บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 900
บทที่ 900 ยุ่งไม่เข้าเรื่องมากเกินไป
ซ่านเซิ่งหานเมื่อออกมาจากพระตำหนักของฮ่องเต้ ก็มองเห็นรถม้าของลงเตี้ยมคันนั้นที่ตรงหน้าประตูไกลออกไป เดิมคิดว่าเป็นยู่จือกับขุนนางทูตของเย่นเจียงเข้ามาถามเรื่องเมืองเทียนซิงในก่อนหน้านี้ แต่เขากลับมองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งแต่งกายด้วยชุดธรรมดาจากระยะไกลที่ล้อมรอบไปด้วยบรรดานางกำนัลในวังกับขันที มีนางกำนัลหลายคนเดินไปด้วยคลุมเสื้อคลุมให้นางไปด้วย รวบผมยาวยุ่งๆไว้อย่างเร่งรีบ
กู้อ้าวเวยเองก็มองเห็นซ่านเซิ่งหานจากระยะไกลเหมือนกัน หลังจากปฏิกิริยาที่ตกใจก็คือการเช็ดดวงตาสีแดงก่ำ ตอนที่มาถึงตรงหน้าซ่านเซิ่งหานก็เหลียงมองเพียงแว๊บเดียว กลับถูกซ่านเซิ่งหานพูดห้ามขึ้นว่า “รอก่อน”
กู้อ้าวเวยหยุดฝีเท้า จับมุมปลายเสื้อคลุมด้านหนึ่งแล้วหันมา
ดวงตาสบตากัน ซ่านเซิ่งหานมองดูดวงตางดงามคู่นั้น เหมือนกับของยู่ชีงไม่มีผิด ตอนนี้ดวงตาค่อนข้างแดง ดูแล้วก็ค่อนข้างน่าสงสาร และในใจของเค้าก็มีความลังเล สุดท้ายก็อดทนไม่ไหวพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เรื่องหยุนหว่านฮูหยิน เจ้าไม่ต้องเป็นห่วง…”
“องค์ชายสามไม่รู้สึกว่าตัวเองยุ่งไม่เข้าเรื่องมากเกินไปหรือ?” กู้อ้าวเวยพูดตัดบทเขา สายตาเยือกเย็นลง หันกายเล็กน้อย แต่ก็ทำให้มีลมหนาวพัดผ่าน จะทำให้ในใจซ่านเซิ่งหานตกตะลึง
ท่าทีเคลื่อนไหวเล็กน้อย ซ่านเซิ่งหานกลับยกมือขึ้น “เห็นทีว่าข้าจะล้ำเส้นเกินไปแล้ว ระหว่างเจ้ากับข้าไม่มีความหมายอะไรเลย?”
“หากระหว่างกับเจ้ายังเกี่ยวข้องอะไรกัน จะเป็นที่น่ารังเกียจมาก” ทิ้งคำพูดนี้ไว้อย่างเยือกเย็น กู้อ้าวเวยหันหลังจากไปด้วยดวงตาที่ยังคงยิ้มให้กับซ่านเซิ่งหาน เดินขึ้นรถม้าของโรงเตี้ยมนั้นแล้วค่อยๆจากไป
เขายืนอยู่กับที่เป็นเวลาเนิ่นนาน จนขันทีที่อยู่ด้านข้างเดินมากระซิบพูดขึ้นว่า “หากองค์ชายสามยังไม่กลับ ประตูวังจะปิดแล้ว….”
“ไปเถอะ” ซ่านเซิ่งหานได้สติกลับมา แล้วก็กลับจวนไป
สิ่งแรกที่ทำเมื่อกลับมาถึงจวน ก็คือให้คนนำจดหมายหนึ่งฉบับไปให้กับเฟิงฉีน ให้นางดูแลกู้อ้าวเวยให้ดี ส่วนอีกเรื่อง ก็คือให้นางคิดหาหนทางพากู้อ้าวเวยกลับมายังเมืองเทียนเหยียน ตอนนี้ยังไม่ต้องเล่นเรื่องอื่นๆให้นางฟัง
ข้อความในจดหมายมีรายละเอียดอย่างชัดเจนแล้ว
ส่วนตอนนี้เมืองเทียนซิง มีฝนตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย น้ำไหลเชี่ยวจนไม่สามารถเดินทางทางน้ำได้ ในป่าก็เปียกชื้นไปทั้งหมด
เรือนเล็กภายในป่าได้ตูนเสบี่ยงไว้มาก แต่ขาดฟืนไม้ที่แห้ง ทำยังไงก็ไม่สามารถกำจัดความชื้นภายในห้อง เฟิงฉีนตากฝนมารับจดหมาย ตอนที่กลับมาเสื้อผ้าเปียกไปแล้วทั้งหมด ปิดแนบชิดอยู่กับกาย ในมือยังหอบฟืนแห้งกับผลไม้
กู้อ้าวเวยถูกขังไว้ในห้องเล็กๆที่ไม่มีแม้แต่หน้าต่าง รอจนเมื่อเฟิงฉีนกลับมาแล้วค่อยออกมา ในหูได้ยินเสียงฝนตกอยู่ตลอด นางงมองดูเฟิงฉีนวางสิ่งของเรียบร้อยแล้ว พร้อมพูดขึ้นว่า “คุณหนู พวกเรายังจะต้องกลับไปยังเมืองเทียนเหยียนอีกครั้ง”
“พวกเจ้าจับตัวข้ามา ตอนนี้ยังจะส่งข้าไปยังปากเสืออีก นี่ช่างขัดแย้งกันจริงๆ” กู้อ้าวเวยพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย พร้อมยกมือรินน้ำชาให้กับตัวเอง
“ไม่ใช่เป็นความขัดแย้ง พาท่านกลับไป แค่อยากให้ท่านได้เห็นธาตุแท้ของท่านอ๋องจิ้ง การไปเมืองเทียนเหยียนในครั้งนี้ ก็เพื่อหยุนหว่านฮูหยินด้วย” เฟิงฉีนท่องจำทุกอักษรในจดหมาย น้ำเสียงค่อนข้างแข็งทื่อ “หากท่านสามารถกลับไปคลายปมในใจของฮ่องเต้เมืองเทียนเหยียนได้ ฮ่องเต้ก็จะได้ปล่อยท่านกับหยุนหว่านฮูหยิน ยิ่งไปกว่านั้นในสำนักแคว้นชางหลาน ยังมีคนของตระกูลหยุนอยู่ไม่น้อย หากฮ่องเต้โกรธเคืองขึ้นมา….”
