บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 879
บทที่ 879 เส้นทางที่แตกต่างกันไปสู่เป้าหมายเดียวกัน
ในขณะเดียวกัน กู้อ้าวเวยเกาะอยู่หลังซ่านจินจื๋อ ลมนอกเมืองพัดมาตีหน้า
ที่จริงนางมองไม่ชัดว่าพวกเขาออกนอกเมืองไปทางไหน รู้แค่ว่ากลิ่นอายธรรมชาติของดินพัดเข้าจมูกมา ยังมีลมพัดแรงอีก นางจึงกดหัวเข้าไปที่แอ่งคอของซ่านจินจื๋อ ร่างกายถูกโยนขึ้นและลง เป็นความรู้สึกที่แปลกมาก
และไม่รู้ว่าเดินมานานเท่าไหร่แล้ว ซ่านจินจื๋อแบกนางมาหยุดอยู่ตรงต้นไม้ใหญ่ และปล่อยนางลงมา
ป่าลึกไม่ไกลนักมีคบไฟสว่างขึ้น กู้อ้าวเวยอดไม่ได้ถามไปว่า: “พวกเรามาถึงไหนแล้ว?”
“ห่างจากเมืองเทียนเหยียนไม่ไกลไม่ใกล้มาก ข้างๆมีพวกพ่อค้าคนมีเงินและบ้านเล็กๆอยู่มาก จะมีคนมาอยู่พักอยู่ที่นี่ทุกคืน” ซ่านจินจื๋อจัดตัวของนางตรงๆ จับมือนางให้เกาะกิ่งไม้ข้างๆไว้ และพูดเตือนเสียงเบาว่า: “ดูแลนางให้ดี”
ด้านหลังมีเสียงกิ่งไม้กระทบกัน กู้อ้าวเวยก็วางใจและมองดูซ่านจินจื๋อจากไป
แต่ไม่นานนัก ซ่านจินจื๋อก็กลับมา และคบไฟนั้นก็ห่างไกลไปเรื่อยๆ ไม่นานในป่าลึกก็เหลือเพียงแต่ความมืดมิด
“ของอะไรน่ะ?” กู้อ้าวเวยดมกลิ่นดู กลิ่นบนตัวเขาเหมือนมีของเน่าเสียปล่อยไว้นาน ต่างกับกลิ่นคนตายมาก เหมือนกับกลิ่นผลไม้ที่เน่าเสียมากกว่า
ซ่านจินจื๋อสะบัดแขนเสื้อ นั่งบนกิ่งไม้พูดว่า: “พวกเขาขนผลไม้และผักที่เน่าเสียออกไปสองลังใหญ่”
“ดึกแบบนี้แล้วยังมีคบเพลิงไฟแบบนี้อีกเหรอ ดูแล้วคงเป็นการหลอกตา” กู้อ้าวเวยปิดปากไอคอกแคะ ไม่รู้ว่าทำไมนางรู้สึกผักเสียพวกนี้มีรสชาติหวานหน่อยๆ จึงดึงแขนซ่านจินจื๋อมาดม ตบไหล่เขาเบาๆพูดว่า: “เหมือนไม่ใช่การหลอกตา”
ซ่านจินจื๋อโน้มตัวไป ขมวดคิ้ว บอกให้คนข้างหลังตามพวกนั้นไป
“ข้าพาเจ้าไปหมู่ตึกเถอะ” ซ่านจินจื๋อแบกนางขึ้นมาใหม่อีกครั้ง คล่ำเดินในทางที่เปลี่ยวมืด และเจ้าเด็กนั่นเพื่อสืบเรื่องนี้ดูเหมือนจะไปหลายครั้งแล้ว ยังจำทางสำคัญได้ แม้จะเป็นแบบนี้ ซ่านจินจื๋อยังใช้เวลาสักพักถึงจะหาหมู่ตึกเจอ
ก่อนหน้านี้ ซ่านจินจื๋อไม่รู้ว่าในภูเขาแบบนี้จะมีหมู่ตึกเล็กๆนี้ได้
พื้นดินด้านหลังส่วนมากถูกขุดไปแล้ว และมีคนทำความสะอาดเหมือนพร้อมใช้งานตลอดเวลา และหมู่ตึกนี้หลบอยู่หลังเขาพอดี ถ้าไม่มีคนนำทาง คงยากที่จะหาเจอ
ซ่านจินจื๋อพากู้อ้าวเวยไปสวนด้านหลัง กู้อ้าวเวยยังไม่ลงมาก็ได้กลิ่นแปลกๆนำมาก่อนแล้ว ตบหลังซ่านจินจื๋อให้เขาหาที่สูงๆหน่อย อย่าหยุดอยู่นาน
พอถึงด้านล่างเขา กู้อ้าวเวยไอคอกแคะ: “ปลูกหญ้าพิษที่นี่ ไม่ต่างกับการอบควันพิษเลย และที่นั่นคงจะมีศพอยู่เยอะแน่นอน ไม่ได้ฝังไว้ใต้ดิน คงจะโยนลงไปแน่เลย”
กู้อ้าวเวยพูดจบ เสียงอีการวมตัวกันดังขึ้นข้างๆ
นางลูบหัวตัวเองอย่างแปลกใจ ถามซ่านจินจื๋อว่า: “นอกเมืองเทียนเหยียน มีที่หลุมฝังศพจำนวนมากเหรอ?”
