บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 805
บทที่ 805 สิบก้าว
“รีบส่งคนออกไปไล่ล่าเดี๋ยวนี้!ต้องเอาตัวนางกลับมาให้ได้!”
กู้เฉิงโกรธจนหน้าดำหน้าแดง หนึ่งคำที่ตะโกนออกมาแทบจะทำให้ได้ยินไปทั้งจวน เหล่าทหารพวกนั้นรีบไปตามแกะร่องรอยของนางทันที เพียงแต่น่าเสียดายที่ถึงผิงชวนจะนำคนมาสองคนเพื่อรับมือต่อกรกับทหารกระจอกพวกนี้ก็มากเกินพอแล้ว กู้อ้าวเวยใช้มีดแทงไปที่เอวของนายทหารคนหนึ่ง ผิงชวนยืมมีดเพื่อกระโดดออกไปนอกกำแพง แล้วมายืนอยู่บนถนนข้างนอกอย่างมั่นคง
ที่ประตูยังมีคนรับใช้ที่ยังคงขนย้ายสิ่งของวางบนรถม้า พอเห็นผิงชวนที่หิ้วคนออกมาหนึ่งคนจึงร้องตะโกนโหวกเหวกด้วยความตกใจกันใหญ่ บนถนนในตอนเช้าตรู่ยังไม่มีคนมากเท่าไหร่แต่กลับมีเสียงกรีดร้องดังระงม กลับไปไม่มีใครกล้าขวางไว้สักคน
ยัดซูพ่านเอ๋อกับกู้อ้าวเวยเข้าไปในรถม้า กู้อ้าวเวยโยนมีดไปที่อกของเข้าอีกครั้ง
“ทุกอย่างให้ดำเนินตามแผนการ”
“ข้าว่าแล้วว่าชายผู้นั้นไม่ใช่คนดีอะไร เสียเวลาไปสองเดือนอย่างเปล่าประโยชน์”ผิงชวนพูดขึ้นมาด้วยโทสะแล้วโยนหยุนอี้ของนางกลับไปในมือของนาง“ยังลืมของอะไรไว้อีกหรือไม่?”
“ไม่มีแล้ว”กู้อ้าวเวยพูดจบ ก็จับหยุนอี้ที่อยู่ในมือจนแน่น
ผิงชวนพยักหน้า เตรียมกุญแจมือที่เตรียมไว้แล้วโยนไปให้กู้อ้าวเวย มองดูหน้าประตูของจวนมีเงาของทหารไม่กี่คน ผิงชวนไม่พูดอะไรอีก รีบหวดลงหลังม้าเตรียมเดินทางไปจากสถานที่แห่งนี้
คนที่อยู่ด้านหลังไม่ว่าจะตามอย่างไรก็ตามไม่ทัน จนกระทั่งกู้เฉิงที่โกรธจนหน้าดำหน้าแดงมองเห็นหมอที่รีบคุกเข่าลงพื้นกันพัลวัน“นี่มันเหมือนกับ……พิษที่อยู่ในร่างกายขององค์หญิงก่อนหน้านี้ รากของถุงน้ำดีหงส์……”
“ในมือของนางมีของพวกนี้ได้อย่างไร?ข้าจำได้ว่าในมือของเมี่ยวหาร……”พูดถึงตรงนี้ กู้เฉิงเองหยุดชะงักกับคำขึ้นต้นประโยค เขาลืมลูกสาวของตนเองที่ตอนนี้ร่างกายอ่อนแอ——ซูพ่านเอ๋อ
เขาเคยให้ซูพ่านเอ๋อไปวางยาพิษกู่เซิง แน่นอนว่าในมือของนางยังมีรากของถุงน้ำดีหงส์บางส่วน!
“ไปรวบรวมกำลังพลคนมาแล้วตามข้ามา!”กู้เฉิงสะบัดแขนเสื้อเสร็จก็เดินไปทันที สายตามุ่งมั่น
ยาที่องค์ชายสามส่งมาถูกกู้อ้าวเวยนำไปจนหมดแล้ว แต่ยาถอนพิษในมือของพวกเขายังขาดเลือดมังกร ในเมื่อกู้อ้าวเวยจากไปอย่างรวดเร็วขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นก็สามารถยืนยันได้ว่านางต้องรู้ว่าเลือดมังกรต้องไปตามหาที่ไหนอย่างแน่นอน
ยาถอนพิษอยู่ในมือของกู้อ้าวเวย
แต่เขายังต้องการตัวประกันอีกเล็กน้อย
ในเมื่อจากไปแล้ว ถ้าอย่างนั้นอย่างน้อยเขาไม่สามารถที่จะสูญเสียซ่านต้วนเฟิงไป
ในเวลาเช้าตรู่ ลูกน้องของเขาทหารสองร้อยนายได้เข้าล้อมโรงเตี๊ยมไว้ จับตัวหยุนหว่านได้เป็นไปตามคาด กระทั่งยังมีคนมีวรยุทธ์สูงส่งอยากจะพาหยุนหว่านไป เพียงแต่ถูกกู้เฉิงล้อมไว้เสียก่อน
ดาบยาวในมือของกู้เฉิงถูกพาดอยู่บนคอของหยุนหว่าน“ไปกับข้าเสียโดยดี”
“เจ้ายังคงไม่เปลี่ยนแปลง กู้เฉิง”น้ำเสียงของหยุนหว่านฟังดูแล้วช่างผิดหวังยิ่งนัก แต่นางยังคงเก็บอาการเรียบเฉยและนิ่งเงียบในความทรงจำของกู้เฉิง เดินไปอยู่ข้างกายเขาอย่างรู้สถานการณ์“พวกเจ้าทำอะไรกับเวยเอ๋อ?”