หยุดอยู่ตรงนี้ แล้วก็ไม่พูดต่อ
ในใจกู้อ้าวเวยรู้สึกค่อนข้างเบื่อหน่าย แต่ก็เพียงแค่พยักหัว “ก็ดี ออกเดินทางไปเลยไหม”
“แต่ตอนนี้มีฝนตกอยู่ตลอด หากระหว่างทางเกิด…” เฟิงจือพูดไม่ออก แววตากลับดูดีใจ มองดูท่าทีกู้อ้าวเวยที่ไม่สะทกสะท้าน ทำให้นางไม่ต้องพูดโน้มน้าวอะไรมาก
“ฝนนี้ดูท่าแล้วก็ไม่น่าจะหยุดตกในเร็ววัน ไปวันนี้หรือรออีกหลายวันก็มีค่าเท่ากัน ไม่มีอะไรแตกต่างกัน แต่ว่าระหว่างทางจะต้องเปลี่ยนม้าหลายตัว” กู้อ้าวเวยดื่มน้ำอีกแก้ว สีหน้าดูแย่กว่าปกติเล็กน้อย บรรยากาศที่มีฝนตกทุกวัน ขาทั้งสองข้างก็เจ็บปวดขึ้นมาอย่างไม่สามารถควบคุม ทรมานอย่างมาก
เฟิงฉีนสังเกตดูสีหน้าของกู้อ้าวเวย รีบหยิบเอาที่คลุมเข่าสองอันมายื่นให้ “นั่งคุกเข่าอยู่บนกองหิมะหลายคืนหลายวัน จะต้องดูแลรักษาให้ดี”
มือกู้อ้าวเวยหยุดชะงัก สายตามองดูเฟิงฉีนอย่างแปลกประหลาด แล้วก็หรี่ตาลงไม่พูดอะไร
“รอถึงวันที่สองฝนเริ่มตกน้อยลง เฟิงฉีนไปซื้อม้าอย่างดีสองตัวมาลากรถจากในเมืองทั้งคืน กู้อ้าวเวยขึ้นไปบนรถม้าแล้วก็ไม่ขยับเคลื่อนไหวอีก ขดตัวอยู่ตรงมุมแล้วก็ใช้ผ้าห่ม ห่มขาทั้งสองข้างไว้ ดวงตาเหม่อลอย ดูแล้วก็เหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่”
ต้องใช้เวลาในการเดินทางเจ็ดแปดวัน บวกกับเพราะมีฝนตกจึงต้องบวกเพิ่มอีกสองสามวัน เฟิงฉีนเลือกเดินเส้นทางหุบเขาที่ไม่มีลงเตี้ยม รถม้ากระแทกไปมา เมื่อกำลังผ่านหุบเขา เมื่อสามารถมองเห็นหมู่บ้านด้านล่างเขาจากไกลๆ ก็ใด้ยินเสียงดังมาจากข้างในป่า เฟิงฉีนเห็นเป็นเรื่องปกติ กู้อ้าวเวยกลับดึงเปิดม่านแล้วมองไปรอบๆ “เจ้าได้ยินอะไรไหม?”
