บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 851
บทที่ 851 ไขกระจ่าง
บนภูเขาเทียนมีหิมะปกคลุมเต็มไปหมด แทบจะไม่มีต้นไม้ มีแต่ก้อนหินที่ชื้นเย็น
แต่จุ้ยเวี่ยนกลับแตกต่างออกไป จุ้ยเวี่ยนไม่ใช่ดอกไม้ใบหญ้า แต่เป็นต้นไม้เล็กๆที่มีความสูงระดับครึ่งตัวของมนุษย์ ไม่มีกิ่งก้าน ไม่มีใบไม้ เปลือกต้นไม้สีขาวดั่งหิมะ ใช้เป็นยาไว้ถอนพิษ ถึงแม้จะสามารถถอนพิษได้ แต่ขอเพียงแค่ได้ใช้จุ้ยเวี่ยนไปเท่านั้น ก็จะทำให้คนคล้ายผีดูดเลือด แล้วหลังจากนั้นจะตายเพราะกินอะไรอย่างอื่นไม่ลง ถึงจะให้เลือดกิน คนที่ได้รับยาชนิดนี้ก็จะมีชีวิตไม่ถึงครึ่งเดือน และในจุ้ยเวี่ยนกลับว่างเปล่า ส่วนมากจะกลายแข็งเป็นน้ำแข็งไปแล้ว
มีคนเล่าขานว่าน้ำแข็งของจุ้ยเวี่ยนเป็นสุรา หากเพียงได้ลิ้มรสครั้งหนึ่งเป็นรสชาติที่ล้ำเลิศที่สุดในปฐพี แต่หลังจากที่หลับตาแล้วก็มีเพียงแค่การไปนรกเท่านั้น แข็งตายท่ามกลางอากาศหนาว เพราะฉะนั้นมาวันนี้จุ้ยเวี่ยนหายากมาก คนที่รู้จักก็มีไม่มาก ยิ่งเป็นเพราะว่าในจุ้ยเวี่ยนมีเพียงแค่เปลือกไม้บางๆห่อหุ้มอยู่ด้านนอกเท่านั้น การดูดซับแร่ธาตุก็น้อย ถ้าหากมีคนตายข้างๆจุ้ยเวี่ยน นั่นก็เพียงพอให้จุ้ยเวี่ยนมีอายุอยู่ไปอีกหลายร้อยปีได้แล้ว
แต่ยู่จือกับอ้ายจือชำนาญในการใช้ยาพิษ ชื่นชอบของที่ไร้ซึ่งคุณธรรมอยู่แล้ว
ตอนนี้ยู่จือยิ่งมองกู้อ้าวเวยอย่างประหลาดใจ“บนโลกใบนี้ยังมีเครื่องยาที่เจ้าไม่รู้จักอีกหรอ?นี่จะให้ข้ายอมรับได้อย่างไร?”
“จุ้ยเวี่ยนเป็นเพียงสิ่งที่ข้าบังเอิญอ่านเจอในตำราโบราณม้วนหนึ่ง ไม่เคยนึกถึงมาก่อน อีกทั้งข้าคิดว่าของสิ่งนี้ไม่น่าใช้สิ่งที่จะถอนพิษให้เจ้าได้ และยังใช้ประโยชน์อย่างอื่นได้อีก”กู้อ้าวเวยเปิดกล่องหยกขึ้นอีกครั้ง แล้วเคาะไปที่กล่องไม้เบาๆ“นี่เป็นสิ่งที่ถูกวางอยู่ในประตูทางตาย”
“ประตูทางเกิดอะไร?”อ้ายจือไม่เข้าใจ
แต่ยู่จือที่อยู่ข้างๆกลับหัวเราะขึ้นมาเบาๆแล้ว“ที่แท้ก็เป็นอย่างนี้นั่นเอง ในเมื่อความลับของศาลเจ้าก็คือการฟื้นคืนชีพ ถ้าอย่างนั้นก่อนอื่น เจ้าต้องตายก่อนหนึ่งครั้ง แล้วค่อยใช้พิษของตระกูลหยุนกับพิษของรากถุงน้ำดีหงส์ ยิ่งเจ้ากินยาพิษมากเท่าไหร่ ความเจ็บปวดทุกข์ทรมานก็จะน้อยลงเท่านั้น แต่จุ้ยเวี่ยนสามารถดูดซับยาพิษในกระแสเลือดของเจ้าได้ ในขณะที่ถอนพิษก็จะฆ่าเจ้าให้ตายไปด้วย เป็นดังนี้แล้ว การตายก็จะสัมฤทธิผล”
