บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 806
บทที่ 806 การล้างแค้น
หยาดเลือดไหลจากแขนลงไป
มีดสั้นที่อยู่ในมือของกู้เฉิงถูกกู้อ้าวเวยรับไว้ รับอย่างแม่นยำราวกับไม่กลัวความเจ็บปวด แต่มืออีกข้างของนางที่ถือหยุนอี้ไว้ก็ค่อยๆยกขึ้น ในจังหวะที่กู้เฉิงไม่ทันรู้ตัวก็ถูกพาดอยู่บนลำคอของเขาแล้ว
หุบเขาลำเนาไพรข้างหลังมีเงาพาดผ่านข้างกายของทั้งสอง
สิบคน ร้อยคน……
กู้เฉิงเบิกตาโพลงกว้างสายตาจับจ้องไปที่เงาพวกนั้นที่โผล่ออกมาต่างจัดการทหารพวกนั้นจนหมด ลำต้นของต้นไม้ใหญ่เต็มไปด้วยคราบเลือดที่สาดกระเซ็นไปทั่ว แต่ไม่มีใครคิดที่จะช่วยกู้อ้าวเวย นางยังคงรับรู้ความเจ็บปวดที่มีมีดบาดเข้าไปในเนื้อ มองไปที่เขาด้วยใบหน้าซีดเซียว“ขอคุณสำหรับบุญคุณที่เลี้ยงมาตลอดสิบแปดปี”
สีหน้าของกู้เฉิงเปลี่ยนแล้วเปลี่ยนอีก ส่องผ่านดวงตาทอประกายทั้งคู่ ราวกับเขาเห็นกู้อ้าวเวยในตอนเยาว์วัยก็ไม่ปาน นางเคยใช้ใบหน้าอันอ่อนเยาว์นั่งจ้องมองเขาที่ริมสระน้ำ เอ่ยเสียงหวานใสบอกกับเขาว่า“นายท่านบอกว่าข้าเป็นคนฉลาด ข้าเลยบอกไปว่าท่านพ่อสอนมาดี”
ในตอนที่มองอย่างตกตะลึงอยู่นั้น กู้อ้าวเวยก็ยกมือปัดไปที่มีดที่อยู่ในมือของเขา มืออีกข้างบีบไปที่ลำคอของเขา เห็นทหารที่ตะโกนพลางพุ่งตัวเข้ามา แต่กลับถูกปืนยาวด้ามหนึ่งยิงทะลุกลางอก ชายหนุ่มที่รูปร่างผอมบางเหมือนลิงหัวเราะพลางเปล่งเสียงออกมาจากลำคอ“อย่าทำอะไรเจ้านาย อิๆ”
“อย่าสังหารหมด นำตัวซ่านต้วนเฟิงมัดไว้”กู้อ้าวเวยจ้องไปที่ร่างไร้วิญญาณบนพื้น แต่ชายหนุ่มที่รูปร่างเหมือนลิงทำเพียงแค่เก็บรอยยิ้ม แล้วตั้งใจดึงมีดยาวออกมาอย่างเกินจริง
เลือดสาดกระเซ็น เปอะเปื้อนเต็มชุดสีขาวทั้งตัวของหยุนหว่าน
หยุนหว่านรีบปีนป่ายลุกขึ้นยืนอย่างตื่นตระหนก ผิงชวนรีบสาวเท้าไปข้างหน้าเพื่อพยุงนางลุกขึ้น และเป็นจังหวะเดียวกับที่ได้ยินเสียงของกู้เฉิงเอ่ยขึ้นมาว่า“เจ้าโหดเหี้ยมกว่าแม่แท้ๆของเจ้าร้อยเท่า เจ้าคิดว่าข้าจะเห็นเจ้าเป็นลูกสาวจริงๆอย่างนั้นหรือ?”