“น่าจะเป็นสัตว์ป่าที่กำลังหลบฝนอยู่” เฟิงฉีนพูด
กู้อ้าวเวยหดกลับไปอย่างงเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่เสียงนี้ก็ค่อยๆใกล้เข้ามา แล้วก็ได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งร้องเรียกให้ช่วยเหลือ เฟิงฉีนเห็นเป็นเรื่องปกติไม่คิดที่จะไปดู ส่วนกู้อ้าวเวยกลับเดินลงมาจากรถม้าอย่างกล้าหาญ เส้นผมตากฝนจนเปียกหมด สักพักแล้วก็ตีขาของเฟิงฉีน ชี้ไปทางด้านหนึ่ง “อยู่ที่นั่น”
เฟิงฉีนไม่รู้จะทำยังไง “ค่ำมืดแล้ว หากผู้หญิงคนนั้นตกลงมาจากเขาก็จะต้องไม่สามารถมีชีวิตรอดแน่”
พูดเสร็จ แล้วนางก็มองดูหน้าผาที่แหลมเหมือนดั่งมีด้านข้างแว๊บหนึ่ง แล้วก็ไม่เห็นด้วย
“นางยังสามารถร้องตะโกนได้ แสดงว่ายังมีความหวัง” กู้อ้าวเวยคว้าถือบังเหียนไว้ในมือของนางด้วยสีหน้าจริงจัง พร้อมพูดด้วยเสียงเยือกเย็นว่า “พาข้าไป”
เฟิงฉีนมองดูนางแล้วถือบังเหียนไว้ยิ่งแน่น แล้วก็ลากดึงเชือกให้รถม้าหยุดอยู่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่งด้วยตัวเอง ส่วนมืออีกข้างกำลังจะไปหยิบเสื้อกันฝนที่ทาจากหญ้า กู้อ้าวเวยกลับกระโดดลงมาแล้ว หรี่ตาเดินตรงไปยังในป่า เฟิงฉีนจึงต้องหันตัวติดตามไปอย่างใกล้ชิด
เสียงยิ่งอยู่ก็ยิ่งใกล้ แต่เพียงสักพัก ทั้งสองคนก็เห็นคุณยายที่อยู่ในป่า นางนั่งอยู่บนกองใบไม้แห้งด้วยสีหน้าซีดเซียว ตะกร้ายาด้านหลังถูกดึงออกจากกันทั้งหมด ถ้าทั้งคู่กับแขนข้างหนึ่งเต็มไปด้วยเลือด กู้อ้าวเวยรีบวิ่งเข้าไป ได้ตรวจดูก่อนว่ากระดูกของนางหักหรือไม่ แล้วค่อยเช็ดน้ำฝนบนใบหน้า ยื่นมือจับดูขาทั้งสองข้าง “พานางไปยังรถม้า บาดเจ็บภายนอกเพียงเล็กน้อย เท้าขวาหักแล้ว ตอนที่อุ้มให้ระวังหน่อย”
เฟิงฉีนสูดหายใจเข้าลึกๆหนึ่งที แล้วก็อุ้มคุณยายขึ้นมา ในหูได้ยินเพียงเสียงคุณยายทั้งร้องไห้ทั้งพูดขอบคุณ กู้อ้าวเวยเกาะไหล่เฟิงฉีนกลับมาอย่างระมัดระวัง
เอาคนวางเข้าไปในรถม้า กู้อ้าวเวยรีบจัดการรักษาบาดแผลให้นาง พร้อมสั่งเฟิงฉีนว่า “เบาๆหน่อย”
“ได้” เฟิงฉีนปัดน้ำบนใบหน้า รู้สึกว่ากู้อ้าวเวยคนนี้ยุ่งเรื่องไม่เป็นเรื่องมากเกินไป
ส่วนคุณยายในรถม้า กลับยกมือทั้งคู่ขึ้นพูดว่าปาฏิหาริย์มีจริง แล้วมองดูกู้อ้าวเวย “แม่นางเป็นคนใจดี ต่อไปจะต้องได้เจอแต่สิ่งดีๆ”
“คุณยาย ฝนตกหนักขนาดนี้ ท่านมาทำอะไรในป่า?” กู้อ้าวเวยเบี่ยงเบนความสนใจของนางไปด้วย แล้วก็ใช้มือตรวจดูให้แน่ใจว่ากระดูกของนางตรงส่วนไหนยังเคล็ดยอกอยู่หรือเปล่า
คุณยายนั่นไออยู่สองครั้ง พูดน้ำเสียงแหบแห้งว่า “สองวันก่อนลูกชายของข้ามาตัดฟืนแล้วขาพลิก ตอนที่กลิ้งลงมาทำให้ตาบอด ไปยินหมอในหมู่บ้านพูดว่าที่นี่มียาสมุนไพร ยังพูดอีกว่าดวงตานี้หากได้รักษายิ่งเร็วก็ยิ่งดี ข้าจึงขึ้นมา….”
ยาสมุนไพรรักษาดวงตา?
กู้อ้าวเวยแอบจำไว้ พร้อมหัวเราะพูดขึ้นว่า “มีแม่อย่างท่าน ถือเป็นบุญของลูกชายท่าน”
มือกลับออกแรง ทำให้กระดูกกลับสู่สภาพเดิม เฟิงฉีนได้ยินเสียงคุณยายในรถม้าที่ร้องเจ็บปวดอย่างที่สุด จนเกือบตกลงไป ในใจก็สั่นตามไปด้วย กู้อ้าวเวยเองก็ลงมือหนักมาก