“เป็นกู้อ้าวเวยต่างหากที่วางยาพิษเฟิงเอ๋อของข้า!”ดาบเล่มยาวในมือของเขาดันไปข้างหน้าเล็กน้อย เขากระชากผ้าปิดหน้าของนางออกอย่างแรง มองดูใบหน้าที่มีบาดแผล เขาจึงหัวเราะเสียงเยือกเย็น“เจ้าต้องขอพรให้ลูกสาวของเจ้ายังจำเจ้าได้ แม่ที่ทำหน้าที่ได้ไม่ดีอีกทั้งยังอัปลักษณ์”
สีหน้าของหยุนหว่านเปลี่ยนไป กู้เฉิงไม่พูดพร่ำทำเพลงตรงเข้าไปมัดนางไว้ แล้วโยนไปบนหลังม้า
“นำตัวองค์ชายเก้าขึ้นมาบนหลังม้า บอกว่าองค์ชายเก้ากำลังไล่ล่าคนร้ายหนึ่งคน”กู้เฉิงรีบเอ่ยปากสั่งการ แล้วพลิกตัวกระโดดขึ้นมาบนหลังอานม้า ใช้หมวกปิดบังใบหน้าตัวเองครึ่งหนึ่ง ไม่มีเวลามาคิดว่าการล้อมโรงเตี๊ยมในวันนี้จะทำให้เกิดเรื่องใหญ่อะไรขึ้น
แล้วหวดแซ่ลงม้าเดินทางทันที รีบนำป้ายประจำตัวขององค์ชายเก้าแล้วเดินทางปานบินได้
ป่าไผ่หนาทึบ แสงแดดสาดส่อง
ดาบยาวเล่มหนึ่งถูกแทงเข้ากลางต้นไม้ ในขณะเดียวกันก็แทงโดน ไม้แกะสลักเชือกแดง เป้าหมายยิ่งใหญ่
“นี่เป็นลูกสาวอันเป็นที่รักของเจ้าน่ะเหรอ!”กู้เฉิงสั่งการให้คนไปดึงดาบออกมา ไม้กะสลักเชือกแดงกระแทกเข้ากับโคลน ยิ่งเป็นการแลกมาด้วยวใบหน้าอันเย็นชาของกู้เฉิง
ดังนั้นแล้ว เกรงว่าทุกอย่างต่างเป็นสิ่งที่กู้อ้าวเวยคาดการณ์ไว้แล้ว
ในป่าเขาลำเนาไพรอันไกลออกไป รถม้าของจวนองค์ชายเก้ากำลังจอดนิ่งอยู่ในนั้น แต่กู้อ้าวเวยกำลังแกว่งเท้าอยู่บนรถม้า มองดูทหารสองร้อยกว่านายของกู้เฉิงค่อยๆคืบคลานเข้ามาใกล้ ทำให้นกบินหนีอย่างตกใจ
ซูพ่านเอ๋อได้แต่หลบอยู่ในรถม้าอย่างไม่กล้าพูดอะไร แต่ผิงชวนก็มองไปที่กู้อ้าวเวยอย่างเรียบเฉย“เป็นไปตามที่คาดหรือ?”
