อ้าวเวยเปลี่ยนแปลงสีหน้าหดหู่ของก่อนหน้านี้ เพียงแต่มองไปบนท้องฟ้าอย่างมีชีวิตชีวา
ท้องฟ้าในยามรุ่งสาง มีเพียงเสียงกรีดร้องของหญิงสาวดังขึ้นมา
แล้วหลังจากนั้น บานประตูก็ถูกผลักออกไป กระทั่งกู้เฉิงยังไม่ทันได้เอ่ยอะไร
ก็มีเงาสีขาวอยู่ตรงข้างๆเท้าของกู้อ้าวเวย ทั้งมือสามารถหยิบยกตัวของนางกับซูพ่านเอ๋อขึ้น คนผู้นั้นตรงเอวมีพัดเหน็บไว้ แต่กู้อ้าวเวยก็เบี่ยงตัวโอบไหล่ของเขาไว้ แล้วหัวเราะเสียงเบาไปว่า“ไม้แกะสลักนั้น มันมีพิษ”
ผิงชวนก็หัวเราะตามด้วย แล้วโผล่ขึ้นมา ได้ยินเพียงเสียงร้องโหยหวนเรียกชื่อของนาง
“กู้อ้าวเวย!