บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 857
บทที่ 857 ตัวตนใหม่และเก่าของตนเอง
ตรงหน้าของนางเห็นเพียงแค่รูปร่างเลือนราง
นอกหน้าต่างมีลมหิมะพัดอยู่ ภายในห้องมีโคมไฟ ร่างกายที่เจ็บปวดยังถือว่าสามารถอดทนได้ ในใจยังคงรู้สึกไม่ปลอดภัย มีดที่โดนแทงตรงหน้าอกยังคงเจ็บปวดดั่งไฟสุ่มอก ทำให้นางนึกถึงค่ำคืนวันเข้าหอ เปรียบดั่งเป็นฝันร้าย
แต่นางกลับนึกหน้าของเจ้าบ่าวไม่ออก สับสนวุ่นวายใจไปหมด
พอลุกขึ้นมาจากเตียงได้ นางก็ใช้มือยันบนโต๊ะแล้วเดินไปที่ข้างหน้าของโต๊ะ โชคดีว่าบนโต๊ะมีเทียนจุดให้ความสว่างอยู่ บนนั้นยังสิ่งล้ำค่าทั้งสี่ในห้องหนังสือวางอยู่บนนั้น นางนั่งอยู่บนเก้าอี้แล้วดึงเสื้อบนร่างกาย หยิบหนังสือเล่มหนึ่งมาวางไว้บนมือแล้วค่อยๆลูบคลำ หมึกดำที่อยู่ด้านบนได้บรรยายตัวอักษรไว้
ล้วนเต็มไปตำรับยา เป็นตัวหนังสือของนางทั้งหมด
จนกระทั่งในตอนที่นางกำลังจะใช้สายตาเพ่งมอง ประตูก็ถูกเปิดออกเสียงดังแอ๊ด
ตามมาด้วยเสียงของกุ่ยเม่ย“เจ้าตื่นขึ้นมาทำอะไร!”
มีของบางอย่างถูกกุ่ยเม่ยนำมาวางไว้บนโต๊ะ หลังจากนั้นกุ่ยเม่ยก็อุ้มนางขึ้นมา แล้วยัดลงไปบนผ้าห่มใหม่อีกครั้ง นำถุงนุ่นยัดเข้าไปที่หน้าอกของนาง
นางตะลึงไปชั่วครู่ แล้วตบไปที่ถุงนุ่มตรงหน้าอกเบาๆ“กุ่ยเม่ย?เจ้าทำหมอนเป็นด้วยหรือ”
“ข้าเรียกมันว่าถุงนุ่น อีกทั้งนี่เป็นสิ่งที่เจ้าทำ”กุ่ยเม่ยเกาหัวแกรกๆแล้วนั่งลงตรงข้างเตียง เขาจำไม่ได้แม้แต่น้อยว่าเมื่อก่อนเรียกนางว่าอย่างไร
กู้อ้าวเวยยกยิ้มตรงมุมปาก นำศีรษะยัดเข้าไปในถุงนุ่น“เหตุใดข้าถึงเชื่อใจเจ้าอย่างกะทันหัน เป็นเพราะว่าชิงต้ายหรือ?”
เสียงของนางนุ่มนวล ยังมีเสียงร้องของความเจ็บปวดอย่างขมขื่นจากการถอนพิษก่อนหน้านี้หลงเหลืออยู่ สายตาขุ่นมัวฝ้าฟางยังมีความเงียบสงบแฝงไว้
ไม่ว่าจะเวลาไหน กู้อ้าวเวยก็ยังคงเป็นกู้อ้าวเวยอยู่วันยังค่ำ
“เป็นเพราะความจงรักภักดีที่ข้ามีต่อเจ้า สุดท้ายถึงได้เป็นเพื่อนกับเจ้าได้ มาวันนี้ ได้มาเป็นพี่ชายของเจ้า”กุ่ยเม่ยมองไปที่นางอย่างหน่ายใจ“ข้าเดินทางกับเจ้าไปแล้วสถานที่มากมาย เจ้าสอนข้าเยอะมากเช่นกัน”
กู้อ้าวเวยจับไปที่ถุงนุ่นจนแน่น นำศีรษะมุดเข้าไปในนั้นอีกเล็กน้อย รู้สึกแน่นตรงหน้าอก“ข้าจำได้ว่าองค์ชายสามดูแลข้าดีมาก แต่ข้าก็จำไม่ได้ว่าเจ้ากับชิงต้ายไปเป็นสหายกันตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”
กุ่ยเม่ยตกตะลึงไปชั่วครู่ ในใจมีเสียงดังสะอึก
“เจ้าจำองค์ชายสามได้?”
