บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 888
บทที่ 888 เรือชมวิว
กู้อ้าวเวยพิงตัวไปที่รถม้า เอนตัวเล็กน้อย ตอนที่ซ่านเซิ่งหานจะเอามือมาดึงนางไปนั้น นางก็พูดขึ้นมา “ราชวงศ์ตระกูลซ่านของพวกเจ้า ช่างเหมือนราชวงศ์แคว้นเจียงเยี่ยนไม่มีผิด ถ้ายังหวังอะไรลมๆ แล้งๆ อีก ก็จะเป็นเพียงของที่ฝังลงดิน มลายสิ้นเป็นปุ๋ยไป ต้นไม้ใบหญ้าก็ไม่งอกงาม เหลือไว้เพียงกองกระดูกขาวโพลน”
เสียงของนางไม่สูงไม่ต่ำ ยู่จือที่อยู่ทางด้านหน้ารถ ก็ได้ยินชัดเจน ก่อนที่ตงฟางซวนเอ๋อจะโมโห ยู่จือกูมุดหน้าเข้ามา “อย่าบ่นอะไรนักเลย ระวังองค์ชายจะตัดหัวเอานะ ถึงแม้จะคิดได้ แต่ก็อย่าพูดตรงๆ ต้องอ้อมค้อมหน่อย รู้หรือเปล่า?”
กู้อ้าวเวยก็ตั้งสติขึ้นได้ แล้วก็เอนตัวลงไปพิงรถม้าดังเดิม แล้วก็เอียงหัวพูดว่า “เจ้ายังจะมาสอนข้าให้อ้อมค้อมอีกหรือ เพราะถึงอย่างไรหัวของคนตระกูลยู่ก็ต้องหลุดจากบ่าอยู่ดี”
“ข้ายังไม่อยากตาย อย่าหาเรื่องมาให้ข้านะ!” ยู่จือถึงขั้นหยิบขนมโยนเข้ามาจากด้านนอกรถ แต่ไม่โดน กู้อ้าวเวยก็อดหัวเราะไม่ได้ แต่ใบหน้าก็ยังแกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ แล้วก็เก็บไหล่ไม่พูดอะไรต่อ
ยู่จือก็กลับเข้ามาในรถม้าอีกครั้ง แล้วก็พยักหน้าให้ยู่หง
ยู่หงก็รู้ ตอนกลางคืนพอถึงท่าเรือแล้ว เขาก็สั่งคนคนหนึ่งให้ไปสลับตำแหน่งโดยไม่บอกใคร ให้ไปยังตำแหน่งที่กู้อ้าวเวยชี้บอกไว้ ยู่จือก็กำลังอยู่กับคนที่ยู่หงแปลงโฉมให้ แต่ตอนที่ไม่มีใครก็ออกอาการขยะแขยง
ตอนที่พวกเขากำลังเตรียมการ กู้อ้าวเวยก็นั่งบนธรณีประตูของท่าเรือ นั่งอยู่บนที่สูง นั่งมองคนงานท่าเรือยกของ คนพวกนั้นก็มองมายังคุณหนูใหญ่แปลกๆ คนนี้ มาอย่างแปลกๆ พอถึงตอนที่สายตานางมองไปอีกทาง ก็มีคนงานท่าทางกำยำมองมาทางนาง แล้วก็แบกของขึ้นเรือไป
คนพวกนั้น น่าจะเป็นคนที่ซ่านจินจื๋อส่งมาให้มาอยู่ข้างกายนาง
ไม่นาน ก็มีคนรับใช้มาพยุงนางลงไป แล้วก็ดันนางขึ้นเรือ พอมาถึงชั้นสองของเรือ กู้อ้าวเวยก็ถูกผลักเข้ามานั่งอย่าง งงงวย ด้านข้างก็มีเสียงนุ่มๆ ของผู้หญิง “คุณหนูจะลองชิมเหล้าดองหวานนี้ไหม?”
กู้อ้าวเวยพยักหน้า ในจมูกก็ได้กลิ่นเครื่องสำอางของผู้หญิง ถึงแม้จะฉุนนิดหน่อย แต่ก็ยังมีกลิ่นหอมอ่อนๆ
มีคนยกมาใฟ้ข้างมือนางหนึ่งถ้วย กู้อ้าวเวยก็มัวแต่กินไป ยู่จือก็เอามือมาตีไว้ ทำให้นางตกใจจนแทบจะเอาช้อนยัดเข้าปาก ก็เลยถามอย่างสงสัย “ทำอะไรเนี่ย?”
