บุบผาร้อยเสน่ห์ - ตอนที่ 930
บทที่ 930 ตระกูลตงฟาง
บอกว่าเป็นวัดที่นอกเมือง แต่มันกลับเป็นวัดใหญ่บนเขาข้าง ๆ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง
เจ้าอาวาสวัดที่นี่เคยทำพิธีให้กับอดีตฮ่องเต้มากก่อน ตอนนี้ถือศีลภาวนาอยู่ในป่าไม่ออกไปไหน ทั่วทั้งวัดมีแต่เขาว่าโบราณ มีห้องไม่เกินสี่ห้าห้อง จัดให้คนท้องอย่างจี้ซูหนึ่งห้องแล้วก็ตงฟางซวนเอ๋ออีกหนึ่งห้อง ส่วนบ่าวไพร่ที่ตามมาก็ไปอยู่รวมกับหลวงจีนด้านหลัง
กู้อ้าวเวยทำได้แค่อาศัยอยู่บนรถม้า แล้วค่อยไปที่ห้องพักตอนที่พวกนางไปจุดธูปไหว้พระ
ฉีหรัวจูงมือของนาง อีกมือก็ถือห่อยา เห็นว่าห่อผ้าด้านหลังของนางมีกล่องไม้ตั้งเรียงกันอยู่เยอะมาก นางเลยแอบถามว่า “เอาของมาตั้งเยอะแบบนี้ไม่กลัวใครมาเห็นเหรอ”
“งั้นก็ต้องใจกล้ามากพอที่จะมาค้นรถม้าของอ๋องจิ้งนะ” กล่องไม้ด้านหลังของกู้อ้าวเวยทับกันเป็นชั้น ๆ อาศัยฉีหรัวหลบสายตาของหลวงจีน แล้วมุดเข้าไปในห้องของซ่านจินจื๋อ ในห้องมีเตียงอยู่สองหลัง เพื่อเลี้ยงแขกที่มาทำอะไรน่าอายกัน เลยมีผ้าม่านอย่างหนากั้นเอาไว้ด้วย
นางเอาของกองไปที่เตียงทางด้านขวา ขอแค่ไม่มีใครมาเปิดผ้าม่านไม้ไผ่ก็จะไม่มีใครเห็นนาง
หลังจากนั้นหนึ่งชั่วยาม ซ่านจินจื๋อก็กลับมาแล้วก็มองไปที่ผ้าม่านไม้ไผ่ด้านขวา ด้านหลังของเขายังมีตงฟางซวนเอ๋อที่ตามมาคุยเรื่องสำคัญ
“พูดมา” ซ่านจินจื๋อเก็บสายตากลับมา จากนั้นก็นั่งลงบนโต๊ะ
“ปิ่นหยกเป็นของของท่านปู่ ตอนที่ข้ายังเล็กข้าเคยเห็นภาพขององค์หญิงหลิงเอ๋อร์ ปิ่นนี้มันอยู่บนหัวของนาง ดังนั้นข้าหวังว่าท่านอ๋องจะช่วยข้าสักเรื่อง” ตงฟางซวนเอ๋อถอนสายบัว ดวงตาของนางแดงก่ำ “หวังว่าท่านอ๋องจะช่วยข้าปิดเรื่องนี้เอาไว้ แล้วเกลี่ยกล่อมให้ท่านปู่อย่าได้ทำผิดอีก”
ซ่านจินจื๋อสีหน้าไม่เปลี่ยน กู้อ้าวเวยที่อยู่ด้านข้างนั่นแทบจะอดหัวเราะออกมาไม่ได้
หากหลายวันก่อนซ่านจินจื๋อไม่ได้ส่งคนไปจับตาความเคลื่อนไหวของนาง ก็คงไม่รู้ว่าวันนี้นางกับตระกูลตงฟางจะขีดเส้นแยกจากกัน วันนี้สิ่งที่นางจะพูด ก็แค่การเอาตัวรอด
“ท่านปู่กับพ่อของเจ้ายังมีอะไรปิดบังอีก?”
“รายละเอียดซวนเอ๋อไม่ทราบ แต่เหมือนจะรู้ว่าองค์หญิงหลิงเอ๋ออยู่ที่ไหน” เมื่อพูดถึงตรงนี้ ตงฟางซวนเอ๋อเหมือนจะยกกระโปรงขึ้นแล้วคุกเข่าลงตรงหน้าซ่านจินจื๋อ แล้วพูดว่า “ไม่เพียงเท่านี้ สิ่งที่ตระกูลตงฟางทำ ก็ทำเพื่อฝ่าบาท ซวนเอ๋อหวังว่าท่านจะเห็นแกข้าละเว้นคนของตระกูลตงฟาง”
ซ่านจินจื๋อขมวดคิ้ว “เจ้ามาพูดจาให้ร้ายเสด็จพี่ต่อหน้าข้า ไม่อยากมีชีวิตแล้วหรือยังไง?”