“ข้าจำได้ว่าข้านอนหลับใหลอยู่บนเตียงของเขามาหลายวัน แต่ดูท่าแล้ว ข้ากับเขาเหมือนจะเป็นเพียงแค่เพื่อนกันเท่านั้น เหมือนกับว่าในใจเขาคิดอะไรอยู่?”กู้อ้าวเวยกะพริบตาปริบๆ แล้วเอียงคอมาหมายจะมองหน้าของกุ่ยเม่ย“อีกทั้ง เมื่อครู่ข้าได้จับตำรา บนนั้นเขียนว่าข้าชื่อยู่ชีง หลังจากที่ข้าถอนพิษแล้วข้าจะต้องไปที่เมืองเทียนเหยียนเพื่อช่วยใคร ข้างหลังไม่ได้เขียนอะไรไว้อีกแล้ว ข้าจะต้องไปช่วยใครกัน?”
“รอเจ้าไปแล้ว อยากจะช่วยใครก็ช่วยเลย”กุ่ยเม่ยลุกขึ้นยืน กดไหล่ของนางไว้ให้นอนลงไป“เจ้าเสียเลือดมามาก ก่อนหน้านี้ก็สลบไปแล้วเจ็ดแปดวัน พักผ่อนดีๆ”
“ดูจากรอยมีดแล้ว รอยแผลพวกนั้นข้าเป็นคนทำเองทั้งหมด อีกทั้ง บาดแผลต่างร่างกายของข้ามีเยอะเกินไป”กู้อ้าวเวยยื่นมือไปดึงปลายกระบอกเสื้อ แล้วขมวดคิ้วเบาๆ“ข้ามีชีวิตได้เหนื่อยขนาดนี้เลยหรอ?”
กุ่ยเม่ยรู้สึกตกตะลึง สติหลุดออกไปอยู่นาน
เหนื่อยไหม?
ในความทรงจำของเขากู้อ้าวเวยมักจะทำทุกเรื่องอย่างกระฉับกระเฉง เหมือนกับในทุกวันของนางจะคอยคิดแต่ว่าจะต้องเดินก้าวต่อไปอย่างไร บาดแผลที่นางได้รับฝากไว้ตามร่างกายของนางอย่างมากมาย แต่นางกลับพูดว่าเหนื่อยน้อยมาก ไม่ใช่ร่างกายที่เหนื่อยล้า แต่เป็นหัวใจที่เหนื่อยล้าต่างหาก
ตอนแรกไม่รู้ว่าควรจะปลอบใจอย่างไร แต่กู้อ้าวเวยกลับยิ้มบางแล้วปล่อยมือพูดขึ้นมาว่า“อย่าใส่ใจนักเลย”
นางมุดเข้าไปในผ้าห่ม ผ่านไปไม่นานก็เข้าสู่นิทราไป
นับตั้งแต่ที่กู้อ้าวเวยฟื้นขึ้นมา หัวใจของกุ่ยเม่ยก็ผ่อนคลายลงมา
ใช้เวลาไปสองวันทำให้กู้อ้าวเวยจำพวกเขาที่เป็นคนรอบกายของนางได้ ถือได้ว่ากู้อ้าวเวยรู้จักหมดแล้ว สิ่งเดียวที่แตกต่างจากเมื่อก่อนนั่นก็คือ ครั้งนี้กู้อ้าวเวยอ่อนโยนจนไม่เหมือนเดิม ไม่มีพิษภัย และไม่ค่อยจะบีบคั้นคน
ถึงยู่จือจะคอยประชดเรื่องวิชาของนางที่ทำร้ายตนเอง แต่นางก็ทำเพียงแค่ยิ้มบางๆ“ค่อยยังชั่วที่ทำร้ายข้าแต่เพียงผู้เดียว ไม่ได้ไปทำให้ใครเดือดร้อน”
กลับกันมันทำให้ยู่จือจุกจนรู้สึกไม่ดี
ในระหว่างนั้นล่ายเสวียนเคยมาเยี่ยมหนึ่งครั้ง กู้อ้าวเวยกลับจำนางได้อย่างแม่นยำ ล่ายเสวียนเอ่ยถึงเรื่องความเป็นอมตะ กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นเหมือนดังแต่ก่อน“ข้าเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุด หากพวกเจ้าอยากลองดู ข้าก็ไม่ว่าอะไร”
ล่ายเสวียนขมวดคิ้วเป็นปม“ข้าได้ข่าวมาว่าเจ้าไม่สบาย”
“ความโลภถึงเรียกว่าป่วย”กู้อ้าวเวยเอ่ยกลับไปอย่างไม่หนักไม่เบา บาดแผลอันแปลกประหลาดบนใบหน้าของนางทำให้ล่ายเสวียนรีบกลับไปรายงาน ตอนแรกเขาไม่เชื่อว่าเรื่องนี้จะเกี่ยวกับเรื่องความเป็นอมตะ
พอหลังจากที่รอล่ายเสวียนกลับไปแล้ว นางก็มุดตัวเข้าไปในเตียง ไล่ชายหนุ่มออกไป แล้วค่อยๆนำผ้ามาทำแผลเปลี่ยนด้วยตัวเอง โม่ซานที่อยู่ข้างๆก็ได้ขึ้นไปช่วยเหลือ อดที่จะถามขึ้นไม่ได้“เจ้ามองเห็นหรอ?”