“นอกเมืองเทียนเหยียนห้าสิบเมตรไปไม่อนุญาตให้มีหลุมฝังศพจำนวนมาก แม้จะเป็นคนที่ตายในวังก็ต้องโยนไปที่อื่น นี่เป็นกฏของราชวงศ์ตระกูลซ่านที่สืบทอดกันมา” ซ่านจินจื๋อเหมือนจะนึกถึงเรื่องแปลกๆ จับมือกู้อ้าวเวย: “ปัญญาชนในความทรงจำเจ้า ตายที่หลุมฝังศพจำนวนมากไหน?”
“นึกไม่ออกเลย” กู้อ้าวเวยขมวดคิ้ว เขาจำได้แค่ว่าภูเขาด้านหลังและเขาป่าชื้นคล้ายกันหน่อยๆ แต่ถ้าจะคิดจริงๆ นางไม่มีความจำเรื่องนี้เลย
“ฟ้าใกล้สว่างยังมีอีกไม่กี่ชั่วโมง พวกเราไปหารอบๆกันเถอะ” ซ่านจินจื๋อให้นางขี่หลังอีกครั้ง ตัดสินใจเดินตามอีกาไป
กู้อ้าวเวยกลับนึกย้อนกลับไปเมื่อก่อน แต่ความทรงจำพวกนั้นไม่ชัดเจนเลือนรางไปหมด ยังมีคำพูดมากมาย นางไม่รู้ว่าเป็นคำกล่าวลาก่อนตายของกู้อ้าวเวยคนก่อน หรือนางเคยบอกกับใคร
เดินรอบข้างๆเป็นวงกว้าง กู้อ้าวเวยที่เริ่มตื่นตนก ซ่านจินจื๋อพานางหยุดลงที่ก้อนหินก้อนใหญ่ มองดูตรงหน้าที่เต็มไปด้วยกองศพเน่าเละ ยังมีอีการวมกันอยู่ตรงนั้น กลิ่นที่แสบจมูก กู้อ้าวเวยกลับพูดด้วยสีหน้าที่เยือกเย็นว่า: “ที่นี่ก็คือหลุมฝังศพจำนวนมากงั้นเหรอ”
“เจ้าดูออกเหรอ?”
“ที่นี่ก็คือที่ที่เขาตายไป ข้าเคยมาที่นี่ แต่ข้างๆมีแค่พี่สาวของยู่จือคนเดียว” กู้อ้าวเวยพูดความทรงจำที่นึกได้ออกมา นางโน้มตัวลงนั่งลงที่ก้อนหิน: “ข้ารู้สึกว่าเรื่องพวกนี้กำลังรวมกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิตอมตะ หรือความยืดติดของพี่ชายเจ้าก็ตาม”
ซ่านจินจื๋อสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น เขามีความคิดเช่นนี้เหมือนกัน
ที่นี่ใกล้กับลานของตระกูลตงฟาง และหญ้าพิษที่พวกเขาปลูกไว้ตรงกับงานวันเกิดวันนั้น ถ้าตอนนั้นกู้อ้าวเวยเคยมาที่นี่จริง นั่นแปลว่าที่นี่มีมานานแล้ว ตามหลักตระกูลตงฟางที่ก่อนหน้านี้ล่มจมไป ลานนี้พึ่งถึงมือพวกเขาในช่วงนี้เอง
แต่พวกนี้ แปลว่าอะไรกัน?
