บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 809
บทที่ 809 บัลลังก์ฮ่องเต้
ณ ห้องโถงใหญ่อลังการหรูหราโอ่อ่า กลิ่นหอยลอยฟุ้งกระจายทั่วห้อง
ซ่านจินจื๋อไม่เคยคิดว่าพอก้าวเข้ามาในตำหนัก จะเห็นท่านพี่ที่ควรจะต้องนอนล้มประชวรหนักอยู่บนเตียง
ซ่านต้วนโฉงอายุมากกว่าซ่านจินจื๋อนับสิบปีได้ แต่ตอนนี้เขากลับสวมชุดลายมังกรสีทองเรืองรอง ดวงตาทั้งคู่สว่างไสว มีข้อมือแข็งแรงโผล่พ้นออกมาให้เห็น กระดาษที่วางอยู่บนโต๊ะมีเสียงเอี๊ยดอ๊าดดังขึ้นเนื่องจากถูกแรงเสียดของพู่กัน ดังกระแทกอยู่ในหูของซ่านจินจื๋อ
เขากำหมัดแน่น ดวงตาของซ่านจินจื๋อแดงก่ำ เสียงที่แทบจะถูกเค้นผ่านลำคอออกมาสี่คำ“ถูกลอบทำร้าย?บาดเจ็บสาหัส?”
พู่กันที่ถูกยกขึ้น ถูกตบกระแทกเข้ากับโต๊ะเสียงดังสนั่น น้ำหมึกที่กระเด็นขึ้นมาไปเปื้อนโดนแขนเสื้อของชุดมังกรทอง ประตูบานใหญ่ที่อยู่ข้างหลังของซ่านจินจื๋อถูกปิดลง หวางกงกงนั่งอยู่ข้างๆของซ่านต้วนโฉงด้วยสีหน้าเรียบเฉย ก้มหน้าก้มตาอย่างเจียมเนื้อเจียมตัว ไม่มีท่าทีของความหวาดกลัวอีกต่อไป
“จินจื๋อ เจ้าเป็นน้องชายแท้ๆของข้า เหตุใดถึงทำอะไรโดยไม่คำนึงอะไรเลยเพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียว?”
น้ำเสียงของซ่านต้วนโฉงดูหวาดกลัว ใบหน้าที่คล้ายคลึงกับซ่านจินจื๋อตอนนี้สายตาเต็มไปด้วยไฟแห่งความโกรธ ในน้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความไม่สบอารมณ์กับความไม่เอาถ่านที่ทั้งผิดหวังและโกรธเกรี้ยว มือข้างหนึ่งยกขึ้นมานวดไปตรงที่ขมับ“สองเดือนมานี้เจ้าจัดการเรื่องทุกอย่างเป็นอย่างดี แต่ต้องรู้ว่าบนราชสำนักแห่งนี้มีคนอีกมากมายเท่าไหร่อยากให้เจ้าขึ้นครองบัลลังก์ เจ้ากลับจะให้องค์ชายพระองค์อื่นขึ้นครองราชย์แทน เพื่อผู้หญิงเพียงคนเดียวเนี่ยนะ?”