“เป็นเขาที่นำจุดอ่อนของเขาบอกกับข้าเอง”กู้อ้าเวยหันหน้ากลับมา“ข้ารู้ดีว่าพวกเขาไม่ค่อยชอบวิธีการทำงานของข้า แต่ข้าจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหนเอาชีวิตลงเดิมพันกับข้า”
“คำพูดของเจ้าเชื่อถือไม่ได้”สายตาของผิงชวนกวาดมองไปที่ทั่วร่างของกู้อ้าวเวย
เขาฝึกปรือวรยุทธ์มาหลายปี แน่นอนว่าไม่อาจรู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับการแพทย์เลย แต่ก็สามารถมองเห็นร่างกายซูบผอมของกู้อ้าวเวยได้ เส้นเลือดที่อยู่ใต้ผิวหนังแทบจะโผล่พ้นออกมาให้เห็นทั้งหมด การหายใจปกติกระทั่งยังดูเร่งจังหวะมากกว่าคนธรรมดาทั่วไป
เสียงฝีเท้าของม้าใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
ทหารสองร้อยนายเดินทางอย่างเร่งรีบโดยไม่หยุด บนหลังอานม้ายังมีหยุนหว่านที่สวมชุดสีขาวใบหน้าซีดเซียวอยู่บนนั้น สายตาของผิงชวนมีความอำมหิตพาดผ่านแทบอยากจะพุ่งตัวไป แต่กู้อ้าวเวยกลับยกมือขึ้นห้ามด้วยความใจเย็น แล้วมองไปที่กู้เฉิง“เจ้าล้อมโรงเตี๊ยมไว้ ในภายภาคหน้าก็จะไม่เหลือหนทางให้ก้าวถอยหลังอีกแล้ว”
“เจ้าให้คนหนีออกไปสองทาง ยังเคยเหลือหนทางไว้ให้ตัวเอง?”กู้เฉิงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน ขณะที่กระโดดพลิกตัวลงจากหลังม้าเขายังไม่ลืมที่จะกดตัวของหยุนหว่านให้อยู่ในมือของเขาด้วย ใช้กริชพาดอยู่บนลำคอของฝ่ายตรงข้าม“หยุนหว่านในตอนนั้นสร้างสำนักทองเฟิงเก๋อขึ้นมายังไม่สามารถล้มข้าได้เลย แล้วนับประสาอะไรกับเจ้า?”
“ฮูหยินของเฉิงเสี้ยง”กู้อ้าวเวยก็กระโดดลงมาจากหลังม้า มือขวายังคงปรามตรงหน้าอกของผิงชวนไว้
“นำยาถอนพิษทั้งหมดมาให้ข้า”
“เจ้ารักซ่านต้วนเฟิงขนาดนั้นเลยหรือ?ข้างหลังรถม้าของข้ายังมีลูกสาวของเจ้าที่หญิงนางโลมเป็นผู้ให้กำเนิดนะ”กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นทั้งสองข้างแล้วค่อยๆเดินก้าวไปข้างหน้าทีละก้าว แขนที่ยกขึ้นมาทั้งสองข้างนั้นยังทำให้เห็นร่องรอยของแผลเก่าแผลใหม่เต็มไปหมด ผิงชวนเก็บทุกรายละเอียดอยู่ในดวงตาเขาหมด ตามไปข้างหน้าด้วย“เดินอยู่ข้างๆข้า”
“นี่เป็นความแค้นระหว่างข้ากับกู้เฉิง”กู้อ้าวเวยมองผิงชวนด้วยสายตาเย็นชา แล้วเดินไปทางกู้เฉิงอีกหนึ่งก้าว บนใบหน้ายังรอยยิ้มบางๆ“ข้าจะให้ยาถอนพิษกับเจ้า แต่จะไม่พาเจ้าไปเอ่อตาน เจ้าจะต้องปีนขึ้นมาจากพีระมิด”
“มีเพียงแค่ชีวิตของหยุนหว่าน ข้าก็จะมีทุกอย่าง”กู้เฉิงกดตัวของหยุนหว่านแล้วก้าวขึ้นไปหนึ่งก้าว
เจ็ดปีผ่านไป พ่อลูกก่อนหน้านี้ยังคงหันดาบเข้าหากัน
ทันใดนั้นบนท้องฟ้ามีเสียงดังขึ้น ธนูดอกหนึ่งแทบจะเฉียดผ่านแนบผ่านใบหูของกู้อ้าวเวยไป
เพียงก้าวเดียวก็พุ่งตรงเข้าไปข้างหน้า หยุนอี้ที่เหน็บอยู่ตรงเอวตรงลงมาในมือ ในขณะที่เหตุการณ์เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว กู้เฉิงทำได้เพียงแค่หลบลูกดอกธนูจนบีบบังคับจนจนมุม แต่กลับดึงตัวหยุนหว่านไว้ไม่ได้ เขาทันแค่ใช้กริชเสียบแทงอย่างแรงลงไป ตรงหน้าเหลือไว้เพียงหยดเลือดที่ไหลรินลงมา
“ซิ่ว——”
ลูกดอกธนูกลุ่มที่สองบินออกมาอีกครั้ง ผิงชวนทันแค่ตกใจ เขารู้ด้วยซ้ำว่าเกิดอะไรขึ้น
กู้อ้าวเวยโอบกอดคนที่อยู่ในอ้อมกอดแล้วล้มลงหมอบ แต่กลับลุกขึ้นยืนในจังหวะที่ล้มลงถึงพื้น หยุนอี้ที่อยู่ในมือถูกปล่อยออกไปจนไปแทงเข้ากับข้อเท้าของกู้เฉิง มุมปากที่มีคราบเลือดอยู่นั้นเงยหน้าขึ้นมองไปที่เขาแล้วแสยะยิ้มเห็นเขากำลังล้มคุกเข่าลง จึงหัวเราะเสียงดัง“เจ้าจะต้องคุกเข่าให้ท่านแม่ตลอดชีวิต!”
“บัดซบ!”มีดที่อยู่ตรงเอวของเขาถูกหยิบออกมา