บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 894
บทที่ 894 เบาะแสขาดแล้ว
บนต้นไม้ในป่าทึบ ซ่านเชียนหยวนดีดตัวลอยขึ้น หินในมือโยนไปที่หัวไหล่ของคนชุดดำ
คนด้านหน้าคนนั้นร้องตกใจจนเกือบปล่อยผู้หญิงที่อุ้มไว้ตกลงไป ซ่านเชียนหยวนอาศัยจังหวะนี้พุ่งไปข้างหน้า ชักดาบออกมาแทงทะลุขาของเขา ในขณะที่มือข้างหนึ่งคว้าจับผู้หญิงคนนั้นไว้ มืออีกข้างก็คว้าจับคอของเขาแล้วโยนลงพื้น คนที่อุ้มไว้ร้องตกใจ แววตาของซ่านเชียนหยวนที่แดงก่ำเพราะไม่ได้นอนมาทั้งคืนก็โศกเศร้าลง
ด้านหลังมีเสียงลูกนางที่ไล่ติดตามมาอย่างทำอะไรไม่ถูก ซ่านเชียนหยวนยื่นผู้หญิงคนนั้นให้กับคนด้านหลัง แล้วถามว่า “ยังมีร่องรอยคนอื่นอีกไหม”
“ไม่มีแล้ว”ลูกนางพาผู้หญิงคนนั้นไปนั่งลงใต้ต้นไม้ด้านข้าง
ซ่านเชียนหยวนกำหมัดแน่น นวดขมับแล้วพูดว่า “กลับเมืองเทียนซิง”
“แต่แม่นางยู่ชีง……”
“พวกเจ้าแบ่งคนไว้ครึ่งหนึ่งอยู่ตามหาต่อ”ซ่านเชียนหยวนค่อยๆโบกมือ พลิกตัวขึ้นขี่ม้าแล้วจากไป แทนที่จะมาตามหาอย่างไร้จุดหมาย เขากลับไปสืบหาว่าคนอยู่เบื้องหลังต้องการอะไรกันแน่ดีกว่า จากจำนวนคนร้ายที่พวกเขาวางแผนไว้ในเมืองเทียนซิง ก็รู้แล้วว่า พวกเขาต้องเป็นคนแคว้นชางหลานแน่
และการมาในครั้งนี้ตงฟางซวนเอ๋อกับท่านพี่สามเป็นคนจัดการทั้งหมด สองคนนี้มีความน่าสงสัยอยู่ไม่น้อย
เขารีบกลับมายังโรงเตี๊ยมเมืองเทียนซิง แล้วก็เห็นบนหัวยู่จือสวมผ้าโปร่งทอง ในมือถือตะกร้าจิ้งหรีดเดินออกมา ลูกน้องที่ตามอยู่ด้านหลังกำลังจะเดินเข้ามาขวางทางตงฟางซวนเอ๋อไว้ นางจึงพูดว่า “หนอนพิษกู่ตัวนี้ไม่มีพิษ ก่อนหน้านี้ตอนที่ชีวิตของแม่นางยู่ชีงตกอยู่ในอันตราย ได้ใช้หนอนพิษกู่ตัวนี้เข้าไปในร่างกายถึงได้รักษาชีวิตไว้ได้ ตอนนี้ถึงแม้หนอนพิษกู่จะนอนหลับไปแล้ว แต่ก็เอามาลองดูได้”
“ผู้หญิงตระกูลยู่ชำนาญการใช้ยาพิษหนอนแมลง แต่เมืองเทียนซิงนี้มีเพียงคนมีหน้ามีตาเท่านั้นที่จะสามารถมาได้ หากเกิดเรื่องอะไรขึ้น ต่อให้พวกเจ้าเป็นทูตเย่นเจียงก็ชดใช้ไม่ไหว” พูดอยู่เช่นนี้ สายตาของตงฟางซวนเอ๋อมองไปยังทูตเย่นเจียงคนอื่นๆ แล้วพวกเขาต่างก็ยืดอกตรง “แคว้นชางหลานดูถูกชีวิตคนเย่นเจียงของเราถึงเพียงนี้เลยหรือ?”
ทั้งงสองฝ่ายต่างฝ่ายต่างก็ไม่ยอมกัน ยู่จือจึงขมวดคิ้วเดินไปอยู่หลายก้าว แล้วก็ใช้นิ้วมือสะกิดภายในกรงอยู่หลายที “นี่ก็ฤดูใบไม้ผลิแล้วเจ้ารีบตื่นขึ้นมาสิ”
ซ่านเชียนหยวนเดินก้าวยาวๆเข้าไปถามว่า “สามารถหาได้ไหม?”