“เพราะซวนเอ๋ออยากมีชีวิตต่อไป ดังนั้นถึงได้ยินดีจะพูดทุกอย่างกับท่านอ๋อง” ตงฟางซวนเอ๋อคุกเข่าอยู่บนพื้นแล้วขยับเข้าใกล้ซ่านจินจื๋อ “ลูกในท้องของจี้ซูไม่ใช่ของท่าน นอกจากนี้ ท่านปู่หวังว่าข้าจะสามารถแยกออกจากตระกูลตงฟาง วันหน้าเมื่อท่านขึ้นครองคราชย์จะได้รักษาตระกูลตงฟางไว้ได้ ไม่เพียงเท่านี้ ท่านรู้หรือเปล่าว่าองค์ชายเก้าถูกสับเปลี่ยนไปแล้ว?”
สายตาของเขาเหมือนจะตกใจ มือซ่านจินจื๋อที่ไว้บนโต๊ะก็กำแน่น“ทำไมองค์ชายเก้าถึงได้สลับตัวไป?”
พิษขององค์ชายเก้าคือพิษตัวเดียวกับของกู้อ้าวเวย เบื้องหลังมีคนคิดอยากจะตามหาตัวกู้อ้าวเวยเพื่อเอาสูตรยาที่ทำให้เป็นอมตะ ดังนั้นเลยจับตัวเขาไป ตอนนี้คนที่อยู่ที่จวนเป็นตัวปลอม” ตงฟางซวนเอ๋อรีบร้อนขยับไปด้านหน้าอีก นางใช้สองมือจับไปที่ผ้าบนหัวเข่าของซ่านจินจื๋อ
“แล้วข้าจะรู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่เจ้าพูดมันจริงหรือว่าโกหก?” ซ่านจินจื๋อพูด
“หากท่านอ๋องไม่เชื่อ ให้คนไปสืบได้เลย” มือของตงฟางซวนเอ๋อที่จับไปที่เสื้อมันซีดขาว นางพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ซวนเอ๋อขอแค่ท่านอ๋องจะอนุญาตให้ข้าอยู่ในจวนอ๋องจิ้ง เมื่อเป็นอย่างนั้น ญาติพี่น้องของข้าก็จะไม่ถูกบีบจนหมดหนทาง”
ซ่านจินจื๋อตกใจที่นางมาบอกความลับที่ปกปิดเอาไว้ให้ได้รู้ แต่ก็ยังต้องรับปากนางไปก่อน
เมื่อตงฟางซวนเอ๋อกลับออกไปแล้ว กู้อ้าวเวยก็เปิดผ้าม่านไม้ไผ่ออกมานิดหน่อย แล้วโผล่หัวออกมาครึ่งหนึ่ง นางถอดเสื้อนอกไปแล้ว นางเอียงหัวมองมาที่เขา “เจ้าคิดว่าจริงอีกส่วนกัน”
“สรุปแล้วก็ปน ๆ กันอย่างละครึ่ง” ซ่านจินจื๋อลุกขึ้นแล้วเดินไปลงกลอนประตู แล้วเดินย้อนกลับมานั่งข้าง ๆ กู้อ้าวเวย “คืนนี้น้อยด้วยกันดีไหม?”