“กลิ่นแรงไปหน่อยนะ” ยู่จือเอามือขยี้จมูก แล้วเงยหน้ามองนาง “เจ้าไม่ได้สังเกตหรือว่าองค์ชายสามกำลังจ้องเจ้าอยู่?”
“ข้ามองไม่ชัด” กู้อ้าวเวยขมวดคิ้ว ขยับออกมาเล็กน้อย กลัวว่ายู่จือจะหาเรื่องเล่นอะไรพิเรนออกมาอีก ยู่จือเข้าไปบีบแก้มนาง แล้วก็มองไปยังตงฟางซวนเอ๋อฝั่งตรงข้าม แล้วก็ยิ้มๆ พร้อมดึงมือออกมา แล้วก็ยืนตัวตรงไปก่อเรื่องต่อ
ในสายตาตงฟางซวนเอ๋อ สองคนนี้เหมือนพี่น้องกันมาก
กู้อ้าวเวยอาจจะไม่รู้ แต่ยู่จือรู้ว่าจะทำอย่างไรถึงจะแสดงให้เห็นว่าสองคนมีความสัมพันธ์กันดี
เหมือนที่นางพูดไว้ เรื่องเกี่ยวกับความรู้สึกนั้น กู้อ้าวเวยก็เหมือนกับสมองทึ่ม ไม่รู้อะไร
เรือชมวิวก็แล่นไปตามน้ำ ได้ยินว่าจะต้องล่องเรือไป2วัน พอถึงแล้วก็ต้องนั่งรถม้า ต้องพักรถสองหมู่บ้าน พอมาคิดดู พวกเขาต้องอยู่ด้านนอกเป็นเวลา10วัน กู้อ้าวเวยก็เป็นห่วงซ่านจินจื๋อ ที่อยู่ในเมืองหลวงคนเดียว
เหล้าดองหวานนี้ก็รสชาติดี
กู้อ้าวเวยกำลังวุ่นอยู่กับอาหาร พอถึงตอนบ่ายช่วงฟังดนตรีนั้น นางก็ฟังอย่างไพเราะ แต่ตงฟางซวนเอ๋อก็คุยกับซ่านเซิ่งหานอย่างเมามัน ซ่านเชียนหยวนก็ถือถ้วยเหล้าเข้ามา แล้วนั้งตรงกลางระหว่างกู้อ้าวเวยและยู่จือ เอาถ้วยแรกวางไว้ตรงหน้ายู่จือ อีกแก้ววางไว้ข้างๆ กู้อ้าวเวย แล้วมองหน้านาง “เจ้าก็มีความคล้ายนางอยู่เหมือนกันนะ”
“คำนี้ ข้าได้ยินบ่อยแล้ว ถ้าอ๋องจงผิงอยากจะมาหาเรื่อง ก็เล่นงานมาเลย ถ้ามาใช้คารมปากแดกดันแบบนี้ ถ้าสู้ข้าไม่ได้ จะเสียหน้าเปล่าๆ” กู้อ้าวเวยดื่มเหล้าดองหวานแก้วสุดท้ายลงไป
ซ่านเชียนหยวนมุมปากกระตุก เหมือนกำลังจะพูดอะไรต่อ แต่ก็ได้ยินเสียงของซ่านเซิ่งหานดังเข้ามา “น้องสี่ ทำเช่นนั้นไม่ได้นะ”
ราชทูตเย่นเจียงด้านข้างก็ทนดูไม่ได้ ถึงแม้ตัวตนของยู่ชีงจะไม่ชัดเจน แต่อย่างน้อยก็เป็นราชทูตที่พวกเขาได้รับบัญชาจากฮ่องเต้ให้พามาด้วย ก็เลยพูดกับอ๋องจงผิงว่า “ถ้าอ๋องจงผิงรู้สึกไม่พอใจกับราชทูตเย่นเจียงละก็ ก็สามารถไปพูดกับฮ่องเต้ได้เลย”
“ไม่ถึงขั้นไม่พอใจ แต่แค่อยากจะคุยกับแม่นางยู่ชีง ที่อนาคตอาจจะได้เป็นพระชายาจิ้ง” ซ่านเชียนหยวนหัวเราะยิ้มดึงคิ้วสูง แล้วก็หาที่นั่งลง แล้วพูดกับกู้อ้าวเวยอีกว่า “เจ้าดูเหมือนจะไม่ค่อยสนใจเสียงเพลงพวกนี้นะ ด้านล่างยังมีอะไรสนุกๆ เดี๋ยวข้าจะพอไปดูเอาไหม?”