“ข้าไม่รู้ว่าท่านคิดอะไร แต่ข้ารู้เพียงแค่ว่า เกิดมาสิบแปดปี เป็นท่านที่ให้ที่อยู่พักพิงกับข้า ให้มีของกินดื่มไม่ขาด ท่านยังให้ข้าสามารถเอาแต่ใจทำตามอำเภอใจได้”นางสูดหายใจเข้าปอดไปลึกๆ ปลายนิ้วสั่นไหวพลางเปิดปากขึ้นพูดไปว่า“สิ่งที่เจ้าทำร้ายท่านแม่ข้าจะต้องล้างแค้น เรื่องที่เจ้าใส่ร้ายองค์ชายสามข้าก็จะทวงความยุติธรรมคืนให้เขา แต่เรื่องต่อเรื่อง สิบแปดปีนั้น ข้าคิดว่าท่านเป็นพ่อเพียงคนเดียวของข้า”
คำพูดแต่ละคำสะทกสะท้านไปทั่วพื้นพิภพ เสียงต่อสู้ก็ค่อยๆเงียบลงเรื่อยๆ เหลือเพียงแค่เสียงหายใจอย่างหนักหน่วง แต่คนจำนวนมากที่ยืนอยู่กลางป่าสวมเพียงชุดผ้าขี้ริ้ว
หลังหุบเขากลับมีหญิงรูปร่างอวบอ้วนเดินออกมา ในมือถือท่อสูบบุหรี่โบราณที่มีถุงเล็กๆห้อยไว้ หรี่ตาข้างหนึ่งมองดูใบหน้าของกู้เฉิงที่เปลี่ยนไปเล็กน้อย แล้วเอ่ยขึ้นเสียงสูง“คุณหนู ขอเพียงคำพูดท่านประโยคเดียวเท่านั้น พวกข้าก็สามารถช่วยท่านจัดการทรมานเขาได้”
“เขามีบุญคุณต่อข้า ข้าจะต้องตอบแทน เรื่องแก้แค้นในภายภาคหน้า ข้าจะส่งมอบให้ท่านแม่จัดการเอง”เอ่ยขึ้นอย่างเรียบเฉย กู้อ้าวเวยผลักร่างอันแข็งทื่อของกู้เฉิงเบาๆ ชายหนุ่มที่ลักษณะเหมือนลิงจับกู้เฉิงใส่กุญแจมือแล้วเอ่ยขึ้นเสียงต่ำ“คุกเข่า”
กู้เฉิงรู้สึกเพียงแค่ว่าเจ็บขาทั้งสอง เบื้องหน้าของเขาเห็นเพียงกระโปรงของกู้อ้าวเวยเท่านั้น
“เจ้าเอาชีวิตแม่ของเจ้ามาเป็นพนัน ช่างเป็นลูกสาวที่ดีเสียจริงๆ!”
“ตอนที่แม่ยังอยู่ในวังหลวง”กู้อ้าวเวยหยิบผ้ายาวๆออกมาจากเอว แตะยาที่เป็นผงแล้วค่อยๆพันแผลของตัวเองอย่างละเอียด ในตอนที่กู้เฉิงยังไม่ทันเอ่ยปากพูดอะไรขึ้นมานั้น นางก็สั่งการต่อไปว่า“นำคนพวกนี้ปล่อยกลับไปไว้หน้าประตูวังหลวง บอกกับซ่านจินจื๋อด้วยว่า ในภายภาคหน้าข้าจะไม่รับภารกิจจากตำบลเหยสุ่ยอีกแล้ว แต่ตามที่เคยนัดหมายไว้ ภายภาคหน้าซ่านจินจื๋อจะไม่สามารถปกป้องพวกเจ้าได้อีกแล้ว แต่ก็สามารถส่งตระกูลของพวกเจ้าไปดินแดนอันบริสุทธิ์ได้”
คนพวกนั้นมองไปที่กู้อ้าวเวยด้วยความแปลกใจ มีเพียงแม่หญิงตู้ที่เดินก้าวไปข้างหน้า เคาะท่อบุหรี่โบราณไปที่ลำต้นของต้นไม้เสียงดัง แล้วเอ่ยขึ้นมาว่า“พวกเราต่างใช้ชีวิตอย่างอันตรายมาตลอดทั้งชีวิต เพื่อแลกกับความสงบของลูกเมียก็คุ้มกันแล้ว ยิ่งไปกว่านั้นตำลึงที่คุณหนูให้ไว้ก็ยังเหลืออีกไม่น้อย”
มีคนหัวเราะขึ้นอย่างยินดี
“คนผู้นี้ก็มัดส่งตัวไปที่วังหลวงอย่างนั้นหรือ?”ชายหนุ่มลักษณะคล้ายลิงมองยังกู้เฉิงอย่างไม่เข้าใจ แล้วกดศีรษะของกู้เฉิงลงพื้นอย่างไม่ใส่ใจ
“ไม่ต้อง ให้ผิงชวนเป็นคนพาไป”กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นเล็กน้อย
ไม่ต้องมีคำสั่งมากมาย ในขณะที่มือของผิงชวนกดลงไปที่หลังของกู้เฉิงนั้น ชายหนุ่มลักษณะคล้ายลิงคนนั้น ยังมีแม่หญิงตู้ที่ถือท่อบุหรี่โบราณก็จับตัวทหารที่ยังมีชีวิตรอดอยู่ลุกขึ้น ใช้เชือกมัดอยู่บนเอวมัดไปรอบๆ แล้วนำคนเดินไปยังบนหุบเขาใหม่อีกครั้ง