“ถ้าเจ้าไม่กลัวข้าอ้วกใส่เจ้านะ” กู้อ้าวเวยเปิดม่านออกให้มากขึ้น กล่องไม้สี่เหลี่ยมพวกนั้นมันใส่สมุนไพรแต่ละประเภทเอาไว้มากมาย โดยรองกระดาษมันเอาไว้สองแผ่น มันเลยไม่ได้ทำให้มีกลิ่นแรงเกินไป
นางพลิกตัวเข้าไปด้านใน แล้วใช้มือจับไปที่กล่องไม้ “หากตงฟางซวนเอ๋อบอกที่อยู่ของหลิงเอ๋อร์ให้เจ้า เจ้าก็ลองดูก็ได้”
“ยังไงหลิงเอ๋อร์ก็เป็นลูกสาวแท้ ๆ ของเสด็จพี่นะ คงไม่ ……”
“เขาเคยลงมือกับลูกชายตัวเองมากแล้วไม่ใช่เหรอ? หากเรื่องขององค์ชายเก้าคือเรื่องจริง เจ้าคิดว่าเขาจะไปดูแลลูกสาวตาบอดตั้งแต่เกิดอีกเหรอ? ต่อให้เป็นลูกสาวของหยูนซีก็เถอะนะ” กู้อ้าวเวยยังไงก็ไม่เชื่อ ดวงตาขาว ๆ เหมือนจะอ่อนล้ามากแล้ว น้ำเสียงของนางอ่อนลงมาก “ของบางอย่างมีถูกสลักไว้ในเลือด”
ซ่านจินจื๋อดึงนางกลับมา เห็นเสื้อนอกของนางถูกนางถีบไปอยู่ที่มุม โต๊ะไม้ตัวเล็กบนพื้นถูกตั้งไว้สำหรับการรับประทานอาหาร แล้วพูดว่า “ที่เจ้าพูดก็มีเหตุผล”
“ฟังพวกเจ้าคุยกัน ข้ารู้สึกง่วงแล้ว” กู้อ้าวเวยกึ่งลืมตาแบบอยากจะนอนมาก
“นอนเถอะ” ซ่านจินจื๋อจับไปที่หูของนาง เมื่อนางหลับไป นิ้วก็ค่อย ๆ เกี่ยวไปบนผ้า ซ่านจินจื๋อเปิดเสื้อของนางออกเล็กน้อย
รอยแผลที่หน้าอกในตอนนั้นตอนนี้มีรอยแผลยาว ๆ เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่ง แผลเก่านางไม่เคยใช้ยาทาเลย มันเหมือนสลักลงบนร่างกายของนาง แต่ในสายตาของซ่านจินจื๋อ ทุกอย่างมันดูมีค่า เขาค่อย ปิดเสื้อให้นาง จากนั้นก็จูบไปบนมือของนาง แล้วก็ไม่ได้ออกไปไหนอีก
ตกดึก กู้อ้าวเวยอ้วกออกมาไม่หยุดจริง ๆ เหมือนคิดอยากจะอ้วกข้าวขนมเมื่อตอนกลางวันออกมาจนหมด หลังจากนั้นต่อให้อ้วกออกมาแล้วไม่มีอะไร แต่ก็ยังใช้มือจับไปที่ขอบเตียง สายตาของนางไร้แววแล้วก้มนางลง กลัวว่าคลื่นลูกต่อไปจะมา
ซ่านจินจื๋อพยุงนางก็ปวดใจ ทนทรมานอยู่เกือบสองชั่วยาม กู้อ้าวเวยก็พิงไปที่เตียงอย่างหมดแรง เหลือหัวครึ่งหนึ่งพาดอยู่ที่ขอบเตียง ผมพาดลงบนพื้นนางก็ไม่รู้ตัว
ซ่านจินจื๋อสั่งให้คนมาทำความสะอาดห้อง แล้วก็กลับไปอยู่ข้างกายนาง จากนั้นก็กอดนางเอาไว้แล้วเตรียมนอนอีกสักหน่อย แต่กู้อ้าวเวยกลับผลักเขาออก นางใช้มือข้างหนึ่งเช็ดปาก “ตัวข้าเหม็นมากเลย”
“หอมจะตาย บ้วนปากไปสองรอบแล้วนะ” ซ่านจินจื๋อจูบไปที่ปากของนาง ตอนที่นางคิดจะดิ้นอีกเขาก็จัดการกอดนางไว้ในอ้อมกอดให้อยู่นิ่ง ๆ จากนั้นก็ยื่นมือข้างหนึ่งให้นางใช้เป็นหมอนหนุน แล้วพูดว่า “รีบนอนเร็ว พรุ่งนี้ตอนเจ้าตื่นมาเจ้าจะไม่เห็นข้าแล้วนะ”
“ถ้าข้ากรนแล้วมีใครมาได้ยินเข้าจะทำยังไง?”
“เจ้านอนหลับยิ่งกว่าหมูตายอีก” เขากอดนางมาไว้ในอ้อมกอด “รีบนอนเร็ว”
คนที่อยู่ในอ้อมกอดตัดพ้ออยู่สองสามคำ สุดท้ายก็ทนไม่ไหวเหนื่อยแล้วก็หลับไป
ซ่านจินจื๋อมองไปที่หน้าที่ผมซูบลงไปทุกวันของนาง แต่กลับนอนไม่หลับเลย