“หลังจากนั้นก็ไปหายาถอนพิษที่ว่ามา อาศัยจังหวะที่จุ้ยเวี่ยนยังกลืนกินเลือดภายในร่างกายของเจ้าอยู่ก็ให้ใช้ยาถอนพิษไปเลย ในตอนที่ฟื้นขึ้น ธารธาราในศาลเจ้าก็จะไร้ซึ่งเลือดที่มีพิษอีกต่อไป เพราะว่าถูกจุ้ยเวี่ยนกลืนกินไปหมดแล้ว เพราะฉะนั้นน้ำที่อยู่ปลายน้ำก็จะไม่มีพิษ”ตอนนี้กู้อ้าวเวยพยักหน้าอย่างตั้งใจ
“ถ้าเป็นดั่งสิ่งที่เจ้าพูดมานั้น จุ้ยเวี่ยนทำเพื่อไม่ให้ใครโดนยาพิษเล่นงาน อีกทั้งยังฆ่าเจ้าให้ตายในขณะเดียวกัน แล้วประตูทางเกิดของศาลเจ้าเอาไว้ใช้สำหรับอะไรกัน?ไว้ใส่ยาถอนพิษอย่างนั้นหรือ?”ทันใดนั้นยู่จือก็รู้สึกดีใจอย่างกะทันหัน นางไม่ได้วิเคราะห์เรื่องพวกนี้อย่างละเอียดกับผู้อื่นมานานแล้ว
“ประตูทางเกิดต้องมียาถอนพิษแน่ๆ เพียงแต่ข้าคิดว่ายาถอนพิษน่าจะละลายอยู่ในน้ำ”กู้อ้าวเวยเวยพยักหน้าอย่างตั้งใจ เงื้อมือขึ้นใช้ถ่านไม้ที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมมาใช้วาดรูป รูปหนึ่ง“ถ้าหากใช้จุ้ยเวี่ยน ในระหว่างใช้ยาถอนพิษนี้คงจะทุกข์ทรมานมาก ในยาถอนพิษต้องมีฤทธิ์ที่ทำให้เจ็บปวดอย่างหนักหนาสาหัสแน่ๆ และยังถูกผสมอยู่ในน้ำอีก หากเป็นเช่นนี้ บาดแผลด้านในของเจ้าก็จะถูกทำความสะอาดจนเกลี้ยง”
“แล้วเหตุใดถึงต้องใช้น้ำไหลด้วยล่ะ?”อ้ายจือถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน
ยู่จือใช้สายตาที่มองคนโง่มองไปที่นาง“เพราะว่ายาถอนพิษอยู่บนต้นน้ำ ยาพิษอยู่ปลายน้ำ ไม่อย่างนั้นถ้าถูกวางอยู่ในกะละมังเดียวกัน จะตายก็ตายไม่ได้ จะเกิดก็เกิดไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น น้ำไหลสะอาดกว่าน้ำนิ่ง บาดแผลก็จะได้ไม่ติดเชื้อได้ง่าย”
“ยังมีจุดที่สำคัญอีกหนึ่งจุดนั่นก็คือ คงจะเป็นปัญหาเรื่องของพิธีนี้แล้วล่ะ”กู้อ้าวเวยแสยะยิ้มขึ้น นิ้วจิ้มไปจรดอยู่บนศาลเจ้า“สร้างประตูทางเกิดกับประตูทางตายขึ้นมาหลังจากนั้นสามารถใช้ไปมาได้ นั่นก็หมายความว่าสามารถถอนพิษให้ผู้อื่นได้ตลอด นอกจากนี้แล้ว พิธีนี้ยังมีความเสี่ยงอีกด้วย เพราะฉะนั้นภายในศาลเจ้าเป็นไปไม่ได้ที่จะมีประตูทางเกิดเพียงหนึ่งประตู ต้องมีแนวทางที่ปลอดภัยทางอื่นอีกแน่นอน ยกตัวอย่างเช่นนำยาถอนพิษส่วนหนึ่งวางไว้ที่ปลายน้ำ ถ้าหากเดินลงไปกับน้ำแล้ว อาศัยยาถอนพิษอันน้อยนิดรักษาชีวิตไว้”
