บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 882
บทที่ 882 ข้ออ้าง
ตัดมาทางเรือนรับรอง กู้อ้าวเวยเอาเรื่องที่ลูกเอ่อตันแดงเกิดขึ้นเมื่อคืนรายงานไป แต่ไม่พูดถึงเรื่องที่ทิ้งศพ
เมิ่งซู่ก็เข้าใจ “ข้าจะส่งคนไปสอดส่องดูแลการเคลื่อนไหวของลูกเอ่อตันแดงมากขึ้น เรื่องทางฝั่งจวนตงฟาง เจ้าก็อย่าเพิ่งลงมืออะไรไป ช่วงนี้ฮ่องเต้คงจะส่งคนมานำพาคณะราชทูตไปเที่ยวชมเมือง ประเดี๋ยวจะเสียแผนเปล่าๆ”
กู้อ้าวเวยที่กำลังจับตะเกียบกินข้าว ก็นิ่งไป แล้วก็พยักหน้า
พอส่งเมิ่งซู่กลับไป นางก็สงสัยว่ายู่จือและยู่หงไปไหนไกล ทำไมยังไม่กลับ คราวแล้วก็ไม่ได้บอกเรื่องที่ไปหมู่บ้านประมง ตอนนี้ยังจะไปจัดการเรื่องที่ที่ทิ้งศพ ทำให้นางพะอืดพะอมแย่เลย
ยัยไง่หงก็เอาน้ำแกงลูกนกพิราบมาให้หนึ่งหม้อ แล้ววางข้างๆ มือของกู้อ้าวเวย “คุณหนู เหมือนจะใช้ตัวยาไปพอสมควรแล้ว เดี๋ยวจะไปซื้อมาให้ใหม่นะเพคะ แต่ต้องหลบซ่อนอะไรไหม?”
“ไม่ต้อง ไปซื้อตามร้านขายยาตรงๆ เลยก็ได้” กู้อ้าวเวยตอบโดยไม่ค่อยสนใจ แล้วก็บอกเทียบยาให้ยัยไง่หงเขียนลงไปอย่างไม่สวย ยัยไง่หงเห็นว่าตัวยาต่างกับครั้งก่อน จึงถามว่า “เหมือนว่าตัวยาจะต่างกับครั้งก่อนนะเพคะ”
“ตัวยาครั้งก่อน ข้าใช้ไปก็ไม่เห็นมีอะไรดีขึ้น ครั้งนี้ก็เลยจะลองใช้ยาแรงขึ้นหน่อย” กู้อ้าวเวยเอามือตบๆ ที่หลังมือของนาง ยัยไง่หงบอกให้นางรอยู่ที่นี่ แล้วตัวนางก็วิ่งออกไป
แต่ถ้าตามที่เมิ่งซู่บอกไว้ วันที่สองฮ่องเต้ก็ส่งคนมาจริงๆ จะพาพวกขุนนางราชทูตของเย่นเจียงไปท่องเที่ยวชมเมือง แต่คนที่ส่งมาสองคนนั้น คนหนึ่งคือ องค์ชายสามซ่านเซิ่งหานที่เพิ่งหายป่วย ส่วนอีกคนก็คือ คุณหนูใหญ่ที่ปฏิบัติงานดีของตระกูลตงฟาง ชื่อว่าตงฟางซวนเอ๋อ
ในตอนนั้น กู้อ้าวเวยก็ใส่ชุดธรรมดาทั่วไป เดินไปพร้อมกับเอาถุงเงินเหน็บสะเอว พอเห็นสองคนนั้นเข้ามาก็นิ่งไป ยู่จือก็ยังไม่กลับมา ใบหน้าก็ต้องทำเหมือนไม่สนใจอะไร แล้วถามว่า “ฝ่าบาทและคุณหนูตงฟางมาหายู่ชีงมีเรื่องอันใดหรือเปล่า?”