พูดไปด้วย พร้อมยกมือสั่งให้ทหารอารักขาตงฟางซวนเอ๋อที่ตามอยู่ด้านหลังหยุดรออยู่กับที่ แล้วสายตาก็จ้องเพ่งมองดูตงฟางซวนเอ๋อ “ผู้หญิงตระกูลยู่สองคนนี้ อนาคตอาจจะได้เป็นคนของชินเทียนเจียน(แผนกดูดาว) คุณหนูใหญ่ตงฟางเข้าใจความตั้งใจของฮ่องเต้ไหม”
ตงฟางซวนเอ๋อเอามือกุมบาดแผลไว้แล้วก้าวถอยหลังไปหลายก้าว ถอนหายใจพูดขึ้นว่า “เช่นนี้ จะต้องล่วงเกินคนมีอำนาจในที่นี้เพื่อคนเย่นเจียงคนหนึ่งหรือ? เจ้ารู้ไหมว่าในมือพวกเขามี….”
“คุณหนูใหญ่ตงฟางเจ็บแผลจนพูดจาเลอะเลือนแล้ว” ในตอนนี้ซ่านเซิ่งหานได้พาคนมาเป็นจำนวนมากมาในอีกด้านหนึ่ง ยกมือ “รีบพาคุณหนูใหญ่ตงฟางกลับไปพักผ่อน ส่วนคนอื่นๆช่วยกันค้นหาให้ทั่วเมือง ไม่ต้องคำนึงถึงความเสียหาย”
ตงฟางซวนเอ๋อถูกพาตัวไป ด้วยสีหน้าที่ไม่เต็มใจ
ไม่มีนางมาขัดขวางแล้ว ยู่จือค่อยพูดกับซ่านเชียนหยวนด้วยเสียงเบาว่า “ตอนนั้นนางแทบเอาชีวิตไม่รอด ข้าจึงใช้พิษหนอน แต่พิษหนอนนี้ค่อนข้างขี้เกียจ มีชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ตอนนี้จะตามหาให้เจอก็ค่อนข้างยาก”
ซ่านเชียนหยวนยืนปกป้องนางอยู่ด้านข้าง แล้วก็มองดูกรงนั้นอย่างละเอียด “ทำไมก่อนหน้านี้เจ้าไม่ใช้?”
“เจ้าคิดว่าพิษหนอนนี้สามารถดมกลิ่นอีกตัวได้ง่ายๆขนาดนั้นหรือ เช้าวันนี้เพิ่งมีปฏิกิริยา ไม่น่าอยู่ไกล” ยู่จือกลอกตามองบน
ซ่านเซิ่งหานยืนมองอยู่ไม่ไกล มีเงาร่างหนึ่งปรากฏอยู่ไม่ไกลจากด้านหลังของเขา ตอนที่เฟิงฉีนโดดลงมาถึงภายในเรือนอย่างมันคง ยู่จือก็ได้นำหนอนพิษกู่เดินมาทางด้านนี้ พวกทหารอารักขาภายในเรือนต่างก็ออกมาจากในมุมต่างๆ เฟิงฉีนถามขึ้นว่า “คุณหนูตื่นอยู่หรือเปล่า?”
“ทานยาไปแล้ว สักพักก็คงจะนอนหลับ”
“เดินทางทางน้ำจัดเตรียมเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”คิ้วเฟิงฉีนกระตุกอยู่ตลอด รู้ว่าเวลาไม่ถึงหนึ่งธูป ยู่จือก็จะสามารถตามมาถึงที่นี่ได้
“จัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว” สาวใช้ที่รับมือกับพวกทหารก่อนหน้านี้กระโดดออกมา กระซิบพูดอะไรบางอย่างข้างหูเฟิงฉีน นางค่อยโล่งอก สั่งให้ทุกคนดึงผ้าทั้งหมดลงมา หลังจากราดน้ำมันเชื้อเพลิง แล้ววางไว้บนชายคาหรือผนังที่ไม่สะดวกในการจุดไฟ
ตัวเองกระโดดเข้าไปในห้อง ลากดึงคนที่ครึ่งหลับครึ่งตื่นอยู่ขึ้นมา กู้อ้าวเวยรีบลืมตาขึ้น แล้วก็มองเห็นไฟลุกไหม้ไปทั้งเรือน นางดิ้นรนแต่แล้วก็ถูกเฟิงฉีนจับไว้ยิ่งแน่น “คุณหนู เกรงว่าต้องลำบากท่านแล้ว”
“อะไร…..”