“ท่านพี่ คนพวกนั้นเป็นลูกชายของท่านนะ เป็นหลานแท้ๆของข้า”
ซ่านจินจื๋อกัดกรามแน่น เขามองไปที่พี่ชายผู้เป็นคนแปลกหน้าด้วยร่างอันสั่นเครือ
“คนพวกนั้นเป็นเพียงคนที่แตกกิ่งก้านสาขาเพื่อฮ่องเต้ หรือจะเป็นเพื่อเพราะเลือกคนที่เหลือรอดและเหมาะสมที่สุดเพื่อห้ำหั่นกันจนได้คนชนะ”มือข้างหนึ่งของซ่านต้วนโฉงยันไว้กับโต๊ะครึ่งหนึ่ง สายตาคู่นั้นหรี่ตามองดูบนกระดาษที่เขียนว่าเลือดเนื้อเชื้อไขของมังกรสี่คำ แล้วค่อยๆปล่อยลมหายใจออกมา“พวกเขาไม่มีใครทัดเทียมเจ้าได้แม้แต่ทุกคน ไม่ว่าจะเป็นบู๊บุ๋น พวกเขาก็ไม่อาจเทียบเจ้าได้แม้แต่ครึ่งเดียว”
ตอนนี้ทุกอย่างกระจ่างขึ้นมาแล้ว
เหตุใดนอกจากซ่านเชียนหยวนกับซ่านเซิ่งหาน นอกนั้นองค์ชายองค์อื่นก็เป็นแค่คนไร้ความสามารถ
ไม่ว่าจะเป็นซ่านต้วนเฟิงที่ทำงานอย่างแข็งขันก็ดี ซ่านจวนฮ่าวที่ตรงไปตรงมา พวกเขาทั้งสองคนเติบโตขึ้นมาในวังหลวง ถูกแม่ของตนเองหรือฮองเฮาพร่ำสอนมาเป็นอย่างดี แต่ซ่านเซิ่งหานกลับด่วนจากวังหลังออกมาก่อน และซ่านเชียนหยวนก็เติบโตมาจากด่าน……
“เป็นเจ้าเองที่ไม่ให้พวกองค์ชายร่ำเรียนวิชา”นิ้วมือที่กำจนแน่นมีเสียงดังกรอบแกรบขึ้น ซ่านจินจื๋อกัดฟันแน่น“เสียดายเวยเอ๋อยังให้ข้าไว้ใจเจ้า ท่านพี่!”
ตั้งใจเน้นหนักตรงสองคำข้างหลัง
แต่ซ่านต้วนโฉงกลับทำเพียงยิ้มอย่างเย็นชา มองเขาอย่างเยือกเย็น“ทั้งๆที่นางมองข้าออกตั้งแต่แรกแล้วน่ะหรอ แต่ไม่เคยบอกกับใครเลยแม้แต่คนเดียว รวมถึงเจ้า เจ้าคิดว่านางรักในตัวตนของเจ้าเองอย่างนั้นหรือ!จินจื๋อ!นางวาดอนาคตที่เจ้าจะได้สืบทอดบัลลังก์ต่อไปต่างหาก!ได้ครองทั้งแผ่นดิน!”
ทันใดนั้นเอง กระดาษใบหนึ่งก็ถูกฟาดลงมาตรงเท้าของซ่านจินจื๋อ
ด้านบนยังมีตัวหนังสือบิดๆเบี้ยวๆอยู่บนนั้น ด้านบนอย่างเขียนอย่างสั้นๆนับจำนวนคำได้
“องค์ชายสามยืมมือของฮุยเฟยวางยาพิษไม่ได้อยากจะสังหารท่านหรอกนะ ข้าไม่เคยสงสัยที่ท่านรักคนที่ท่านรักอย่างคัมคลั่ง”
“คนที่สูญเสียไปแล้วก็ยากที่จะหวนกลับคืนมา เกลียดคนที่อยู่ตรงหน้าก็ไม่คุ้มกับสิ่งที่ต้องเสียไป เกิดเป็นจักรพรรดิถึงจะหวังอยากให้คนในตระกูลปรองดอง สมดังปรารถนาทุกอย่างดั่งใจหวัง”