“เอาเลือดเนื้อกลับไปหน่อย อีกาพวกนี้ข้าไม่เคยเห็นใกล้เมืองเทียนเหยียนเลย” กู้อ้าวเวยเอากล่องเล็กส่งให้ซ่านจินจื๋อ
ซ่านจินจื๋อรับมา และพูดว่า: “อีกาพวกนี้ไม่ได้เลี้ยงไว้ แต่ถูกมาใช้เป็นตัวทดลอง ใช่ไหม?”
“ข้ามั่นใจสิบในเก้า แต่พวกเรายังต้องคิด ทำไมพวกทหารเฝ้าประตูเมืองถึงเอาศพพวกนี้มาได้ พวกเขาเป็นกลุ่มเดียวกันเหรอ หรือว่าแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น?” กู้อ้าวเวยพยักหน้าครุ่นคิดอย่างจริงจัง อยากจะหาคำตอบสุดท้าย แต่กลับได้เบาะแสที่ไม่ค่อยสำคัญนัก
ตอนนี้เบาะแสทุกอย่างก็ชี้ไปที่คนที่เคยสูญหายเมื่อก่อน และระหว่างนั้นก็มีเบาะแสที่เกี่ยวกับซ่านต้วนโฉง
สั่งคนไปเอาของที่มีประโยชน์มา ซ่านจินจื๋อเดินกลับมาหากู้อ้าวเวยด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม: “ทุกอย่างผ่านไปแล้ว”
กู้อ้าวเวยเงยหน้าขึ้นมาอย่างสงสัย แต่กลับเห็นของที่อบอุ่นไหลลงมาอาบแก้ม ซ่านจินจื๋อยกมือขึ้นเพื่อเช็ดน้ำตาให้บนใบหน้าให้นาง และพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยนว่า: “นั่นไม่ใช่ความทรงจำของเจ้า แต่ร่างกายนี้พวกเจ้าใช้ด้วยกันเท่านั้น”
โน้มหน้าเข้าใกล้มือของซ่านจินจื๋อ กู้อ้าวเวยหลับตาลง: “ข้ารู้ คนที่ร้องไห้ไม่ใช่ข้า”
หัวใจนางไม่เต้นเร็ว เสียงก็ปกติเรียบเฉย เหมือนเป็นแค่กู้อ้าวเวยเมื่อก่อนที่ร้องไห้กับเรื่องนี้
แม้ชายคนนั้นจะขอโทษนางเพื่อหลอกใช้ก็ตาม แต่เรื่องจริงคือปัญญาชนเป็นคนน่าสงสารที่สุดที่ถูกคนอื่นหลอกใช้ จนถึงตาย เขาก็เป็นแค่ตัวทดลองยาของคนอื่น และตอนนั้นนางกลับไม่ทันสังเกต เป็นเพียงแค่หลุมฝังศพจำนวนมากที่ไม่มีอยู่ เรื่องนี้จะเกี่ยวโยงกับเรื่องอนาคตยังไงนะ
แบกกู้อ้าวเวยออกไปจากที่นี่ พอกลับมาถึงเมืองเทียนเหยียน นางก็หลับไปแล้ว
กุ่ยเม่ยก็พาโม่ซานกลับมา ในมือยังจับของที่ห่อผ้าเอาไว้
“นี่คืออะไร?”
“ยาของพระชายาขององค์ชายสาม ใช้ลูกเอ่อตันแดงทำขึ้นมา ต่อมาพวกเราก็ไปร้านชาที่บ้านของพระชายาขององค์ชายสาม พวกเขาแอบนำลูกเอ่อตันแดงเข้ามาโดยไม่ได้รับอนุญาต” โม่ซานเปิดผ้าออกด้วยสีหน้าที่เคร่งขรึม เผยให้เห็นถึงของด้านใน——นี่คือผลที่พึ่งเด็ดมาสดๆร้อนๆ