บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 821
บทที่ 821 ฝากเปิดทาง
“เจ้าก็บอกเขาไปว่า ตอนนี้ข้าทรุดโทรม แม้มีชีวิตอยู่ก็เจอเขาไม่ได้” กู้อ้าวเวยมองบนอย่างไม่พอใจ เลิกแขนเสื้อขึ้นนิดหน่อย เผยให้เห็นรอยที่คดเคี้ยว และพูดเสียงเบาว่า: “เจ้าก็ปล่อยเขาไปทำเรื่องที่อยากทำ ต่อไปถ้าข้าคิดขึ้นมาได้ ก็จะไปหาเขาเอง”
ในเมื่อโม่อีที่เป็นถึงแม่ทัพยังตกใจขนาดนี้เลย
ไม่เพียงแต่มีพื้นผิวสีดำ เส้นเลือดบนแขนนู้นขึ้นมากะทันหัน แขนที่ควรเรียบเนียนตอนนี้กลับคล้ายสัตว์ประหลาด เส้นเลือดที่กระตุกพวกนั้นทำให้มองเห็นชัดมากขึ้น
โม่ซานก็เห็นแขนแบบนี้ครั้งแรก ก็ร้องอย่างตกใจว่า: “สัตว์ประหลาด!”
กู้อ้าวเวยจึงดึงแขนเสื้อลงอย่างเขินอาย ลูบจมูกและพูดว่า: “นี่ก็คือผลจากการใช้ยาอมตะ”
“ไม่เจ็บเหรอ?” โม่อีกลืนน้ำลาย
“เจ็บมาก แต่นานเข้าก็ไม่เจ็บแล้ว” กู้อ้าวเวยกอดแขนไว้และพิงไปที่กรอบประตู พูดด้วยรอยยิ้มที่ทุกข์ใจว่า: “อย่าว่าแต่ไปเจอซ่านจินจื๋อเลย ขนาดท่านแม่และลูกของข้าก็ไม่กล้าไปเจอเลยด้วยซ้ำ”
“พวกเขาเป็นห่วงเจ้ามาก เจ้าจะปิดบังพวกเขาแบบนี้ไม่ได้” โม่อีขมวดคิ้วขึ้นมา โม่ซานที่อยู่ข้างก็พยักหน้าด้วยสีหน้าที่จริงจัง
กู้อ้าวเวยคิดแล้ว นี่คงจะเป็นเหตุผลที่ครอบครัวพวกเขาสันติสินะ
นางคลี่ยิ้ม กู้อ้าวเวยเดินเข้าไปในห้องและนั่งลง พื้นผิวตรงล่างแขนเสื้อมีความน่ากลัวมาก นางกลับจับคอตัวเองที่เริ่มเจ็บอย่างเรียบเฉย: “ดังนั้นข้าถึงให้เจ้าฝากไปบอก บอกให้พวกเขาไม่ต้องเป็นห่วงข้าเลย”
โม่อียังคงทำท่าไม่เห็นด้วย โม่ซานกลับขนลุกขึ้นมา นั่งข้างโม่อี
“ที่จริงแล้วขอแค่ข้าใช้ยาพิษต่อไป ของพวกนี้ก็จะหายไปเอง และไม่เจ็บด้วย” กู้อ้าวเวยหยิบสูตรยาออกมาจากกระเป๋า และส่งไปให้โม่อี: “นี่ก็คือถอนพิษที่ข้าต้องการ เจ้านำมันไปส่งให้ท่านแม่ นางจะรู้เองว่าทำไมข้าไม่กลับไป”
“แต่ข้าไม่รู้ว่าจะเอาคำพูดเจ้าไปยังไง” โม่อีขมวดคิ้ว ไม่รู้จักชื่อยาที่เขียนไว้เลยสักตัว
“คนอาศัยกินดื่มเพื่อมีชีวิตอยู่ ข้ากลับต้องกินยาพิษเพื่อมีชีวิตรอด สูตรยานี่ก็คือยาถอนพิษ พอกินลงไปแล้ว แผลเปิดออก ใบหน้าเสียหาย มีแต่รักษาหลายปีถึงจะเป็นปกติ” กู้อ้าวเวยพูดถึงตรงนี้ ก็ยิ่งตบใบหน้าตัวเองอย่างท้อใจ
โม่ซานหดคอ โม่อีกลับขมวดคิ้วอย่างเย็นชา: “แต่เจ้าจะอยู่แบบนี้คนเดียวไม่ได้”
“ข้าทำได้แน่” กู้อ้าวเวยพูดอย่างเด็ดขาด และลุกขึ้นมาช้าๆ จากนั้นก็ส่งเงินให้โม่ซานพูดว่า: “คุณหนูโม่ซาน ช่วงนี้ก็รบกวนหน่อยนะ”
โม่ซานรีบลุกขึ้นมาพูดว่า: “เจ้าเดินทางคนเดียว น่าจะอันตรายมากเกินไป”