“คณะราชทูตของเย่นเจียงเพิ่งมาถึงแคว้นชางหลานของเราเป็นครั้งแรก ฝ่าบาทสั่งให้พวกเราพาพวกเขาไปชมบ้านเมืองสักหน่อย จะได้ชมวิวทิวทัศน์บ้านเมืองเรา” เสียงของตงฟางซวนเอ๋อนั้นนุ่มมาก แต่คนข้างๆ นั้นมองเห็นสายตาที่ขี้อิจฉาของนาง
กู้อ้าวเวยก็กะพริบตา แล้วก็พูดอย่างหน้าเสียว่า “ข้านั้นไม่มีปัญหา แต่พี่สาวข้ายู่จือ นางมีประจำเดือนพอดี เกรงว่า………”
พอพูดถึงจุดนี้ ตงฟางซวนเอ๋อก็เห็นพวกทหารยามข้างๆ หันหน้าหนีไป
คนเย่นเจียงนี่เป็นคนพูดตรงดีจริง เรื่องประจำเดือน ก็กล้าพูดออกมา แม้แต่องค์ชายสามเองก็ก้มหน้าหัวเราะเบาๆ หน้าแหยไปตามกัน
“ตอนนี้นางปวดจนลุกไม่ขึ้น ท่านทั้งสองก็พาคนอื่นๆ ไปก็แล้วกัน ข้ายังต้องไปโรงหมอเสียหน่อย ดูว่าในเมืองเมืองเทียนเหยียนจะมีหมอเก่งๆ ที่ช่วยรักษาดวงตาของข้าได้ไหม” พอพูดไป กู้อ้าวเวยก็จับกระโปรงทำความเคารพ เหน็บถุงเงินให้เรียบร้อยแล้วก็เดินตาหยีไปทางถนนของตลาด
ซ่านเซิ่งหานก็เข้าไปพูดว่า “ในเมื่อแม่นางยู่ชีงเป็นแขกสำคัญของแคว้นชางหลาน ต่อให้เป็นโรงหมอที่ไหน ก็ต้องมีคนคอยอารักขาอยู่เสมอ”
“ตระกูลยู่ของพวกเรา ในสายตาของฮ่องเต้แคว้นเจียงเยี่ยน ก็เป็นเพียงเครื่องมืออย่างหนึ่ง ทุกวันนี้มีชีวิตแย่กว่าชาวบ้านอีก องค์ชายสามมีพระคุณเช่นนี้ ยู่ชีงก็ต้องขอบคุณให้สัก7ส่วน อีก3ส่วนยู่ชีงอยากจะเหลือไว้ใช้ชีวิตส่วนตัวสักนิดหนึ่ง ก็เลยไม่อยากให้มีคนคอยตาม” กู้อ้าวเวยมองไปทางซ่านเซิ่งหานแล้วก็คำนับเบาๆ หัวก็ไม่หันไปมอง นางก็เดินไปทางถนนที่มีฝูงชนมากมาย แต่นางก็ยังเดินอย่างระมัดระวัง ส่วนมากจะก้มหน้าเดิน เพราะกลัวล้ม
ซ่านเซิ่งหานจะพูดอะไรได้ ตงฟางซวนเอ๋อก็หมดปัญญา “ฝ่าบาท ไม่ต้องตามไปเสียทุกฝีก้าวหรอก ให้คนแอบตามนางก็ได้ และอีกอย่าง ป้าให้พวกเราทำ………….”
“บนถนนในตลาด ไม่ต้องพูดก็น่าจะเข้าใจ” ซ่านเซิ่งหานรีบมาตัดคำพูดนาง แต่ใบหน้าก็ยังเต็มไปด้วยกบาล,กระบาลขององค์ชาย ได้ยินดังนั้น ราศี,ราสีฟางซวนเอ๋อก็รู้สึกว่าองค์ชายสามจะทนไม่ได้
นางก็เลยนึกถึงเรื่องข่าวลือขององค์ชายสามและกู้อ้าเวยได้ ในใจก็คิดมาก
พอมานึกดูแล้ว องค์ชายสามเพิ่งเคยพบยู่ชีงครั้งแรก หรือว่าแค่นี้ ก็จะตกหลุมรักนางแล้วหรือ?