ถ้าเป็นเช่นนั้น ในที่สุดทั้งสามก็เข้าใจเรื่องความเป็นอมตะอะไรนั่นอย่างกระจ่างแจ่มแจ้งแล้ว
อ้ายจือรอทั้งสองอธิบายให้ฟังรอบสองแล้วหลังจากนั้น ก็หัวเราะออกมาดังพรืด“เพราะฉะนั้นนี่เป็นวิธีถอนพิษ สร้างลานพิธีในศาลเจ้าเพียงเพื่อระวังภัย ตกลงใครเป็นคนพูดเรื่องความเป็นอมตะนี่กัน”
ยู่จือยังหัวเราะ“ทำให้ข้าเชื่อไปแล้ว”
“ข้าก็เหมือนกัน”เกือบจะไม่เชื่อวิทยาศาสตร์แล้ว กู้อ้าวเวยตบเบาๆตรงหน้าอกด้วยความกลัวที่ยังหลงเหลืออยู่ ตอนนี้หัวใจที่เหมือนอยู่บนหน้าผาก็ร่วงลงมาอยู่ในท้องแล้ว ยิ่งต้องยินดีที่อ้ายจือหาสิ่งของชิ้นนี้พบแล้ว ไม่อย่างนั้นถึงนางจะคิดจนสมองแตกตายก็ไม่สามารถนึกถึงเจ้าจุ้ยเวี่ยน
จับพลัดจับผลูไขปริศนาวิธีเป็นอมตะได้ ยู่จือแปลกใจ“ในเมื่อเจ้าสามารถหาข่าวคราวพวกนี้ได้มากมายขนาดนี้ เหตุใดก่อนหน้านี้ยังไม่ไปจากซ่านจินจื๋อล่ะ จากความฉลาดของเจ้า เรื่องหาคำตอบออกมาได้นั้นเป็นเพียงเรื่องไม่ช้าก็เร็วเท่านั้น”
“เพราะว่าถึงจะมีวิธีถอนพิษ ข้าก็จะดูน่าเกลียดยังไงล่ะ”กู้อ้าวเวยขมวดคิ้วขึ้นมา ยกมือขึ้นมาลูบไล้ร่องรอยที่มีความนูนขึ้นมาเล็กๆ แล้วอดพูดขึ้นมาไม่ได้ว่า“ถึงตายก็ไม่สามารถต้องขายหน้าต่อคนที่ชอบยังไงล่ะ”
อ้ายจือแสยะยิ้ม ยังอยากจะพูดต่อไปอีกว่าใบหน้าสำคัญหรือชีวิตสำคัญมากกว่ากัน
แต่ยู่จือกลับกุมท้องหัวเราะอย่างไม่หยุด พุ่งตัวออกไปดั่งลมนำเรื่องนี้เล่าให้ยู่หงฟังจนหมด ใบหน้าอัมพาตนั้นก็กระตุกเบาๆ ใช้สายตามองกู้อ้าวเวยเหมือนคนโง่ กู้อ้าวเวยรู้สึกโกรธ อ้ายจือเดินไปข้างๆของนาง“ถ้าอย่างนั้นเจ้าเตรียมจะถอนพิษเมื่อไหร่กัน?”
“รอข้าหาเครื่องยาครบก็จะใช้สถานที่ใกล้ๆถอนพิษนั่นแหละ”กู้อ้าวเวยนำผ้าขึ้นมาปิดหน้าอีกครั้ง หลีกเลี่ยงไม่ให้สาวใช้ที่อยู่ข้างนอกเห็น
“ไม่ไปหาคนทดลองยาก่อนหรอ?”
“ชีวิตของข้ากับชีวิตของคนอื่นแตกต่างกันอย่างไร”กู้อ้าวเวยพูดจบ ลุกขึ้นเดินไปข้างหน้า แล้วหัวเราะเบาๆพลางพูดขึ้นมาว่า“อาศัยจังหวะที่กุ่ยเม่ยไม่อยู่ ข้าจะไปหาสำนักคุ้มภัยแถวนี้ก่อน”
อ้ายจือก้าวขึ้นไปข้างหน้าหนึ่งก้าว“คิดอะไรดีๆออกอีกแล้วอย่างนั้นหรอ?”