“ถ้าอยู่ต่อไป มีแต่จะรบกวนพวกเจ้าไปเปล่าๆ ในเมื่อฮ่องเต้มั่นใจว่าสามารถทำให้ซ่านจินจื๋อเลือกได้ ก็มีวิธีมาฆ่าข้าเช่นกัน แต่เช่นเดียวกัน ในมือข้าก็มีหลักฐานที่มัดตัวเขาได้เหมือนกัน” กู้อ้าวเวยสะบัดแขนเสื้อ ป้ายของอ๋องจิ้งก็ตกไปที่โต๊ะทันที โม่อีขมวดคิ้วแน่น และมองนางอย่างใจเย็น
กู้อ้าวเวยคลี่ยิ้มพูดว่า: “มีสิ่งนี้ ทหารของเขาก็สามารถให้เจ้าใช้ได้สักพัก เกรงว่าปกป้องข้าตลอดทางไม่น่าเป็นปัญหา”
“ก่อนหน้านี้ทำไมเจ้าไม่พูดล่ะ!” โม่ซานมองป้ายบนโต๊ะนั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อ หยิบขึ้นมาดูว่าเป็นของจริงไหม
“เจ้าสงสัยว่าข้าไม่ใช่กู้อ้าวเวย ข้าก็สงสัยว่าเจ้าไม่ใช่โม่ซาน” กู้อ้าวเวยหัวเราะแห้ง ยกมือขึ้นมาจับคอ และพูดต่อว่า: “วิธีที่ควบคุมฮ่องเต้ที่ดีที่สุด ก็คืออำนาจทหารในมือซ่านจินจื๋อ คิดว่าอำนาจทหารพวกนี้น่าจะเป็นข้อต่อรองที่ดีที่จะสนับสนุนให้ซ่านจินจื๋อขึ้นครองราชย์ แต่ตอนนี้กลับอยู่ที่มือของเจ้าและซ่านจินจื๋อ น่าจะเป็นข้อต่อรองที่ให้ออกจากตำแหน่งได้”
พอพูดจบ โม่อีก็หยิบป้ายนั้นมาเล่นที่มือแล้ว: “เจ้าพูดมาก็มีเหตุผล แต่เจ้าคงไม่คิดว่าจะพาซูพ่านเอ๋อไปนะ”
“ทำไมล่ะ?” กู้อ้าวเวยหยุดชะงักลง
“นางทำอะไรไม่เป็นเลย ยังเป็นศัตรูของเจ้าอีก พานางไปก็มีแต่เรื่องปวดหัว ข้าสามารถจัดการเรื่องนี้ให้เจ้าได้นะ” สายตาเปร่งประกาย ดาบยาวที่เอวของโม่อีออกจากกระบอกเรียบร้อย
“ไม่ต้องหรอก ข้ายังต้องใช้นางอีก” กู้อ้าวเวยคลี่ยิ้ม พูดคำว่าแก้แค้นโดยไม่ออกเสียงให้โม่อีเห็น รอยยิ้มอ่อนๆบนใบหน้านั้นก็เจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที นางหยิบผ้ายาวออกและรวบมัดผมยาวที่แผ่อยู่บนหลังขึ้นมา ดวงตาดั่งลูกท้อที่กลมโตและพูดว่า: “ข้าไม่เชื่อเวรกรรม ข้าเชื่อแค่ว่าข้าเป็นผู้ลงโทษได้”
นางเหยียบหินที่เปียกปอนกลับไปที่ห้องของโม่ซาน สวมชุกคลุมสีดำหนาอีกครั้ง ด้านหลังก็มีหญิงสาวสวมชุดธรรมดาเดินตามมา ก็คือซูพ่านเอ๋อ แบกกระเป๋าสองใบรีบเดินออกไปด้านนอก ไม่นานก็ได้ยินเสียงล้อดังและหายไป
โม่อีกลับจับป้ายที่มือไว้แน่น นัยน์ตาดำสนิทลง
“ท่านพี่ นางเป็นคนที่แปลกมากจริงๆ” โม่ซานยกมือขึ้นเพื่อเทชาให้ทั้งสอง และเก็บสูตรยานั้นยาระวัง: “คนในเมืองเทียนเหยียนใช้ชีวิตอย่างระวังเลยหรือ”
“มีแต่นางเท่านั้นแหละ” โม่อียกมือขึ้นช้าๆ ป้ายนั้นก็ไล่เข้าไปในแขนเสื้อ ยกแก้วชาที่เทจนเต็มขึ้นมาดื่ม เขาเหม่อลอยสักพัก ต่อมาก็เหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ก็พูดเสียงเบาว่า: “ช้าก่อน เมื่อกี้นางให้ข้าเอาป้ายของอ๋องจิ้งเปิดทางใช่ไหม?”