“รู้สึกได้น่ะ”นิ้วโป้งของกู้อ้าวเวยมักจะคอยเช็ดผ่านผิวหนังของตัวเองอย่างเบาๆ แล้วคลำหาตำแหน่ง
โม่ซานเงียบอย่างไม่พูดไม่จา กู้อ้าวเวยได้ทำการนำผ้ามาพันแผลเปลี่ยนยาอย่างคุ้นชิน
“เหมือนข้าจะลืมคนสำคัญคนหนึ่งไป เขาหน้าตาสะสวยเหมือนสตรี แต่ทำอย่างไรข้าก็จำเขาไม่ได้”กู้อ้าวเวยพูดจบ ไม่รู้ด้วยเหตุใด นางมักรู้สึกว่าโม่ซานที่อยู่ข้างกายมีความรู้สึกสนิทชิดใกล้บางอย่าง เป็นความรู้สึกของคนที่มีวิทยายุทธแกร่งกล้า……
“ข้ารู้จักเจ้าได้ไม่นาน”โม่ซานกระแอมเบาๆสองสามครั้ง แล้วรีบโยนปัญหาที่แก้ยากตรงหน้าไปให้คนอื่น
กู้อ้าวเวยทำได้เพียงแค่พยักหน้า ไม่ได้เอ่ยถามต่อไป
ในตอนที่กู้จี้เหยามานั้นได้นำยาอย่างสุดท้ายของกู้อ้าวเวยไป กู่เซิงสั่งให้คนปล่อยตัวไปได้ กระทั่งส่งคนไปนำสารไปที่ชางหลาน แสร้งทำเป็นอยากจะส่งคนของตระกูลหยุนสองคนไปใช้ประโยชน์ที่ชางหลาน เสมือนว่าเป็นเครื่องบรรณาการ
ยู่จือไปหาพวกสมุนไพรประหลาดๆมาช่วยทำรอยสักบนใบหน้าของกู้อ้าวเวย ใต้ตาดำคล้ำลงไปเล็กน้อย ปัดแป้งเล็กน้อย แม้แต่กุ่ยเม่ยใช้เวลาอยู่นานกว่าจะจำได้ โดยเฉพาะดวงตาดั่งลูกท้อคู่นั้นมาวันนี้เปลี่ยนเป็นสีหม่นเทาอย่างไม่มีชีวิตชีวา ยิ่งมีความแตกต่างตายจากเมื่อก่อนอยู่มาก
“เจ้ายังจำไม่ได้เลยหรอ ถ้าอย่างนั้นข้าก็โล่งใจหน่อย อย่างน้อยก็ไม่ถูกฮ่องเต้บั่นคอแล้ว”ยู่จือเตรียมชุดด้ายทองให้นางชุดหนึ่ง วางอยู่ตรงข้างๆของกู้อ้าวเวย ถามนางไปว่า“ความรู้สึกตายแล้วเกิดใหม่รู้สึกอย่างไร?”
“เป็นเพียงแค่กลอุบายเล็กน้อยแค่นั้นเอง”กู้อ้าวเวยยกมือขึ้นเลิกชุดด้ายทองที่อยู่ตรงบ่าขึ้น ปลายนิ้วเรียววาดลงไปบนม้วนตำราที่อยู่บนโต๊ะ ปลายจมูกขยับเล็กน้อย“บนโลกใบนี้ยังมีพิษที่ข้าไม่รู้วิธีถอน มีโรคที่ข้าไม่รู้วิธีรักษา อีกมากมาย”
พอพูดจบ มุมปากของนางก็ยกขึ้นมาเบาๆ ในที่สุดปลายนิ้วก็ไปตกอยู่ที่ตำราการรักษาเล่มหนึ่งที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน จับตำราไว้แล้วนั่งบนเก้าอี้ใช้ปลายนิ้วทำความรู้จัก
ทุกคนรู้สึกคุ้นเคยกับเรื่องนี้เป็นอย่างดี สำหรับกู้อ้าวเวยแล้ว ตำรามีค่ามากกว่าอาหาร
พอออกเดินทางตามทุกคนมา ในสมองของกู้อ้าวเวยมีภาพเลือนรางของคนคนหนึ่งแล้วมันก็หายแวบไป มีเพียงแต่เสื่อฟางบนหลุมฝังศพมากมายที่ก่ายกองไปมาอย่างยุ่งเหยิงทำให้หัวใจของเขารู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา
นางเป็นกู้อ้าวเวยเวยตัวจริงอย่างงั้นหรอ?