ซ่านจินจื๋อรู้ได้ทันทีว่านี่เป็นฝีมือของกู้อ้าวเวย แต่เขากลับไม่รู้เรื่องนี้เลย ตกตะลึงในขณะเดียวกันก็กำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ แต่กลับพบว่ากระดาษที่อยู่ในมือมีความผิดปกติ สองนิ้วขยี้ไปเบาๆ จึงพบช่องว่างระหว่างตรงกลาง
แต่ในนี้ กลับยังมีกระดาษบางๆแผ่นหนึ่ง เขียนไว้หกคำด้วยหมึกจางๆ“สอนลูกไม่เที่ยง เป็นความผิดของพ่อแม่”
“นางรู้ตั้งนานแล้ว”ซ่านจินจื๋อไม่สงสัยนาง ตัวหนังสือบิดๆเบี้ยวๆพวกนี้มีแต่นางเท่านั้นที่สามารถเขียนออกมาได้ในตอนที่สูญเสียการมองเห็น แต่ในตอนนั้น เป็นเรื่องที่นับเป็นเดือนได้
“ถ้าหากนางไม่อยากให้เจ้าได้ขึ้นครองบัลลังก์จริงๆ ก็น่าจะบอกกับเจ้านานแล้ว”
“นางไม่เคยคิดจะให้ข้าขึ้นครองบัลลังก์หรอก ตั้งแต่แรกจนจบ”ซ่านจินจื๋อขัดคำพูดขึ้นต้นของซ่านต้วนโฉง ดวงตาคู่นั้นมองไปที่ซ่านต้วนโฉงด้วยความเกลียดชัง
กู้อ้าวเวยได้แต่หวังมาตลอดว่าซ่านเซิ่งหานได้สิ่งที่ไม่คุ้มกับที่ต้องเสียไป ไม่เคยช่วยให้เขาได้ขึ้นครองราชย์ บอกเขาแค่เพียงว่าจงอย่าได้เป็นอ๋องคนที่ได้หน้าจนเป็นภัยต่อบัลลังก์ของฮ่องเต้ และได้แบ่งทหารและอำนาจออกไป
ร่างกายของเขาสั่นไหว แม้แต่เสียงที่จะพูดยังไม่มีแรง“ท่านพี่ ตอนนี้ร่างกายแข็งแรง น้องก็จะไม่……”
“ตอนนั้น หยุนซีหักหลังข้า”ซ่านต้วนโฉงมองดูน้องชายที่ถูกความรักครอบงำจนโงหัวไม่ขึ้น ท่าทีรุนแรงเมื่อครู่ก็ค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นผิดหวัง“ข้าในตอนนั้นไว้ใจมากกว่าเจ้าเสียอีก แต่นางพอรู้ว่าข้าได้ขึ้นครองบัลลังก์กับหนีจากไปอย่างไร้เยื่อใย และบอกกับข้าว่า ฮ่องเต้ทุกคนย่อมต้องฆ่าหญิงที่มาจากตระกูลหยุน ข้าก็ไม่ละเว้น”
“มันก็เหมือนกับกู้อ้าเวเวยที่หนีไปในตอนนี้ไม่มีผิด”
คำพูดของซ่านต้วนโฉงพูดจบ หวางกงกงที่อยู่ด้านข้างก็ค่อยๆสั่งการให้ทุกคนแยกย้ายออกไป
พระตำหนักใหญ่โอ่อ่าแห่งนี้จึงเหลือเพียงพี่น้องสองคน ไม่เคยมีจักรพรรดิคนไหนที่พูดคุยเจรจาสองต่อสองและเชื่อใจท่านอ๋องที่พร้อมจะแย่งชิงบัลลังก์ได้ทุกเมื่อ แต่ซ่านต้วนโฉงได้แสดงให้เห็นถึงความบริสุทธิ์ใจที่มีต่อน้องชายตนเอง และได้ยินอยู่ตรงหน้าของเขา ยกมือขึ้นตบบ่าเข้าเบาๆ“เหตุใดนางต้องจากไป?เพียงแค่เจ้าสามารถอธิบายให้ข้าฟังได้ ข้าก็จะรีบปล่อยเจ้าไปตามหานางทันที”
ข้าไม่รู้