“เมี่ยวหารน่าจะรอข้าที่ด่านลั่วส่วยนานแล้ว ข้าน่าจะให้คนเขียนจดหมายบอกกับเขาว่าซูพ่านเอ๋อหายตัวไปแล้ว”กู้อ้าวเวยตบไปที่ศีรษะของตนเองแกล้งทำเป็นเหมือนคนพึ่งนึกขึ้นมาได้ หลังจากนั้นก็นำตำรับยาแผ่นหนึ่งใส่ลงไปในกล่อง“อีกทั้งข้าเคยบอกแล้วว่าจะให้ยาพิษของตระกูลหยุนกับเขา ครั้งนี้ให้เขาก่อนครึ่งหนึ่ง ถือว่าเป็นค่ามัดจำละกัน”
อ้ายจือพึ่งรู้ว่ากู้อ้าวเวยที่พาซูพ่านเอ๋อมาตลอดทาง แต่กลับบอกว่าหายตัวไป
พอคิดๆแล้ว นางเพียงแค่เดินตามอยู่ไกลๆ อนึ่งไม่มีใครรู้ว่าในสมองของกู้อ้าวเวยกำลังคิดเรื่องอะไรอยู่
หลังจากเอาของให้สำนักคุ้มภัยขนส่งแล้ว กู้อ้าวเวยไม่ได้ย้อนกลับไปที่โรงเตี๊ยม แต่กลับหาที่นั่งในภัตตาคารที่ดูไม่เลวเลย สั่งอาหารรสเลิศไม่กี่อย่างและสุราชั้นเลิศสองกา ใช้ห้องส่วนตัวที่ไม่ให้เสี่ยวเอ้อเข้ามา
นางนั่งอยู่บนชั้นสองของตึกเล็กมองดูภายนอก ตรงข้ามมีแก้วสุราว่างเปล่าวางอยู่
“นางจะต้องใช้ตลอดทั้งชีวิตของนางมาชดใช้ให้เจ้า แต่กาลเวลาที่นัดหมายไว้ ข้าก็ไม่อาจรู้ได้ว่าจะสำเร็จได้หรือไม่ ถ้าหากครั้งนี้ข้าเดาเครื่องยาไม่ถูก แล้วตายไป ตกนรกเจ้าจะโทษข้าไม่ได้นะ”อดไม่ได้ที่จะพูดเองเออเองคนเดียว สายตาของนางไปตกอยู่ที่เย่นเจียงเมืองที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ แล้วจึงแสยะยิ้มตรงมุมปากขึ้น“ข้าเดินผ่านแคว้นใหญ่ๆมาสามแคว้น แต่ยังไม่เคยไปสถานที่อื่นมาก่อน รอเรื่องทุกอย่างคลี่คลายแล้ว ข้าจะไปเดินดู”
อ้ายจือที่อยู่ด้านนอกของประตูวางมือที่อยากจะเคาะประตูลง หันกลับไปขวางเสี่ยวเอ้อที่เตรียมเข้าไปส่งอาหาร“จำไว้ว่าให้เคาะประตูก่อนเข้าไปนะ อย่าถามอย่ามอง”
เสี่ยวเอ้อไม่เข้าใจ เคาะประตูเข้าไปแล้วเห็นเพียงแม่นางที่ใช้ผ้าสีขาวปิดบังใบหน้าไว้ นำอาหารวางลงบนโต๊ะแล้วเตรียมจะหยิบแก้วสุราที่ว่างเปล่ากลับไป แต่กลับได้ยินแม่นางคนนั้นเปิดปากพูดขึ้นมาว่า“รินชาในแก้วใบนั้นหน่อย นางไม่ชอบดื่มเหล้า”
อ้ายจือได้ยินอยู่ไกลๆ เดินจากไปอย่างหน่ายใจ
คนบางคนต้องใช้ชีวิตทั้งชีวิตเพื่อแก้แค้น คนบางคนกลับสามารถนำคนมาไว้ในหัวใจอย่างช้าๆ ซ่อนไว้หลายปี เดินตามคำพูดของคนผู้นั้น แต่กลับพบว่ารู้สึกสบายใจ