“น้องสี่!” ซ่านเซิ่งหานรีบปรามไว้
ซ่านเชียนหยวนก็เก็บอาการ กู้อ้าวเวยก็สงสัย “ข้างล่างมีอะไร?”
ได้ยินดังนั้น ราชทูตเย่นเจียงก็รีบพูดว่า “ตระกูลยู่อาศัยอยู่ในป่า ไม่ค่อยได้เห็นสิ่งแปลกใหม่ ถ้าอ๋องจงผิงไม่รังเกียจละก็………”
“นี่มันก็คือจุดประสงค์ของการเที่ยวครั้งนี้ ใต้เท้าทุกท่านไม่ต้องเกรงใจ” ซ่านเชียนหยวนก็ตอบราชทูตเย่นเจียงไปอย่างเหมาะสม แล้วก็เอามือยกมาวางข้างมือกู้อ้าวเวย นางก็เอามือดึงแขนเสื้อเขาลุกขึ้น ยู่จือก็บอกอยากตามไปด้วยอย่างดีใจ
ตงฟางซวนเอ๋อก็ลุกขึ้นด้วย “ให้ข้าไปด้วยคนสิ”
“ดีเลย” ซ่านเชียนหยวนยิ้มๆ ให้ซ่านเซิ่งหานชมเสร็จแล้ว ก็พายู่จือและยู่ชีงลงไปชมด้านล่าง ตงฟางซวนเอ๋อก็ตามพวกนั้นไป คนรับใช้สองคนก็ตามลงไปด้วย ทั้งสองคนมองตากัน
พอออกไปกันหมด เฟิงเยว่คนข้างกายของซ่านเซิ่งหานก็คุกเข่าลง แล้วไปพูดข้างหูว่า “นางไม่เหมือนกับกู้อ้าวเวย ท่านก็ลองจับผิดดูเพิ่มไหม?”
“ตงฟางซวนเอ๋อจะทำได้ดีกว่าข้า” ซ่านเซิ่งหานก็ทำหน้านิ่ง แล้วก็สั่งการไปว่า “ตอนนี้ท่านพ่อกักตัว น้องหกและน้องเก้า ไว้ในจวน ส่วนองค์ชายอื่นๆ ก็อยู่ด้านนอก มีเพียงท่านคนเดียว จะคิดอย่างไรก็ยังไม่รู้ได้ คนที่เจ้าส่งไปก็ระวังตัวหน่อย จะทำอันตรายต่อเสียนเฟยเนี๊ยงเนี๊ยง”
“รับทราบ” เฟิงเยว่พยักหน้า แล้วก็เอาจดหมายลับออกมาจากแขนเสื้อ “กุ้ยมามาถูกดูแลเรียบร้อยแล้ว ไทฮาวก็ไม่สามารถก่อเรื่องได้แล้ว เพียงแต่โลงศพเปล่าของหยูนซีในปีนั้น โลงศพขององค์หญิงหลิงเอ๋อร์ก็ว่างเปล่าเช่นกัน เรื่องนี้ คนแถวนี้ยังไม่ทราบ หาจุดต้นเรื่องสืบค้นได้ยาก”
“เรื่องนี้ยังไม่รีบ ที่สำคัญตอนนี้ก็คือคานอำนาจความสัมพันธ์ของพวกเขา” ซ่านเซิ่งหานพูดเสียงต่ำ พอเสียงเพลงดังขึ้นมา ก็สั่งเฟิงเยว่ว่า “ตระกูลตงฟางตอบรับหรือยัง?”
“ยังไม่ได้ตอบมา แต่ครั้งนี้ที่มาต้อนรับคณะราชทูต ได้ส่งคุณหนูตงฟางมา ก็แสดงให้เห็นถึงความจริงใจ” เฟิงเยว่ทำสายตานิ่งลง แล้วก็ยกมือรินชาให้เขา
ซ่านเซิ่งหานกำม่พูดต่อ แล้วก็ทำสัญญาณทำความเคารพคณะราชทูต
ในใจก็ยังสงสัย ว่ายู่ชีง คือกู้อ้าวเวยหรือเปล่า