ในลำคอเหมือนถ่านไม้ร้อนระอุแผดเผา ทำได้เพียงแต่อ้าปากพะงาบอย่างเจ็บปวดจนทนไม่ไหว
ซ่านจินจื๋อยิ่งหวังว่านางจะจากไปเพราะเรื่องเล็กน้อย แต่หลายปีมานี้ นางก็เคยคิดเรื่องนี้ก็อาจเป็นไปได้
พอเงียบไปนาน ซ่านต้วนโฉงก็ตบบ่าของเขาเบาๆอีกครั้ง แล้วถอนหายใจพูดขึ้นว่า“อย่าได้ถูกนางหลอกแล้ว”
“องค์ชายสามเหมาะสมกับตำแหน่งนี้มากกว่าข้า”
“ข้าไร้ความสามารถมากเกินไปแล้ว แม้แต่หญิงสาวเพียงแค่คนเดียวยังสามารถปูทางให้นางได้ ข้ายังจะหวังให้เขานั่งอยู่ตำแหน่งนี้อีกหรือ?”ซ่านต้วนโฉงหัวเราะอย่างเย้ยหยัน บนใบหน้าเต็มไปด้วยความดูถูกลูกชายตนเอง ตอนนี้ซ่านจินจื๋อรู้สึกได้เพียงแค่ว่าเขาเหมือนกู้เฉิงมาก
ไม่ว่าจะโหดร้ายเหี้ยมโหดเพียงใดก็ไม่อาจฆ่าลูกในไส้ของตัวเองได้ แต่กู้เฉิงกับซ่านต้วนเฟิงกลับจิตใจอำมหิต
กระดาษที่อยู่ในมือของซ่านจินจื๋อในตอนนี้ทำให้เขารู้สึกมึนงง ท่าทางร่าเริงแจ่มใสของกู้อ้าวเวยในเวลาปกติอยู่ในสมองของเขาเต็มไปหมด เขาที่ในสมองวุ่นวายไปหมดยังไม่สามารถให้คำตอบอะไรกับเขาได้ ในจังหวะที่กำลังตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรอยู่นั้น ประตูที่อยู่ด้านหลังก็ถูกผลักเข้ามา
หวางกงกงค่อยๆผ่านร่างเขาไปอย่างระมัดระวัง“ฝ่าบาท ตอนนี้ฮูหยินหยุนหว่านเหมือนจะกำลังวางแผนพาคนหนีออกไป”
ซ่านจินจื๋อรีบหันหน้ากลับไปทันที มองหน้าของซ่านต้วนโฉงอย่างเหลือเชื่อ
แต่คนเป็นพี่ชายที่สวมชุดมังกรสีทองกลับโบกมือขึ้นอย่างเรียบเฉย หวางกงกงราวกับจะรู้อะไร สั่งการต่อหน้าของซ่านจินจื๋อกับข้างๆองครักษ์“นำตัวของฮูหยินหยุนหว่านกลับไป”
“เจ้ากำลังทำอะไรอยู่น่ะ!”ซ่านจินจื๋อหันกลับไป มองไปที่พี่ชายด้วยความโกรธ อกกระเพื่อมขึ้น นัยน์ตาเต็มไปด้วยไฟที่กำลังมอดไหม้ มีผลึกน้ำแข็งที่ค่อยๆแตกละเอียด
“กู้อ้าวเวยกับหยุนหว่าน ต้องตายหนึ่งคน เช่นนี้แล้ว คนที่อยู่บนโลกจะได้ไม่ต้องตามหาวิธีความเป็นอมตะอย่างยากลำบากอีกต่อไป”ซ่านต้วนโฉงพูดจบ ทหารที่ซ่อนตัวอยู่ก็โผล่ออกมากันพร้อมหน้า ในตอนก่อนที่ซ่านจินจื๋อจะวางแผนชิงลงมือก่อนนั้นก็ได้ถูกกดตัวลงไปก่อน คนแปดคนก็พอสำหรับที่จะจับซ่านจินจื๋อไว้กับที่ได้แล้ว
ซ่านต้วนโฉงถอนหายใจอีกครั้ง“มีเพียงเจ้า ที่คู่ควรกับบัลลังก์ของจักรพรรดิ