“เปิดทางยังไงกัน?” โม่ซานยังคงไม่เข้าใจเรื่องของราชการมาก
โม่อีแสยะยิ้มพูดว่า: “ข้าก็ไม่รู้”
“ก่อกบฏเหรอ?”
“พี่สาวเจ้าได้ยินได้ตีพวกเราขาหักพอดี” โม่อีขยิบตา เห็นน้องสาวเงียบแล้ว ก็พูดต่อว่า: “ไม่พูดเล่นแล้ว เจ้าก็แอบติดตามนางไป เรื่องเปิดทางขั้ดการเอง”
โม่ซานยิ้มฮิๆ เก็บเงินนั้นไว้ในกระเป๋าพูดว่า: “ได้เลย”
“อย่ามัวแต่ยิ้ม รู้ว่าเจ้าชอบผู้หญิงแบบนี้ รีบตามไปเถอะ” โม่อีตบหัวนางเบาๆ และพูดย้ำอีกว่า: “ใช่สิ ช่วงนี้มีคนที่ชื่อว่ายู่จือ ผู้หญิงที่มีรอยสักบนใบหน้าตามหาเจ้าอยู่ เหมือนจะส่งข่าวอะไรสักอย่างให้ ถ้าเจ้าเห็นแล้ว คิดหาวิธีให้พวกเขาสองคนแอบเจอกันลับๆหน่อย ถ้าเกิดเรื่องต้องรีบลงมือทันที”
โม่ซานพยักหน้าเข้าใจ แต่สักพักก็รีบเก็บข้าวของ วิ่งออกไปไม่เห็นแม้แต่เงาหัว
แม้จะอยู่โลกภายนอก ก็เห็นหญิงสาวที่ซุ่มซ่ามและเอาแต่ใจแบบนี้น้อยมาก ยิ่งไปกว่านั้นโม่ซานคิดถึงเรื่องบาดแผลบนตัวนางที่มีวิธีเอาออกได้ ก็ยิ่งรู้สึกดีต่อกู้อ้าวเวยมากขึ้น
และโม่อีกลับทิ้งจดหมายไว้ให้ และจากไปเงียบๆ เดินทางไปเมืองเทียนเหยียนเพื่อแก้ไขเรื่องนี้
กู้อ้าวเวยพึ่งออกมาจากหมู่บ้าน ก็มีฝนตกลงมาโปรยปรายอีกครั้ง ซูพ่านเอ๋อก็นั่งขดตัวอยู่ในรถม้าอย่างเงียบๆ แต่กลับถามนางอย่างไม่สบายใจว่า: “ถูกตามฆ่าแล้วยังจะไปด่านลั่วสุ่ยอยู่อีกเหรอ?”
กู้อ้าวเวยเงียบไม่พูดจา มัดเชือกในมือแน่นๆ หันหลังให้ใบหน้าที่ซีดขาวของซูพ่านเอ๋อ หัวใจที่เจ็บปวดก็เจ็บพร้อมกับรถม้าที่กระตุกไม่หยุด นางกัดฟันแน่นไม่พูดไม่จา ไม่มีอารมณ์มาตอบซูพ่านเอ๋อ
มีแต่จัดการเรื่องด้านลั่วสุ่ย พวกนางตระกูลหยูนก็จะปลอดภัยจริงๆ
และหยุนหว่านก็ไม่ต้องหลบซ่อนอีก ขนาดอยู่ในวังเอ่อตานก็ยังไม่กล้าออกมา
ที่สำคัญคือ นางก็สามารถไปถอนพิษที่หมู่บ้านห่างไกลความเจริญอย่างสบายใจ และยังสามารถแก้แค้นได้อีก มันคือการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว
ฝนฤดูใบไม้ร่วงกลับเย็นเฉียบลง ป่าเขาข้างๆก็เงียบสงัด
สายตากู้อ้าวเวยเยือกเย็นขึ้นมา ตามองไปทั่วป่าต้นไม้ ก็เห็นเงาวิ่งหายไปต่อหน้าอย่างรวดเร็ว นางหรี่ตาลง ส่ายเชือกในมือออกไป ในใจเต้นตึกตักอย่างเร็ว