กู้อ้าวเวยถูกดึงขึ้นไปอยู่บนกำแพง ถึงค่อยพบว่าด้านหลังเรือนนี้มีแม่น้ำอยู่หนึ่งสาย ส่วนด้านหน้าเรือนถูกไฟไหม้ไปจนหมด เสียงมอดไหม้ดังไปทั่วทั้งเรือน เฟิงฉีนจับนางไว้แล้วก็หลบอยู่ในใบไม้ด้านข้างกำแพง มือข้างหนึ่งปิดปากของนางไว้ เหมือนกำลังมองหาสิ่งของอะไรบางอย่างในน้ำ
ยู่จือกับซ่านเชียนหยวนที่อยู่อีกด้าน มองดูไฟลุกไหม้ทางด้านนี้อย่างไม่อยากเชื่อ เมื่อพวกเขาผลักประตูเข้ามา ตรงหน้ามีบ่าวใช้ตัวปลอมมากมายกำลังดับไฟอยู่ ยังตะโกนพูดว่ามีคนราดน้ำมัน อย่ากีดขวางทางพวกเขา
กู้อ้าวเวยมองดูเพลิงไฟอย่างค่อนข้างตะลึง เฟิงฉีนกลับจับไหล่ของนางแล้วพานางกระโดดลงไปตกลงไปในน้ำพร้อมกันอย่างแรง เมื่อมีน้ำบางส่วนไหลเข้าไปในหู คนบนฟังร้องตะโกนอยู่ มีความทรงจำบางอย่างผุดขึ้นมาในสมอง นางยังจำได้ว่าตรงท่าเรือถูกไฟไม่ไปแล้วทั้งหมด ไฟลุกไหม้อย่างไม่สามารถดับได้ หลังจากนั้นก็มีน้ำก็ไหลเข้าไปในหู ไปเข้าไปในทุกส่วน เหลือไว้เพียงความมืดมน
ซ่านเชียนหยวนฝ่าฝูงคนมาถึงด้านหลังเรือน กระโดดขึ้นไปบนกำแพงแล้วก็เห็นเพียงแม่น้ำสายนั้น พูดขึ้นอย่างโมโหว่า “ตามหาไปตามสายน้ำ นางหนีไปได้ไม่ไกล”
ยู่จือที่รีบตามมา โกรธจนกระทืบเท้า “คิดไม่ถึงว่าพวกนางจะหลบไปอยู่ใกล้แค่นี้ ทหารของพวกเจ้าทำไมถึงได้โง่อย่างนี้ ค้นหาตั้งหลายรอบขนาดนี้ก็ยังหาไม่เจอหรือ”
ซ่านเชียนหยวนที่ถูกด่า สีหน้าเคร่งเครียดมาก
เขาไม่รู้เหตุผลข้อนี้ดีหรือ แต่ตอนนี้คนที่มีปัญหาคนนั้น เป็นตงฟางซวนเอ๋อหรือซ่านเซิ่งหาน ก็มีแค่พวกเขาสองคนที่สามารถทำอะไรกับพวกทหารได้
พาคนลงไปดำน้ำตามหา ซ่านเซิ่งหานพาตัวยู่จือกลับมายังที่พักคนเดินทาง แล้วเล่าเรื่องให้ซ่านเซิ่งหานรู้ เขาตบโต๊ะลุกขึ้นทันทีพร้อมพูดว่า “ทำไมถึงเป็นเช่นนี้ อำนาจในมือของคนที่อยู่เบื้องหลังยื่นมาถึงภายในเราได้เลยหรือ”
ซ่านเชียนหยวนสังเกตท่าทีของซ่านเซิ่งหานอยู่เงียบๆ แล้วพูดว่า “แต่เรื่องนี้ยังไงต้องกลับไปรายงานเมืองเทียนเหยียน เราเสียเวลามาสองวันแล้ว ท่านพี่สามกลับไปก่อน…..”
“ข้าอยู่ตามหาต่อ เจ้ากลับไปรายงาน” ดวงตาซ่านเซิ่งหานแดงก่ำ มือข้างหนึ่งวางค้ำอยู่บนริมโต๊ะ มืออีกข้างหนึ่งนวดหว่างคิ้วอยู่อย่างทุกข์ทรมาน “ในเมื่อหากคนของข้ามีปัญหา ต่อให้กลับไป….”
ในใจซ่านเชียนหยวนค่อยๆโล่งอก รีบก้าวเดินไปข้างหน้าพร้อมพูดว่า “ท่านพี่สาม อย่าลืมว่าท่านกลับไปเมืองเทียนเหยียนแล้วยังมีธุระต้องทำ ที่นี่มอบให้ข้าเถอะ”
“ข้าก็ใจอยู่สืบหาต่อ” ยู่จือไม่ยอมที่จะปล่อยให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆแบบนี้