บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 91
ตอนที่ 91 ฉีเฟยข่มขู่
ถูกกุ่ยเม่ยที่ปรากฏขึ้นตรงหน้าทำให้ตกใจเสียจนสะดุ้ง
กู้อ้าวเวย แค่ตะลึงเพียงเล็กน้อยจากนั้นก็กวักมือขึ้น : “ยังไม่ดึกเลย เรามากินอะไรกันก่อนสักถ้วยมั้ย ข้ายังไม่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเจ้าเลย”
“ข้าน้อยมิอาจจะนั่งร่วมโต๊ะกับเจ้านายได้” กุ่ยเม่ยยืนกรานเช่นนั้น แล้วอุ้มพุทรายืนอยู่ด้านข้าง
“แม่นาง นี่คือบะหมี่น้ำใสของท่าน” เฒ่าแก่ร้านบะหมี่อีกฝั่งยกบะหมี่น้ำใสร้อนๆชามใหญ่มาเสริฟไว้ตรงหน้านาง ยิ้มเล็กๆมองไปที่กุ่ยเม่ยแล้วถามว่า “พ่อหนุ่ม จะกินอะไรดีล่ะ?”
“เขาอุ้มแมวอยู่ กินไม่ได้” กู้อ้าวเวยพูดแล้วก็จัดการกินบะหมี่เกี๊ยวน้ำชามนั้นเสีย
กุ่ยเม่ยได้แต่มองอยู่ข้างๆตั้งแต่แต่ต้นจนจบ ได้แต่รอกู้อ้าวเวยกินข้าวเมาเหล้าจนอิ่มท้อง นางถึงจะตามกุ่ยเม่ยกลับไป เมื่อเห็นช่างเย็บผ้า2คนเดินเข้ามา ต่างก็มีท่าทางเอาอกเอาใจ เข้ามาวัดตัวนางแล้วก็รีบเดินจากไป
นางหายใจเข้า แล้วหาบันไดสะอาดๆนั่งลง ถามชิงต้ายว่า “เจ้าไปสั่งตัดเสื้อผ้ากี่ร้านกันแน่ ทำไมถึงต้องวัดตัวตั้ง2ครั้ง2ครา”
“ก็มีร้านใหญ่สุดทางทิศเหนือของเมือง อีกร้านข้าก็ไม่รู้เหมือนกัน ” ชิงต้ายส่ายหัวด้วยความประหลาดใจ
หยินเชี่ยวก็ไม่รู้ว่าจะมาตอนไหน แล้วก็ให้พุทรากระโดดใส่อกอย่างสบายใจ สนุกสนานเฮฮา “คุณหนู เมื่อครู่ ฉีเฟยลูกสาวคนโตของจวนฉีมาหา บอกว่าจะเชิญคุณหนูไปกินมื้อเที่ยงด้วยกันที่ร้านอาหารป่ายเว่ย”
“หรอ” กู้อ้าวเวย เบ้ปาก ไม่รู้ว่าฉีเฟยคนนี้อยากจะทำอะไรกันแน่
“คุณหนูใหญ่เป็นคนเย่อหยิ่งแต่ไหนแต่ไร น่าจะเป็นเพราะว่าคุณหนูไปพูดอะไรแทงใจดำเข้า ครั้งนี้จะเสียมารยาทเหมือนก่อนไม่ได้แล้วนะ” ฉีหรัวก็นั่งที่ขั้นบันไดเช่นเดียวกับนาง มีความ เข้าเมืองตาหลิ่ว หลิ่วตาตาม ทำตามผู้อื่นบ้าง
เอามือเท้าคาง กู้อ้าวเวย แค่พยักหน้า
ได้แต่หวังว่าผู้หญิงรอบข้างจะเรียบง่ายหน่อย ถ้าเป็นเหมือนหยินเชี่ยวจะดีมากเลย
นางป่วยยังไม่หายดี วันนี้เปลี่ยนเป็นชุดที่หนาขึ้นมาหน่อย ตอนที่มาร้านอาหารป่ายเว่ย พนักงานก็กรูกันเข้าไปเชิญนางขึ้นมาชั้นบน ฉีเฟยก็ยังคงมีความงามดึงดูดคนเช่นเดิม เครื่องสำอางบนใบหน้าดูเหมือนจะหนาและเข้มกว่าปกตินิดหน่อย รอบข้างมีผู้คนหันมามองกันไม่น้อย
เมื่อลบขอบตาที่ปัดอย่างกับสีลูกท้อออก กู้อ้าวเวยก็นับว่าเป็นสาวงามนางหนึ่ง มองแล้วสบายตา ถ้าเพิ่มดวงตาที่เป็นประกายคู่นี้เข้าไป จะทำให้สะดุดตาคนมองแน่นอน
แต่ฉีเฟยกลับเป็นสาวงามที่มีความงามแบบมองแวบเดียวแล้วรู้สึกเหมือนนางมาร แต่นางก็ดูสง่างามมาก
ทั้งสองคนนั่งลงริมหน้าต่าง นับว่าเป็นวิวที่ไม่เลว แต่ทว่า มีคนรู้น้อยมาก ว่ากู้อ้าวเวยเป็น พระชายาจิ้ง
“พระชายา…”
“อยู่ด้านนอกเรียกข้าว่าแม่นางก็พอแล้ว” กู้อ้าวเวย ยิ้มเล็กๆ ปลายจมูกเริ่มแดงนิดๆ
ฉีเฟยตะลึงเล็กน้อย หัวเราะเล็กๆแล้วพูดว่า “แม่นางกู้ เจอกันครั้งก่อน ข้ามีความรู้น้อย เลยทำให้แม่นางไม่สมหวัง วันนี้ก็เลยมาขอไถ่โทษ”
“มีความผิดเสียที่ไหน ตอนนั้นข้าก็เพราะว่าป่วยอยู่ ก็เลยอารมร้อนไปหน่อย คุณหนูฉีไม่ต้องเก็บมาใส่ใจหรอก” กู้อ้าวเวย ถอนหายใจเบาๆ แล้วทำท่าไหล่ตก มีคนพูดอ้อมค้อมชักแม่น้ำทั้งห้า เพิ่มมาอีกคนเสียแล้ว
ทั้งสองคุยไปคุยมาสักพักนึง ฉีเฟยถึงจะพูดเข้าเรื่อง : “ก่อนหน้านี้ได้ยินว่าแม่นางกู้รู้สึกดีกับน้องๆของข้า เพราะเหตุนี้หรือเปล่า ก็เลยตั้งใจจะกลั่นแกล้งข้า”
“ข้าก็แค่พูดไปตามจริง ถ้าข้าเห็นแก่ความสัมพันธ์ของฉีหลิน ก็คงไม่พูดแบบนั้นต่อหน้าพ่อของเขา ก็แค่พูดไปตามสถานการณ์ ” กู้อ้าวเวย เงยหน้าขึ้น ดวงตาสีลูกท้อจิกไปที่ฉีเฟยจนนางต้องรีบก้มหน้าลงดั่งมีความผิด
กู้อ้าวเวยดูเป็นคนตรงไปตรงมา แต่เวลาพูดก็มีความมั่นใจเหมือนกัน
สักครู่นึง ฉีเฟยดูเหมือนว่าจะดึงอารมณ์กลับมาได้แล้ว เลยเงยหน้าขึ้น : “ถ้าเช่นนั้น แม่นางกู้พอจะให้โอกาสข้าสักครั้งหนึ่งไหม ให้ข้าพาเจ้าเดินชมสำนักเยียนหยู่เก๋อ”
“รอข้าหายป่วยก่อนแล้วค่อยนัดเวลาใหม่ แต่ข้ารู้สึกแปลกใจมาก เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าต้องไปหาข้าที่ร้านยาเหย้า แต่ไม่ไปหาข้าที่ตำหนักอ๋อง” หลังจากกู้อ้าวเวยถามออกไป ดูเหมือนว่าอาหารมื้อนี้จะไม่อร่อยเสียแล้ว
เวลานี้ ฉีเฟยหาข้อแก้ตัวไม่ได้
นางต้องให้คนสะกดร้อยตามฉีหลินแน่นอน เพราะว่าเมื่อคืนฉีหลินพักที่ร้านยาเหย้าทั้งคืน ฉีเฟยต้องให้คนสะกดรอยฉีหลินแน่ และก็รู้อีกว่าเมื่อคืนนางก็กลับไปร้านยาเหย้าเช่นกัน
คำถามนี้ดูเหมือนว่าจะตรงประเด็นมาก
ฉีเฟยดูเหมือนว่าจะกลับกลายเป็นคนละคน นางยืดอกขึ้นแล้วหัวเราะเล็กๆ : “เมื่อวานพระชายาไปพักที่ร้านยาเหย้า แต่ไม่ใช่ตำหนักอ๋อง ดูท่าทางจะเป็นดั่งเช่นข่าวลือที่เขาว่ากัน แม่นางกู้ไม่ได้รับการโปรดปราน อีกอย่างดูจากเรื่องที่ตกลงกันเมื่อวานนี้ แม่นางกู้คงไม่อยากจะตกเป็นหมากให้คนอื่นเล่นเกมส์หรอกนะ”
“ไม่คิดว่าเจ้าจะพูดออกมาตรงๆ” กู้อ้าวเวยส่ายหัวอย่างทำอะไรไม่ถูก : “คุณหนูฉีฉลาดหลักแหลมสมคำร่ำลือ แต่เจ้าพูดเช่นนี้ คืออยากเอาเรื่องนี้มาข่มขู่ข้าหรือว่าอะไรกันแน่?”
“แม่นางกู้จะคิดว่าอย่างไรก็แล้วแต่ ข้าก็แค่พูดไปเรื่อยๆ ขอแค่แม่นางกู้ยอมช่วยเหลือข้า ข้าก็ยอมที่จะช่วยเหลือแม่นางกู้เช่นกัน จิตใจผู้ชายหรือจะมาสู้จิตใจผู้หญิงอย่างเรา” ฉีเฟยยิ้มขึ้น และสายตาคู่นั้นก็มีความร้ายมากขึ้น
“ถ้าเป็นอย่างที่พูดมา คุณหนูฉีอยากจะช่วยข้าเอาชนะใจท่านอ๋องหรือ?”
“เป็นเช่นเจ้าพูดนั่นแหละ” ฉีเฟยพยักหน้าอย่างตั้งใจ
กู้อ้าวเวย หุบรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว มองไปที่นางอย่างเย็นชา “ถ้าเจ้ามีความสามารถดั่งว่ามา ข้าก็คงไม่ได้นั่งตำแหน่งพระชายาหรอก แต่เป็นเจ้าต่างหากที่ได้”
“ในเมื่อเจ้าไม่ให้ความร่วมมือเช่นนี้ ที่ข้านี้ยังมีข้อมูลอะไรเล็กๆน้อยๆที่น่าสนใจอยู่บ้าง” ฉีเฟยกลับไม่รู้สึกตกใจอะไรแม้แต่เล็กน้อย ทั้งยังกดเสียงให้ต่ำแล้วพูดต่อไปว่า “ท่านอ๋องเคยเอาเลือดหัวใจของเจ้าไปให้ซูพ่านเอ๋อ แต่วันนี้เจ้ากลับรักท่านอ๋องเช่นเดิม แต่ไม่ได้ท่านอ๋องกลับคืนมา หรือว่าเจ้าไม่อยากจะให้ข้าเข้าไปช่วยอีกแรง?”
กู้อ้าวเวยตัวแข็งทื่อ ฉีเฟยรู้เรื่องนี้ได้อย่างไรกัน?
เมื่อกลับมาคิดดู ในเมื่อสำนักเยียนหยู่เก๋อกับท่านอ๋องรู้นอกรู้ในกันมาตั้งนานแล้ว ถ้าอย่างนั้นท่านอ๋องสามารถได้รับข้อมูลจากสำนักสำนักเยียนหยู่เก๋อ แล้วสำนักเยียนหยู่เก๋อจะไม่ได้ข้อมูลจากจวนอ๋องรึ?
แต่ว่า กล้าที่จะเอาเรื่องในจวนอ๋องมาข่มขู่ ฉีเฟยคนนี้ช่างบังอาจมาก
“ข้าไม่อยากแข่งให้ท่านอ๋องมารัก คุณหนูฉีมองข้าผิดไปแล้ว” กู้อ้าวเวยหัวเราะอย่างเย็นชา
“ไม่อยากก็ไม่อยากสิ แต่ถ้าข้าเอาเรื่องนี้ไปบอกกับคนอื่น เจ้าคิดว่าท่านอ๋องจะทำอย่างไรกับเจ้า? เกรงว่าจะคิดว่าเจ้าไปคนเอาข่าวไปบอกคนอื่น ส่วนซูพ่านเอ๋อก็เป็นเสี้ยนหนามของฮ่องเต้มานานแล้ว แต่รู้เรื่องนี้ขึ้นมา เกรงว่าจะลงมือกับซูพ่านเอ๋อ พอถึงเวลานั้นก็จะ…..” ฉีเฟยรู้สึกว่าตัวเองพูดมากพอแล้ว
กู้อ้าวเวยหน้าซีดเป็นไก่ต้ม ถึงเวลานั้นเกรงว่าถึงแม้จะกระโดดแม่น้ำฮวงโหล้างมนทิล ก็ไม่สิ้น ซ่านจินจื๋อก็จะคิดว่าว่านางเป็นคนเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น
“ในเมื่อพูดขนาดนี้เชิญแม่นางกู้พิจารณาให้ดี” ฉีเฟยยิ้มมุมปากอย่างมั่นใจ แล้วเดินจากไป
แต่หลังจากที่นางจากไป กู้อ้าวเวยสงบจิตใจตั้งนานแล้ว
ฉีเฟยเปิดไพ่ใบนี้ออกมาใช้ กลัวหรือว่านางจะลงมือก่อน? เพียงแค่นางบอกซ่านจินจื๋อ ฉีเฟยคนนี้รู้เรื่องมากเกินไป เกรงว่าจะตายไม่เห็นศพเสียมากกว่า
และอีกอย่าง ซ่านจินจื๋อก็ไม่ใช่คนโง่ นางเก็บเรื่องนี้ไว้ตั้งนาน หรือว่าฉีเฟยบอกว่านางเป็นคนพูด ก็แสดงว่านางพูดจริงๆอย่างนั้นหรือ ? น่าขำสิ้นดี
“นึกไม่ถึงว่า คนอย่างพระชายาจิ้งจะพบกับเรื่องแบบนี้” จากด้านหลังมีเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นอย่างแรง