พอคิดดู นางก็เริ่มสงสัยว่า กู้อ้าวเวยจะเป็นผู้หญิงที่เก่งกาจอย่างไร
ส่วนทางในตลาด เดินมาไกลหน่อย นางก็นึกขึ้นได้ว่า เมืองเทียนเหยียนไม่เหมือนกับในความทรงจำของนางทีคุ้นเคย ตรงหน้ามีแผงขายของมากมาย และเสียงเจื้อยแจ้วหนวกหู เดิมทีอยากจะมาหาข่าวเรื่องเมื่อก่อนจากที่นี่ เพราะพวกเขาไม่เป็นที่สะดุดตา และไม่มีอันตราย
แต่ตอนนี้ ที่ได้ยิน ได้เห็น มันทำไมถึงเหมือนตลาดทั่วไปเลย
ตอนที่นางกำลังหันตัวอย่างสับสนนั้น ก็ชนเข้ากับคนที่เดินผ่านมา นางมองอะไรไม่เห็น ทำให้นางต้องเงยหน้าขึ้นมองคนตัวใหญ่คนนั้น แล้วพูดเสียงต่ำๆ ว่า “ขอโทษด้วย”
“ขอโทษแล้วมันจะจบเรื่อง งั้นหรือ?” คนข้างหน้าก็โหดขึ้นมา เสียงวุ่นวายด้านข้างก็เริ่มเงียบลง
กู้อ่วเวยเงยหน้าขึ้นเบาๆ “แล้วจะอย่างไร? ถ้าข้าตัดแขนเจ้าหรือหัวเจ้าไปแล้ว ต้องเอาอะไรชดใช้เจ้าไหม?”
กู้อ้าวเวยค่อยเงยหน้าขึ้นมา “ถ้าไม่จบละ? ข้าจะแขนเจ้าหรือหัวเจ้าดี จะให้เหลืออะไรไว้ให้เป็นของทำขวัญไหม?”
ถูกนางตอบโต้เช่นนี้ คนตัวใหญ่นั่นเหมือนว่าจะกำลังลงมือ กู้อ้าวเวยก็ไม่กลัว หยิบเอามีดพกที่โม่ซานให้นางไว้ออกมา มือของนางก็คลำเอามีดพกไว้ และจับมันหมุนอีกครั้ง แล้วเตรียมจะแทงไปทางส่วนท้องของชายตัวใหญ่นั่น
ชายตัวใหญ่นั้นก็หยุดนิ่งไปด้วย แล้วก็ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านข้างว่า “คุณชายน้อยตระกูลฉีมาแล้ว!”
“ถือว่าเจ้าโชคดีไป!” ชายตัวใหญ่นั่นด่าออกมา แล้วก็วิ่งหายตัวไป
กู้อ้าวเวยก็นึกขึ้นได้ว่าฉีหรัวมีน้องชาย ที่นางจำฉีหรัวได้ ก็เพราะว่านางไม่เคยลืมเทียบยาที่จดเลย และนางก็กับฉีหรัวก็ได้ให้เทียบยาไปมากมาย ส่วนน้องชายฉีหรัวนั้น นางไม่ค่อยรู้จัก แต่รู้ว่าคนคนนี้เป็นขาใหญ่ของเมืองเทียนเหยียน แล้วนางก็เก็บมีด พร้อมหันหลังไปดูแผงขายของ “แถวนี้มีร้านยาที่ไหนที่ดีๆ หน่อยบ้าง?”
“ออกจากตรอกนี้ไป แล้วเลี้ยว2ครั้งก็ถึง” สายตาของแม่ค้ามองมายังเสื้อผ้าของนาง แต่ไม่ได้มองหน้านาง แล้วก็แจ๊ะปากถามว่า “คุณหนู ถึงแม้ถนนสายนี้จะเงียบสงบอยู่ แต่ก็ต้องระวังตัวหน่อยนะ มาใช้อาวุธที่นี่มันไม่ค่อยดีนะ”
กู้อ้าวเวยก็หยักหน้า ก็ถามรายละเอียดเส้นทาง แล้วเดินต่อไป
ตอนกำลังก้าวเท้าเดิน ก็มีเสียงนิ่มๆ พูดขึ้นมา “ท่านแม่ คนคนนั้นมีดวงตาขาวโตมาก นางเป็นปีศาจหรือเปล่า!”
“อย่าไปมอง เดี๋ยวตาบอดนะ!” แม่คนนั้นก็พาลูกตัวเองเดินออกไป แล้วก็บ่นว่าวันนี้ไม่ควรออกมา แล้วมาเจอปีศาจ
กู้อ้าวเวยเอามือมาขยี้ตา แล้วก็ถอนหายใจ พร้อมเดินทอดท่องไปข้างหน้าต่อ
“ดวงตาสีขาวนี่ เจ้าก็คือยู่ชีงหรือ?” มีเงาดำของอีกคนมาขวางนางไว้
กู้อ้าวเวยหยุดเดิน แต่ครั้งนี้ไม่ได้หยิบมีด เพียงแต่พยักหน้า “ข้าเอง”