กู้อ้าวเวยใช้ผ้ามัดไปที่มือหนึ่งรอบ หยิบจดหมายสิบกว่าฉบับออกมาจากตรงหน้าอก เดินไปข้างหน้าแล้วมอบให้ผิงชวน สั่งการไปว่า“นำของพวกนี้กลับไปโรงเตี๊ยมของเทียนเหยียน หนึ่งในนั้นมีจดหมายฉบับหนึ่งที่เขียนขึ้นในนามขององค์หญิงเอ่อตาน ขอให้นำนางกำนัลหลิ่วไปด้วย รับท่านแม่ออกมา ข้าจะนำตัวซูพ่านเอ๋อไปรออยู่ที่จวนเมิ่งข้างๆเขาหยินซาน หลังจากผ่านไปสามวันไม่สามารถพบกันได้ ข้าจะออกเดินทางไปก่อน”
“เจ้าไม่ไปกับพวกเราอย่างนั้นหรือ?”ผิงชวนขมวดคิ้วเป็นปม
“ฮ่องเต้จับตาดูข้าอยู่ตลอดเวลา ถ้ากลับไปถึงโรงเตี๊ยม นั่นก็เป็นวันตายของเขา”กู้อ้าวเวยเปิดปากพูดขึ้นอย่างเคร่งขรึม หลังจากนั้นก็ก้มหน้าลงมามองไปยังกู้เฉิงที่ยังไม่ทันรู้สึกตัว แล้วเอ่ยพลางยิ้มขึ้นเบาๆ“ซ่านต้วนเฟิงสงสัยในตัวข้ามากเกินไป แต่ข้าก็รู้ดี ไม้แกะสลักนั้นไม่มีวันส่งถึงมือของซ่านจินจื๋อเป็นแน่”
“เจ้าวางแผนไว้นานแล้ว!แต่หยุนหว่านที่อยู่ที่นี่……”
“ข้าเอง”‘หยุนหว่าน’เดินมาด้านหน้า ดึงหน้ากากหนังลงมาจากใบหน้า เผยให้เห็นถึงใบหน้าอันผุดผ่องของหญิงสาวคนหนึ่ง เสียงของหยุนหว่านก็เปลี่ยนเป็นสดใสมีชีวิตชีวาขึ้นมา
อาจื่อเก่งในเรื่องปลอมตัวเลียนแบบคนอื่น ตั้งแต่เสียงยันรูปร่าง
“ที่แท้มันก็เป็นแบบนี้นี่เอง……”
ทันใดนั้นกู้เฉิงก็ถอนหายใจออกมาอย่างสบายใจ ร่างกายโค้งงอนั่งลงบนพื้น
ใต้ร่มเงานั้น ใบหน้าที่เปลี่ยนไปอย่างมากมายนั่นดูเหมือนจะแก่ลงไปมาก มันห่างไกลจากพ่อผู้ดื้อรั้นในความทรงจำของกู้อ้าวเวยไปมากโข แต่กู้อ้าวเวยที่เคยคิดกระทั่งแต่งกับซ่านจินจื๋อแล้ว สามารถทำให้พ่อของตัวเองยืนอย่างมั่นคงบนราชสำนักได้
แต่เสียดายกู้อ้าวเวยคนนั้นได้ตายจากไปแล้ว เหลือไว้เพียงแค่ความทรงจำส่วนนั้น
กู้อ้าวเวยยังไม่ทันได้ซาบซึ้งอะไร ราวกับวิญญาณที่ตายไปแล้วเป็นเวลาเจ็ดปียังคงร้องเรียกอยู่ นางทำได้เพียงแค่นั่งยองๆ แล้วจ้องสบตากับเขา“ข้าเคยบอกแล้วว่าข้าจะล้างแค้น”
“เหตุใดเจ้าถึงไม่ให้คนสังหารข้าเสีย”
“ข้าลงมือไม่ได้ นั่นเป็นความแค้นระหว่างท่านแม่กับท่าน”กู้อ้าวเวยกะพริบตาปริบๆ แล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นมาเช็ดคราบฝุ่นที่อยู่บนใบหน้าของเขา“ซ่านต้วนเฟิงอยากฆ่าข้ามาก อยากจะทรมานข้า เป็นท่านที่ขัดขวางเขาไว้”
ลูกกระเดือกเลื่อนขึ้นลง กู้เฉิงหลับตาลงไม่ไปคิดถึงเรื่องพวกนั้นอีก เพียงแต่ก้มหน้าแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า“เจ้ากับข้าเหมือนกันมากเกินไปแล้ว”
“แต่ท่านไม่สามารถปกป้องซ่านต้วนเฟิงได้แล้ว ข้าไม่เพียงแต่จะวางยาพิษเขา ข้ายังจะให้เวลาที่เหลืออยู่อันน้อยนิดให้เขาไปทำอะไรก็ได้ที่เขาอยากจะทำ”กู้อ้าวเวยชักมือกลับ แทบจะคว้าหมับไปที่คอของเขาให้เบาลืมตาขึ้นมา นัยน์ตาเยือกเย็น“แต่ท่านกลับไม่สามารถช่วยอะไรได้”
“พวกเจ้าควรรู้สึกเสียใจกับเรื่องการจับชิงจือและท่านตาเป็นตัวประกัน”
เสียงร้องขึ้นอย่างเจ็บปวดดังผ่านสอดแทรกไปกับอากาศ
กลางหุบเขา นกเหยี่ยวพากันบินแตกฮือ